ยังไม่ทันได้เสพสุขกับความมีชีวิตชีวาและความศิวิไลของเมืองเวกัส เซี่ยวอี๋และเสิ่นิก็ถูกหย่อนไว้ที่โมเต็ลแห่งหนึ่งในเขตนอกตัวเมืองซึ่งเป็สถานที่พักชั่วคราว พวกเขามีเวลาปรับตัวจากอาการ Jet Lag แค่เพียงเล็กน้อย พอตกดึก รถเก๋งฟอร์ดคันหนึ่งก็มาบีบแตรปลุกพวกเขาที่หน้าโรงแรม
น้องชายที่มีผมทรงลานบินสวมเสื้อลายดอกคนหนึ่งเป็คนขับ ท่อนแขนของเขาเต็มไปด้วยรอยสัก ปากก็เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลา แค่เห็นเพียงแวบแรกก็รู้แล้วไม่ใช่คนดีแน่ เซี่ยวอี๋พยายามพูดอยู่สองหน แต่หมอนั่นก็ทำเป็หูทวนลม ยังทำบื้อใบ้
ทีน่าเคยบอกว่าถึงแม้เธอจะเชิญพวกเขามา แต่ในที่สุดแล้วนายจ้างของพวกเขาก็คือัดำ ถ้าัดำไม่ชอบ พวกเขาก็จะได้ตั๋วบินกลับบ้านไปแบบฟรีๆ ฟอร์มของชมรมม่านไม้ไผ่่นี้ไม่ค่อยดีนัก แก๊งใหญ่ทั้ง 7 ค่อยๆ มีฉันทามติลงความเห็นชี้นิ้วมายังม่านไม้ไผ่
ตอนที่ทีน่ากลับไปประเทศจีน เกิดการลอบสังหารัดำขึ้นอีกครั้ง ใน่กลางวันแสกๆ ม่านไม้ไผ่สูญเสียพี่น้องไป 4 คน เคราะห์ดีที่ัดำยังอยู่รอดปลอดภัย
เสิ่นิและเซี่ยวอี๋ถูกพาตัวไปยังโกดังสินค้าเก่าในเวกัส คนขับรถให้พวกเขาลงจากรถและขับรถจากไป
“ฉันไม่เข้าใจสภาพอากาศบ้าบอของเวกัสเลยจริงๆ กลางวันใส่ขาสั้นก็ยังร้อน พอกลางคืนใส่สูทก็ยังหนาว” เซี่ยวอี๋ที่เปลี่ยนเป็ชุดสูทสีดำมิดชิดยืนเล่นผมหางม้าของตัวเองภายใต้โคมไฟริมถนน
“คุณใส่ลูกปืนผิดแล้ว ต้องแขวนไว้ที่ด้านหลัง” เสิ่นิถอนหายใจพลางสอนรายละเอียด ชายหนุ่มจับสายคล้องลูกะุที่ด้านหน้าของเซี่ยวอี๋เลื่อนไปยังด้านหลัง ความรู้สึกเหมือนกับการกอด
“ทำไม? ฉันคิดจะเอาลูกะุเป็ชุดเกราะ!” เซี่ยวอี๋ยังดื้อด้าน
“ฮ่าๆ คุณดูหนังมากเกินไปแล้ว ในความเป็จริง ลูกปืนนี่แหละที่จะยิ่งทำให้คุณเจ็บหนัก คนอื่นแค่ทำให้คุณเป็รอยครูดเท่านั้น แต่ถ้าลูกปืนะเิ มันจะทำให้หน้าท้องของคุณเปิดได้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นโจมตีละก็มีอีกวิธี ใช้พลังะุยิงคุมไว้ ใช้ะุสกัดศัตรูเอาไว้ก่อน
สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ก็คือความคล่องตัวในการโหลดะุ เพื่อยิงสกัด ไว้กลับไปผมจะสอนคุณ” สายตาของเสิ่นิเต็มไปด้วยความกังวล
“เฮ้ พักหลังมานี้นายจู้จี้ขึ้นเยอะเลย คิดดูถูกฝีมือฉันหรือเปล่า?” เซี่ยวอี๋รู้สึกเหมือนกับถูกทำให้ขายหน้า
“ไม่ได้ดูถูก แต่เป็ห่วง ในเมื่อนี่ก็เป็ภารกิจที่เธอขอให้ผมช่วย ดังนั้นระดับความยากจึงสูงมาก สหรัฐเป็ประเทศที่ควบคุมการปืนอย่างหลวมๆ มีเงินก็สามารถสรรหาอาวุธใดก็ได้ ที่น่ากลัวก็คือคู่ปรับของเรามีเงินทุนมหาศาล
ความจริงแล้วผมไม่อยากพาคุณมาที่นี่ด้วย แต่คุณเป็ผู้สังเกตการณ์ของผม จะไม่พามาก็ไม่ได้” เสิ่นิจัดการกับแม็กะุของเซี่ยวอี๋ แต่เขากลับได้รับการมองอย่างเอือมระอาเป็การตอบแทน
“เฮ้เด็กน้อย ฟังเจ๊ให้ดีนะ เจ๊เลือกเป็ผู้สังเกตการณ์ของนายเอง เจ๊ตกลงจะเป็ผู้ช่วยของนายเอง เจ๊ไม่ใช่คู่หูบอดี้การ์ดของนาย เจ๊ไม่เคยมอบรางวัลให้นาย ชีวิตเจ๊ เจ๊รับผิดชอบเอง ถ้าตายขึ้นมาจริง...” ความหัวแข็งของเซี่ยวอี๋อ่อนลงในทันตา “อย่าให้แม่เห็นศพของเจ๊ล่ะ หัวใจแม่เจ๊ไม่ค่อยดี เผาเจ๊ให้กลายเป็เถ้าถ่านก่อน แล้วค่อยเอาไปลอยอังคารในทะเลหลินไห่นะ”
“อย่ามาสั่งเสียอะไรกับผม ผมจะไม่ช่วยหรอก ฟังคำสั่งผมให้ดี ยังไม่ถึงฆาตที่คุณจะมาตายในต่างแดน” เสิ่นิเขกหัวเซี่ยวอี๋ไปทีหนึ่ง ทำเอาหญิงสาวหลุดออกจากบรรยากาศอันเศร้าหมอง
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ขบวนรถสีดำแถวหนึ่งก็ขับมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูโกดังเก่า นักเลงท่าทางดุร้าย 4 คนลงมาจากรถหัวขบวน พวกเขาไม่แม้แต่ชายตามองเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ พวกเขาเดินตรงไปเปิดประตูโกดังและเข้าไปเตรียมตัว
ในรถคันสุดท้าย ทั้งสี่คนที่ลงมาจากรถลากกระสอบเข้าไปในโกดังอย่างรวดเร็ว เซี่ยวอี๋เห็นคราบเืที่ทิ้งไว้บนพื้น เธอจึงใช้ฝ่ามือฟาดไปที่แขนของเสิ่นิ
“ทราบแล้ว ดูนี่ก่อน” เสิ่นิกระซิบที่ข้างหูเซี่ยวอี๋
มีคนกว่า 30 คนในขบวน ทุกคนพกอาวุธ ปืนลูกซองและปืนพกเข้าไปปิดล้อมโกดังเก่าเอาไว้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วราวกับได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่เหมือนกับนักเลงข้างถนนทั่วไป จนเซี่ยวอี๋รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขึ้นมา
ทีน่าสวมกระโปรงสีแดงเืนกเดินลงมาจากเบาะหน้าของรถตู้ ถุงน่องดำ รองเท้าส้นเข็ม 12 เิเ ทำให้ตอนนี้หากดูเผินๆ เธอน่าจะสูงสัก 170 เิเ
ทีน่าชำเลืองมองเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ ก่อนจะเดินตรงไปเปิดประตูข้างของรถตู้ รถเข็นถูกผลักออกมาจากด้านใน
ัดำนั่งอยู่บนนั้น เขา...ความจริงแล้วคือเธอ สาวงามสุภาพเรียบร้อยดั่งดาวมหาวิทยาลัย อายุราวๆ 20 ปี ผมสีดำขลับยาวสลวย เรียกว่าถ่ายโฆษณา “สยายผมได้อย่างมั่นใจ” ได้เลย
เธอมีความงามอันน่าสะพรึงกลัวดุจดั่งหลินไต้อวี้ (ตัวละครในเื่ความฝันในหอแดง) ร่างอันผอมบางเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่สู้กับอากาศราวกับรอยยิ้ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากแขนขาเธอยังดี การที่เธอไม่สามารถเดินเหินได้ด้วยตัวเองเช่นนี้ ทำให้ชายทุกคนรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับไปพบกับรักแรก
ทีน่าเข็นัดำผ่านหน้าเสิ่นิไป สายตาทั้งสี่ประสานกัน ัดำส่งยิ้มจางๆ ให้เสิ่นิ เสิ่นิพยักหน้าเป็เชิงทักทาย เท่านี้ก็นับว่ารู้จักกันแล้ว
เมื่อติดตามเข้าไปในโกดังซึ่งมีแสงไฟสว่างจ้า ก็มองเห็นแค่เพียงสินค้าตรงกลางที่ถูกขนย้ายมา แผ่นพลาสติกขนาดใหญ่ถูกปูอยู่บนพื้น สิ่งของซึ่งถูกมัดอยู่กับเก้าอี้นั้นก็คือสิ่งที่ถูกเทออกจากกระสอบเมื่อครู่นี้ ผู้ชายผมบลอนด์ รูปร่างกำยำ ถูกทุบตีจนดูแทบไม่เป็ผู้เป็คน จะไม่เรียกว่าเป็สิ่งของได้อย่างไร?
นักเลงสองคนที่ยืนขนาบข้างกดให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ ความจริงแล้วการกระทำนั้นไม่จำเป็เลย ชายคนนั้นหายใจออกเหยียดยาว หายใจเข้าสั้นๆ หรือเรียกว่าหอบหายใจ เขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จะไปทำร้ายใครได้อย่างไร?
ทีน่าเข็นัดำถึงตรงหน้าเขา ัดำยกมือขึ้น นักเลงที่ด้านหลังก็จับหัวของเ้าหมอนั่นให้เงยขึ้น
“พวกเขาทุบตีคุณอย่างเืเย็น ฉันเคยกำชับแล้ว คุณคือไมค์ เบเลอร์ ทายาทลำดับที่ 43 แห่งตระกูลไมค์ อย่างไรก็ต้อนรับให้สมเกียรติหน่อย พวกเขาต้องเข้าใจความหมายของการต้อนรับผิดไปแน่ ฉันได้แต่ขอโทษคุณในนามของลูกน้องโง่ๆ พวกนั้นด้วย” เสียงของัดำเพราะมาก เธอพูดภาษาอังกฤษคล่องราวกับเป็ผู้ดีอังกฤษ
“อย่าแสร้งทำเป็ผู้บริสุทธิ์ แกมันนางงูพิษ! เพราะพ่อของพวกเราเชื่อมั่นในตัวแกมาก ถึงได้มอบเงิน 500 ล้านดอลลาห์สหรัฐให้กับนักบัญชีที่แกแนะนำมา แล้วดูตอนนี้สิ คนมันเชิดเงินหนีไปแล้ว แกว่าแกสมควรตายไหมล่ะ?” เบเลอร์กัดฟันหน้าซึ่งหลุดไปแล้วหนึ่งซี่ก่อนจะกล่าวขึ้น “การลอบสังหารแกเป็ฝีมือของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวฉัน”
“ฉันว่าคุณเบเลอร์เข้าใจผิดนะ การจับตัวคุณมาไม่ใช่เพื่อให้คุณชี้ตัวครอบครัวคุณ แต่เพราะคุณโง่เกินไปก็เลยถูกจับได้ เื่เงิน ฉันก็ได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้วในการประชุมครั้งล่าสุด ฉันัดำ และม่านไม้ไผ่ไม่ได้เอาเงินของทุกคนไปสักแดงเดียว พวกเราก็โดนนักบัญชีนั่นฮุบเงินไป 2 ร้อยล้านเหมือนกัน
ตอนนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกันหมด งานเร่งด่วนตอนนี้คือจับตัวนักบัญชีคนนั้นกลับมาให้ได้ แทนที่จะมาเข่นฆ่ากันเอง” ัดำพูดไปตามเนื้อผ้า วิเคราะห์แยกแยะ แสดงให้เห็นถึงสติและวุฒิภาวะที่แตกต่าง
“พูดซะน่าฟัง แกเก็บปากอันชาญฉลาดของแกไว้ใช้เลียนกเขาท่านประธานเฒ่าแห่งม่านไม้ไผ่ดีกว่ามั้ง? ดูขาของแกสิ ฉันคิดว่าคงอยู่ได้เพราะปากเท่านั้นแหละ!” เบเลอร์ยิ้มแฉ่งอย่างชั่วร้าย
ัดำเหยียดฝ่ามือเรียวออกไปด้านข้าง ทีน่าก็ยื่นค้อนใส่มือเธอโดยปริยาย
“ปัก!” ัดำยกค้อนขึ้นและกระแทกมันลงไปที่เป้าของเบเลอร์
“อ๊าก!!!” ชายมาดแมนอย่างเบเลอร์กรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป ร่างของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด เขาถูกนักเลงที่อยู่ด้านหลังกดลงกับเก้าอี้ เืไหลลงมาตามขา หยดลงบนแผ่นพลาสติก
เซี่ยวอี๋มองอย่างประหลาดใจ นี่มันเจตนาทำร้ายร่างกาย ด้วยสัญชาตญาณความเป็ตำรวจที่เธอััได้ เธออยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับถูกเสิ่นิขวางเอาไว้
“เฮ้ ดูเหมือนว่าบางอย่างของแกตอนนี้จะลุกไม่ขึ้นแล้วนะ” ัดำยิ้มและทิ้งค้อนในมือลง ก่อนจะรับกระดาษเช็ดมือมาจากทีน่า เธอเช็ดเืที่ติดอยู่ตามซอกนิ้ว “อย่าหัวเราะความพิการของคนอื่น มันจะเป็เหตุแห่งความหายนะ
ฉันไม่ฆ่าแก แต่เอาคำกลับไปบอกพ่อของพวกแกด้วยว่า นักบัญชีและเงิน ม่านไม้ไผ่จะติดตามและตรวจสอบต่อไปแน่ และจะแจ้งให้ทุกคนทราบทันทีที่มีความคืบหน้า แต่การแตกแยกในรังเดียวกันแบบนี้ไม่เป็ผลดีต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ขอให้พ่อของนายเห็นแก่ภาพรวมเป็สำคัญ อย่าหลงเชื่อคนที่ใส่ร้ายป้ายสี ขอให้มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวพอ อย่าได้มีครั้งอื่นอีก”
“สารเลว แกคิดว่าตอนนี้ยังจะมีคนที่เชื่อคำพูดเพ้อเจ้อของแกอีกอยู่เรอะ? อีกไม่นาน แกเตรียมขุดหลุมฝังศพรอไว้ได้เลย! มีคนอยากฆ่าแกอีกมากมาย! ฮ่าๆๆ!” เบเลอร์เงียบเสียงลงเพราะความเ็ป
“ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ฉันนี่โง่จริงๆ จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อครู่นี้พูดอะไรออกไป” ัดำคาบงับนิ้วๆ หนึ่ง นักเลงที่อยู่ด้านหลังก้าวขึ้นมาที่ด้านหน้า ก่อนจะดึงลิ้นของเบเลอร์ออกมาจากปาก ทีน่าส่งกรรไกรคู่หนึ่งให้กับัดำ
ัดำฮัมเพลงคลอไปกับเสียงกรีดร้องของเบเลอร์ เธอบรรจงตัดลิ้นของเขา นักเลงด้านข้างไม่รอให้เบเลอร์ะโร้อง เขาเทผงยาสีดำลงไปในปากเพื่อห้ามเื
“พามันไปส่งที่ตระกูลไมค์ อย่าลืมทิ้งไว้ให้หนึ่งหมื่นหยวนด้วยล่ะ เป็ค่ารักษาพยาบาล” หลังจากพูดจบ ัดำก็ส่งสัญญาณให้ทีน่าเข็นรถเข็นกลับ ในที่สุดัดำก็หันมาเผชิญหน้ากับเสิ่นิ
“นี่คือบอดี้การ์ดที่ทีน่าเชิญมาจากที่อันไกลโพ้นสินะ?” ัดำกล่าวด้วยความสงสัย “ทีน่าบอกว่าคุณเก่งที่สุดในประเทศ?”
“ใช่” เสิ่นิไม่ถ่อมตนและยอมรับโดยตรง
“คุณผู้ชาย เวกัสนี่อันตรายกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ เราวางแผนเอาชีวิตรอดกันทุกวัน ไม่เก่งจริงก็ไม่รอดแน่” ในขณะที่ัดำพูดอยู่นั้น เบเลอร์ที่เพิ่งจะถูกปลดออกจากเก้าอี้ จู่ๆ ก็หลุดพ้นจากพันธนาการของนักเลงโดยรอบ ไม่รู้ว่ามันไปเอาแรงมาจากที่ไหน เขาหยิบค้อนบนพื้นและพุ่งตัวเข้าไปหาัดำ ทีน่าพบความผิดปกติั้แ่แรกแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไร
“แบแบแบ! แบแบแบแบ!” เบเลอร์ผู้ไม่มีลิ้น พูดจาจึงฟังดูแปลกประหลาด เขาน่าจะกำลังพูดว่า “ไปตายซะ! นังสารเลว!”
เบเลอร์ปัดค้อนไปทางหน้าผากของัดำ ในขณะที่คนอื่นพากันตื่นตระหนก แต่เสิ่นิกลับเหมือนงูหลามั์ เขาคว้าปืนลูกโม่ออกมาและยิงไปที่เบเลอร์หนึ่งนัด ะุหักด้ามค้อนลง ทำให้การจู่โจมของเบเลอร์พลาดเป้า
“เซี่ยวอี๋” เสิ่นิเรียกเธอในขณะที่เปลี่ยนะุ จากทางด้านหลังของเขา เซี่ยวอี๋มุ่งตรงเข้าไปเตะในทันที แค่เพียงฝีเท้าเดียวเท่านั้นก็เข้าไปที่ใบหน้าของเบเลอร์ ทำเอาชายร่างกำยำถึงกับบินถลาถอยออกไป 2 เมตรและลงไปนอนกองอยู่บนแผ่นพลาสติก กระอักไอออกมาเป็เื
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่ได้เก่งที่สุด...แต่ก็ไม่เลวเลยนะ” ัดำใช้นิ้วเกี่ยวผมทัดหู พลางเปล่งรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ