“เชื่อปู่เถอะ ถ้าอยากชนะการประลองครั้งนี้ ก็ต้องให้เขาไปถ้าอยากชนะทั้งหมดก็ให้เขาไปแข่งทั้งสามตา” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“เป็ไปไม่ได้ ฉันต้องเข้าร่วมฉันจะปล่อยชะตากรรมให้อยู่ในมือคนที่ไม่รู้จักไม่ได้เด็ดขาดแต่ถ้าเขามีใบประกาศบุคลากรทางการแพทย์ งั้นก็ให้เขาช่วยแข่งตาเดียวแล้วกันหวังว่าเขาจะชนะนะคะ” หลิวเย่าซือไม่ได้เลือกคนอื่นเพราะว่าคนในคณะแพทย์แผนโบราณที่มาประลองได้ในวันนี้มีแค่เธอกับเหลิ่งซวงสองคนเท่านั้นเพราะว่าทั้งคณะแพทย์แผนโบราณคนที่มีใบประกาศบุคลากรทางการแพทย์ในตอนนี้มีแค่พวกเธอสองคน
“ตาเดียวก็ตาเดียว ถ้าเธอกับเสี่ยวซวงชนะกันคนละตาต่อไปอาคารหมอเทพนี่ก็จะเป็ของคณะแพทย์แผนโบราณ เราแล้วล่ะ ฮ่าๆ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
หลิวเย่าซือมองไปยังกัวไฮว่อีกครั้งเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่มีอะไรพิเศษเลย เด็กสาวที่อยู่ข้างเขานี่สิพิเศษหน้าตาสะสวย แล้วทำไมคุณปู่ถึงได้เชื่อใจหมอนี่ขนาดนี้นะหลิวเย่าซือคิดไม่ออกจริงๆ
“เหล่าหลิว ถ้าอยากจะคุยกับหลานสาวแกก็กลับไปคุยที่บ้านสิถ้าพวกแกไม่กล้าตกลงประลองก็ยอมแพ้ซะเถอะ อย่ามามัวเสียเวลาทุกคนอยู่เลย” หวงฮั่นหลินพูดเสียงดัง
“ทางฝั่งพวกเรามีเย่าซือ เหลิ่งซวงแล้วก็พ่อหนุ่มกัวไฮว่ลงแข่งพวกแกส่งคนมาแข่งซะสิ เหล่าหวง ถ้าแกอยากยกอาคารหมอเทพให้ไวๆงั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“คิดว่าหาคนนอกมาแล้วจะชนะพวกเราได้เหรอ เหล่าหลิวฉันว่าแกไม่ต้องอยู่ดูก็ได้นะกลับไปห้องทำงานทำใบประกาศให้นักเรียนพวกแกเก็บของซะเถอะ” คำพูดของหวงฮั่นหลินทำเอานักเรียนคณะแพทย์ตะวันตกหัวเราะเฮฮาขึ้นมา
“คุณครับ ผมว่าคุณเตรียมยาโรคหัวใจเอาไว้ก่อนเถอะแล้วก็นักเรียนที่หัวเราะกันอยู่ด้านหลังน่ะจำไว้นะว่าถ้าคณบดีพวกเธอเป็ลมไปก็ให้กดจุดเหรินจง[1] จุดเหรินจงนะเข้าใจไหม ตรงนี้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆในขณะที่พูดเขาก็ชูนิ้วกลางใส่หวงฮั่นหลินกับนักเรียนที่กำลังหัวเราะอยู่ด้านหลัง
“หวังว่าจะรักษาเก่งเหมือนปากนะ” หวงฮั่นหลินหรี่ตามองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น “เริ่มเลยเถอะ พวกเธออยากประลองอะไร ให้ไวเลย”
“การตรวจสี่อย่าง[2] ในเมื่อเป็การประลองการแพทย์งั้นพวกเราก็จะใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้เอาชนะพวกเธอฉันได้ติดต่อโรงพยาบาลประจำเมืองอู่เฉิงเอาไว้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวพวกเขาจะส่งผู้ป่วยมาให้ รอบแรกพวกเราจะประลองทฤษฎีวินิจฉัยโรครอบที่สองประลองรักษาผู้ป่วย รอบที่สามพวกเธออยากแข่งอะไรก็บอกมาฉันว่าแค่สองตาก็เอาชนะแพทย์แผนปัจจุบันของพวกเธอได้แล้วล่ะ” หลิวเย่าซือพูดด้วยเสียงดัง
“ยายหนูตระกูลหลิว หวังว่าเธอจะทำให้พวกเราซวยได้นะไม่งั้นพวกเราจะถูกโกนหัวนะ ฮ่าๆ” หวงฮั่นหลินพูดพลางหัวเราะโดยไม่ได้รู้สึกโกรธ
“รุ่นพี่ หัวหน้าหลิว โรงพยาบาลอู่เฉิงพาผู้ป่วยมาแล้วค่ะ” นักศึกษาปีหนึ่งรายหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าหลินเย่าซือพร้อมกับพูดขึ้น
“หลังจากวันนี้ไป อาคารหมอเทพก็จะเป็ของเราแล้วล่ะ” เฉินเจี่ยตี้สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “คณบดีหวง รอบแรกเย่าซือน่าจะลงแข่งเองฝั่งพวกเราจะให้ผมแข่งหรือจะให้เฉียนคุนแข่งดีครับ”
“ให้เฉียนคุนแข่งก็พอแล้ว ถ้าเฉียนคุนแพ้เธอก็ต้องเอาชนะยายหนูตระกูลเหลิ่งนั่นให้ได้ รอบสามให้เสี่ยวเหอแข่งไว้ถึงตอนนั้นช่วยถ่ายรูปท่าทีของเหล่าหลิวมาให้ฉันหน่อย ต้องสนุกแน่ๆ เลย ฮ่าๆ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ
“ท่านคณบดีแกร่งมากเลยครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดยิ้มๆ
อันที่จริงการประลองรอบแรกนั้นง่ายมากโรงพยาบาลอู่เฉิงส่งผู้ป่วยมาสี่รายทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยอาการป่วยเรียบร้อยแล้วแล้วให้ทางผู้เข้าแข่งขันคณะแพทย์แผนโบราณกับแพทย์แผนปัจจุบันวินิจฉัยอีกครั้งจากนั้นก็มาเทียบกับทางโรงพยาบาลเพื่อหาผลแพ้ชนะ
“เฉียนคุน วินิจฉัยสบายๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องกดดัน ฝั่งเราไม่ต้องกดดันหรอกแพ้ชนะไม่เป็ไร” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆกับลูกศิษย์ตัวเอง
“วางใจเถอะครับ ผมรู้ว่าคู่แข่งของผมคือใคร แต่ว่าผมไม่มีทางแพ้แน่นอน” เฉาเฉียนคุนพูดยิ้มๆ
หลิวเย่าซือจับชีพจรของผู้ป่วยทั้งสี่รายสำรวจลักษณะพิเศษของผู้ป่วยทั้งสี่ จากนั้นก็ถามคำถามพวกเขาสองสามคำถามสุดท้ายก็เขียนคำตอบของตนลงในกระดาษ
เฉาเฉียนคุนหยิบสเต็ตโทสโคป[3] มาหนึ่งเครื่องก่อนจะทำการตรวจขั้นพื้นฐานกับผู้ป่วยจากนั้นก็เขียนคำตอบบนกระดาษอย่างรวดเร็วเขามองหลิวเย่าซือที่อยู่ตรงข้ามแวบหนึ่งด้วยท่าทางราวกับกุมชัยชนะเอาไว้
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็เขียนคำตอบเสร็จพร้อมกันจากนั้นก็ส่งไปให้หัวหน้าหลิวจากโรงพยาบาลอู่เฉิง
“ท่านคณบดีหลิว คณบดีหวง นักศึกษามหาลัยอู่เฉิงไม่เลวเลยนะครับเนี่ยนักศึกษาอย่างพวกเขาถ้ามาที่โรงพยาบาลอู่เฉิงอย่างพวกเราก็ถือว่าเป็คนเก่งเหมือนกัน” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวหลิว พวกเขาสองคนใครแพ้ใครชนะเหรอ แกประกาศคำตอบสักทีเถอะ” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ หลิวชิงเจิงเองก็เป็นักเรียนของเขาเขาอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมืองได้สามปีก็ได้เป็หัวหน้าฝ่ายศัลยกรรมประสาทเส้นทางช่างราบรื่นยิ่งนัก
“คำตอบที่น้องๆ ให้มานั้นไม่ผิดเลยครับพวกเขาวินิจฉัยอาการป่วยของผู้ป่วยทั้งสี่ได้อย่างชัดเจน” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวหลิว แกหมายความว่ารอบแรกเสมอกันเหรอ” หลิวเฉินกังถามขึ้นยิ้มๆเขามีความรู้สึกที่ไม่เลวต่อหลิวชิงเจิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เลยเพราะเมื่อก่อนตอนที่หลิวชิงเจิงยังเรียนอยู่เขาไม่ได้มีความบาดหมางกับคณะแพทย์แผนปัจจุบัน และมีมิตรภาพที่ดีต่อหลิวเฉินกัง
“คณบดีหลิว ผมขอไม่บอกก่อนว่าใครแพ้ใครชนะพวกคุณมาดูคำตอบของทั้งสองคนเองเถอะ” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“อันนี้เป็ของรุ่นน้องเย่าซืออันนี้เป็ของรุ่นน้องเฉียนคุนจากคณะแพทย์แผนปัจจุบัน” หลิวชิงเจิงนำคำตอบของทั้งสองวางไว้บนโต๊ะพร้อมกัน
หลิวเฉินกังกับหวงฮั่นหลินมองคำตอบของทั้งคู่หวงฮั่นหลินยิ่งมองก็ยิ่งพออกพอใจ อารมณ์ยินดีนั้นแสดงออกมาง่ายกว่ามากส่วนสีหน้าของหลิวเฉินกังก็เริ่มดูแย่ลง
“ให้ผู้ป่วยหมายเลขสามมาหน่อย” หลิวเฉินกังพูดพลางส่ายศีรษะจากนั้นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีผู้หนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาหลิวเฉินกังทาบนิ้วมือไว้บนข้อมือของชายผู้นั้น ไม่นานสีหน้าเขาก็ดูแย่ยิ่ิงกว่าเดิม
“เหล่าหลิว ไม่งั้นรอบนี้เสมอกันไหมคำตอบของนักเรียนทั้งสองคนเหมือนกันกับโรงพยาบาลประจำเมืองเลย” หวงฮั่นหลินพูดยิ้มๆ
“แพ้ก็แพ้ไปสิ จะมาเสมอกันอะไรอีก การประลองรอบแรกคณะแพทย์แผนปัจจุบันชนะไป” หลิวเฉินกังพูดด้วยเสียงดัง
“เป็ไปไม่ได้ ฉันวินิจฉัยผู้ป่วยสี่คนนั่นไม่ผิดแน่” หลิวเย่าซือชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง
“ยายหนู เธอไปจับชีพจรผู้ป่วยคนที่สามใหม่เถอะ จับดูหน่อยแล้วจากนั้นก็ดูตาของเขา” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ “ไม่เลวเลยนะแต่ว่าเทียบกับอุปกรณ์ทันสมัยพวกนั้นแล้วยังห่างกันเยอะเลย”
“พี่ไฮว่ ทำไมคนสวยคนนั้นแพ้ล่ะคำตอบที่พวกเขาสองคนเขียนเหมือนกันกับที่โรงพยาบาลวินิจฉัยนี่นา” อวี้เอ๋อร์ถามขึ้นเบาๆ
“คนที่สามน่าจะเป็ลำไส้อักเสบฉับพลัน แต่ว่าลูกตาของเขาพร่ามัวลำไส้อักเสบน่าจะเกิดจากเหล้า จากนั้นพิษเหล้าก็ทำลายตับของเขาส่งผลให้ดวงตาของเขาพร่ามัว คนสวยคนนั้นไม่ได้เขียนถึงตับแต่ไอ้เด็กคณะแพทย์แผนปัจจุบันนั้นเขียนไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
[1] เป็จุดที่อยู่ระหว่างจมูกกับปากการกดจุดเหรินจงเป็การรักษาตามแบบการแพทย์จีน
[2] เป็วิธีการเคราะห์โรคของการแพทย์จีน อันประกอบไปด้วย การดู การดมการสอบถาม และการจับชีพจร
[3] หูฟังหมอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้