บทที่ 160 รางวัลการประชันห้าั
ยามนี้ ไม่เพียงแต่ฉู่อวิ๋นเท่านั้นที่สับสน แต่ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึงเช่นกัน
จู่ๆ ซิวหลัวหน้าผีก็ล้มลงกับพื้นและกลิ้งไปรอบๆ เหมือนลูกหมา มันตลกมากจนไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนดูใ ชายสวมหน้ากากคนนี้เพิ่งเอาชนะการประชันห้าัได้ จนสร้างภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมไว้ที่นี่ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำให้ตัวเองต้องอับอายในที่สาธารณะได้เช่นนี้
“ซิวหลัวหน้าผีโดนของหรือ?” บางคนสงสัย เพราะพวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นการโจมตีของวงแหวนอวกาศ
“ไม่ผิด! นี่จะต้องเป็เ้าหน้ากากดำนั่นทำแน่!” ไม่นาน หลายคนก็แสดงความตื่นเต้นออกมา ต่างจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยสายตาประหลาดใจ และคิดว่าเขาเป็คนทำ
ช่างเป็ความเข้าใจผิดล้วนๆ
ทุกคนเริ่มคิดว่าสาเหตุที่ซิวหลัวหน้าผีล้มลงกับพื้นเป็เพราะฉู่อวิ๋นแอบเคลื่อนไหว...
“เด็กป่านั่นล้มซิวหลัวหน้าผีลงกับพื้นได้โดยไมต้องลงมือเลย!”
“ที่แท้แล้ว... เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่เป็ผู้ฝึกกระบี่เท่านั้น แต่ยังเป็ผู้มีพลังจิติญญาด้วย! พวกเ้าดูท่าทางก่อนหน้าของซิวหลัวหน้าผีสิ เขาคงถูกโจมตีทางจิตใจแล้วเป็แน่!”
“ข้ากำลังฝันอยู่หรือ? เป็แค่เด็กในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่วิชากระบี่ล้ำลึกเกินบรรยาย แบบนี้อัจฉริยะคนอื่นๆ จะรอดหรือ? อุกอาจเกินไปแล้ว!”
ทั่วทั้งลานเสียงดังลั่นทันที! อึกทึกครึกโครมราวกับน้ำหลาก ทำให้ผู้าุโหลายคนเป็ลมด้วยความตื่นเต้น...
ทุกคนตกตะลึง สั่นไปทั้งตัว และโห่ร้องให้ฉู่อวิ๋น พวกเขาได้เห็นชายหนุ่มที่มีพร์เช่นนี้กับตาตัวเอง เป็พรที่ได้รับจากการฝึกฝนมาตลอดชีวิต!
“หน้ากากมืดอวิ๋นชู!”
“หน้ากากมืดอวิ๋นชู!”
บนเวทีประลอง เสียงะโดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ความตื่นเต้นรุนแรงมากจนฉู่อวิ๋นรู้สึกเวียนหัว
นี่คืออะไร? ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็คนที่เอาชนะซิวหลัวหน้าผีได้
“ผู้าุโ ท่านบอกว่าซิวหลัวหน้าผีจะช่วยข้ากับพี่สาวข้าได้นี่ แต่ตอนนี้เขาหายไปแล้ว!” ฉู่อวิ๋นอุดหูแล้วถามขณะะโลงจากเวที
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะไม่เข้าใจว่าโยวกู่จือไล่และรู้ตัวตนของซิวหลัวหน้าผีได้อย่างไร แต่ในเมื่อซิวหลัวหน้าผีเป็ทายาทของผู้าุโ เช่นนั้นก็ควรจะคุยกันดีๆ สิ!
คราวนี้ตีจนเขาวิ่งเตลิดไปแล้ว ฉู่อวิ๋นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“อย่ากังวลไป ที่นี่ไม่เหมาะจะพูดคุย ข้าจึงให้เ้าคนงี่เง่านั้นกลับไปรอพวกเราที่บ้าน ส่วนเื่รายละเอียด ตอนพบหน้าค่อยอธิบายกันอีกที” โยวกู่จือกล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเมื่อโยวกู่จือพูดแบบนี้ เขาก็ค่อนข้างมั่นใจ
ตอนนี้ที่ไว้ใจได้ มีแต่ตาเฒ่าคนนี้เท่านั้น
ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง ฉู่อวิ๋นก้าวลงจากเวที มองเห็นชายชราเคราขาวเดินเข้ามา เป็คนที่เคยหยุดเขาจากการปะทะกันกับซิวหลัวหน้าผี
“จอมยุทธ์อวิ๋น ยินดีด้วยที่ชนะการประชันห้าั จากนี้ ให้ข้าพาเ้าไปที่ห้องสมบัติ เลือกสรรสามรางวัลเถอะ” ชายชราในชุดคลุมสีขาวกล่าวอย่างชื่นชมในดวงตา
เมื่อฉู่อวิ๋นนึกขึ้นได้ ใบหน้าของเขาก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ ไม่เพียงแต่เขาจะมีความหวังที่จะช่วยพี่ซินเหยาได้เท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัลนักรบห้าัมาด้วยความงุนงง รางวัลพวกนี้ทำให้เขามีความสุขจริงๆ
แต่ก่อนที่จะได้รับรางวัล ฉู่อวิ๋นก็กลับมายังที่นั่งพิเศษและแสร้งอธิบายสถานการณ์ให้เสวี่ยหรูเยียนฟัง
แต่ที่จริงแล้ว เขากำลังบอกกับฉู่ซินเหยาอ้อมๆ ว่าให้นางไม่ต้องกังวล
ทว่าดวงตาของฉู่ซินเหยากลับรื้นไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้ใจของฉู่อวิ๋นเ็ป
เห็นได้ชัดว่าฉู่ซินเหยากังวลเื่ฉู่อวิ๋นมาก หลังจากได้เห็นการต่อสู้ของนักรบที่โหดร้าย นางกังวลเสียจนลืมว่าเขาชนะการประชัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นหน้ากากที่เป็รอยร้าวของฉู่อวิ๋นและคราบเืบนหน้าผากของเขา นางก็อยากรีบไปรักษาเขา ไปดุเขา
อวิ๋นเอ๋อร์คนนี้ทำให้ตัวเองมีแผลได้ตลอดทั้งวัน ทั้งดีและไม่ดี ไม่รู้หรือว่านางปวดใจเพียงใด?
น่าเสียดายที่มีคนคอยสอดแนมอยู่รอบตัว ฉู่ซินเหยาจึงทำได้เพียงแสดงสีหน้าขุ่นเคืองและไม่ได้กระทำการตามอำเภอใจ
“พี่ซินเหยา ข้าสบายดี สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว วันนี้ข้าจะไม่ลงมือใดๆ อีก” ฉู่อวิ๋นหลับตาลงอีกครั้งและส่งสัญญาณด้วยสายตา เพื่อทำให้ฉู่ซินเหยารู้สึกเบาใจ
พวกเขาทั้งคู่มีความเข้าใจกันลึกซึ้ง เพียงสบตาก็สามารถรับรู้ความคิดของกันและกัน
หลังจากมีเวลาปลอบประโลมฉู่ซินเหยาแล้ว ฉู่อวิ๋นจึงกลับลงสนาม
ระหว่างทาง ฉู่อวิ๋นได้พบกับหญิงขี้เมาเ้าเสน่ห์ขึ้นมาโดยไม่คาดคิด ทำให้เขาใ
“นี่ ไอ้หน้ากากประหลาด เ้าไม่เป็ไรนะ? เอิ้ก~” มู่หรงซินเป๋ไปมา และพูดด้วยความงุนงง “เพราะพึ่งโชคเ้า คุณหนูเช่นข้าเลยชนะหินิญญามาได้ไม่น้อยเลยนะ~”
มู่หรงซินส่ายไพ่หินิญญาบางๆ ในมือและเผยรอยยิ้มงดงาม
“ชนะได้ก็ดีแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ อย่าดื่มมากนัก” น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นนุ่มนวลและห่วงใย เขาไม่อยากให้มู่หรงซินดื่มด่ำกับความเศร้าโศกจริงๆ
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉู่อวิ๋นก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้รู้ตัวตนของเขาได้ เพราะมันอาจเป็อันตรายต่อนางได้
ยามนี้ สีหน้าของมู่หรงซินเปลี่ยนไป ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางย่นจมูกและเริ่มร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลอาบหน้า
“เหตุใดคนที่มีคำว่า “อวิ๋น” ในชื่อถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ล่ะ?... ฮือ...”
“เ้าอันธพาลตัวเหม็น...ทำไมถึงอยากตายล่ะ?...ทำไม?! ฮือๆ...”
ด้วยเหตุนี้ มู่หรงซินจึงก้าวพลาดจนเกือบจะล้ม ฉู่อวิ๋นใรีบวิ่งไปรับตัวนางเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยมือข้างเดียว จมูกได้กลิ่นหอมโชยมาจากเส้นผม กลิ่นหอมช่างดึงดูดเหลือเกิน
เอวของนางยังคงเรียวเล็ก นุ่มนิ่มและอ่อนโยน
ใบหน้าของนางยังคงบอบบางมีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย
“เ้าเมาแล้ว” ขณะมองมู่หรงซินในอ้อมแขน ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจและกำลังจะให้สาวใช้ที่กังวลอยู่ข้างๆ มาพยุงนางแทน
แต่มู่หรงซินกลับจับคอเสื้อของฉู่อวิ๋นแล้วขยับหน้าเข้าใกล้ ดมกลิ่นฟุดฟิด
“กลิ่นนี้คุ้นเคยมาก เ้าช่วย... ให้ข้าอยู่ต่ออีกสักหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะ...”
มู่หรงซินหลั่งน้ำตาเลอะหน้าและสะอื้นเบาๆ คิดถึงชายคนนั้นที่อยู่และตายไปพร้อมกับนาง บุกเข้าไปในปากของาาสัตว์ปีศาจเพื่อนาง
ถ้านางรู้ว่าชายหนุ่มที่นางอิงแอบอยู่ตอนนี้คือชายคนนั้นที่นางคะนึงหาทั้งวันคืน จะเกิดอะไรขึ้น?
หัวใจของฉู่อวิ๋นเต้นตึกตัก เขาไม่ขัดขืน เพียงปล่อยให้มู่หรงซินกอดเขาไว้อย่างเชื่อฟัง
จนกระทั่งนางหลับสนิท ฉู่อวิ๋นจึงขอให้สาวใช้ของนางพานางกลับไป แต่ในใจกลับอดหวั่นไหวไม่ได้
“เ้าหนู ไม่คิดว่าเ้าจะเป็คนอารมณ์อ่อนไหวน่ะ” โยวกู่จือล้อเล่นระหว่างทางไปห้องสมบัติ
“พูดอะไรไม่เห็นรู้เื่เลย ผู้าุโอย่ามาล้อกันเลย” ฉู่อวิ๋นเมินเขา เขาค่อนข้างซื่อบื้อเื่อารมณ์ความรู้สึก เพียงแต่รู้สึกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับมู่หรงซินเขาไม่ควรเ็าเกินไป
พวกเขาทั้งคู่ประสบความเป็ตายมาร่วมกัน จะบอกว่าฉู่อวิ๋นไม่หวั่นไหวเลยก็คงเป็ไปไม่ได้
“คุณสมบัติของซินเอ๋อร์ไม่เลว ข้าควรช่วยนางเสียหน่อย” ฉู่อวิ๋นคิดอยู่ในใจ หากมีโอกาส เขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ก้าวหน้าในด้านพลังยุทธ์
หลังจากนั้นไม่นาน ภายใต้การนำทางของชายชราชุดคลุมสีขาว ในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็มาถึงห้องลับที่ทั้งเร้นลับและหรูหรา
นี่คือห้องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมบัติพัสถาน ทั้งทองคำและเงินตรา
ถัดจากกำแพง ยังมีกล่องหยกและแจกันประดับที่สวยงามมากมาย เห็นได้ชัดว่าบรรจุยาและน้ำอมฤตอันล้ำค่า
ตู้หนังสือเรียงรายเป็ทิวแถวโดยมีม้วนไม้ไผ่ งานแกะสลักหิน และหนังสือจัดวางอยู่มากมาย ล้วนเป็ทักษะวิชายุทธ์ที่หาได้ยาก ไม่ใช่ระดับต่ำๆ
สิ่งที่น่าตื่นตาที่สุด คือมีสมบัติิญญาและวัตถุิญญาที่ไม่รู้จักมากมายตั้งกองรวมกันอยู่บนพื้นดูตระการตายิ่งนัก และลึกเข้าไปยังเป็ที่รวบรวมอาวุธและชุดเกราะต่างๆ
ทันทีที่เข้ามา ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เป็ประกาย สถานที่แห่งนี้เป็เพียงห้องสมบัติขนาดใหญ่ที่มีสมบัติทุกประเภท หยิบออกไปสักชิ้นก็มีค่าพอให้นักรบทั้งหลายมาแย่งชิง!
หรูหราตระการตายิ่งนัก
“ท่านผู้เฒ่า ข้าสามารถเลือกรางวัลได้เพียงสามรางวัลเท่านั้นหรือ?” เมื่อมองไปที่สมบัติและวัตถุิญญาที่วางอยู่บนพื้น ฉู่อวิ๋นก็น้ำลายสอ ดวงตาพุ่งตรงไม่วอกแวก
“ฮ่าๆ สหายตัวน้อย กฎก็คือกฎ เ้าเลือกได้เพียงสามชิ้นเท่านั้น”
“ขอแค่ที่เ้าเลือกอันที่เหมาะสมแล้วบอกข้า ข้ารู้ที่มาและหน้าที่ของรางวัลทั้งหมด หากเ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามข้าได้”
ชายชราชุดคลุมสีขาวลูบเครายิ้มๆ เขารู้ว่าผู้ชนะของการประชันห้าัทุกคนที่มาที่นี่เป็ครั้งแรก จะต้องตกตะลึงกับสมบัติอันมั่งคั่งแน่นอน
แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชนะทุกคนจะเลือกสมบัติระดับสูงได้ เวลาในการเลือกนั้นมีจำกัด ไม่อาจไล่ถามทีละอันได้
หนึ่งในเหตุผลที่ซิวหลัวหน้าผีเข้าร่วมการประชันห้าัหลายครั้งหลายครา ก็เพราะเขา้าเลือกหาสมบัติ แต่น่าเสียดายที่เขามีความรู้น้อย จึงมักหาสมบัติดีๆ ไม่พบ
“จอมยุทธ์อวิ๋น เชิญเริ่มเลือกรางวัลได้ กำหนดเวลาคือหนึ่งชั่วยาม หากเกินเวลาที่กำหนด ข้าจะสุ่มเลือกรางวัลให้ท่านแทน” ชายชราชุดคลุมสีขาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ นั่นก็มากพอแล้ว ไม่ต้องกังวลนะท่านผู้เฒ่า ข้าไม่รบกวนท่านหรอก!”
ฉู่อวิ๋นยิ้มยิงฟันอย่างเ้าเล่ห์ เขาเดินวนไปรอบๆ อย่างไม่เร่งรีบ
เขามีร่างิญญาเมื่อพันปีก่อนอยู่กับตัว ในแง่ของการประเมินสมบัติและความรู้ ใครจะเทียบกับโยวกู่จือได้?
แต่ท่าทางที่ผ่อนคลายของฉู่อวิ๋นทำให้ชายชราชุดคลุมสีขาวส่ายหัวและหัวเราะ คิดว่าเด็กก็คือเด็ก เวลากระชั้นขนาดนั้นแต่ก็ยังค่อยๆ เลือก ย่อมไม่มีความรู้เป็แน่
“นี่ วิชากระบี่ดาวตกใช้ไม่ได้แล้ว ข้าควรเลือกวิชากระบี่ใหม่มาใช้แทน ผู้าุโ ที่นี่มีวิชายุทธ์อยู่มาก ท่านมีอะไรจะแนะนำหรือไม่?”
เมื่อมองดูตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้ว นี่มันหลอกกันชัดๆ เยอะขนาดนี้ จะไปหาสิ่งที่มีค่าที่สุดเจอได้อย่างไร?
“เฮ้อ เ้าหนู เ้าถามถูกคนแล้ว แถวที่หก ตู้ที่สิบเจ็ด มุมล่างซ้าย เล่มที่สามนับจากเล่มสุดท้าย” โยวกู่จือพูดอย่างโอ้อวด
ด้วยความแข็งแกร่งทางิญญาของเขา การประเมินวิชายุทธ์ทั้งหมดที่นี่ ยากเพียงกระผีก
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็เดินไปหยิบหนังสือที่ชำรุดทรุดโทรมจากม้วนหนังสือโบราณที่ฝุ่นเขรอะหนาเตอะ
“วิภาสบังเหิน? นี่มันของเล่นอะไรหรือ?”
“เ้าบ้า ไอ้คนไม่รู้ความ! นี่คือทักษะกระบี่ที่ผู้ฝึกกระบี่ขั้นเทียมฟ้าสร้างขึ้นมาเมื่อหลายพันปีก่อน วิชากระบี่นี้ถูกสร้างขึ้นในวันที่มีแสงแดดสดใส มันสูญหายไปนานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันที่นี่” โยวกู่จือกล่าว
“มันทรงพลังขนาดนั้นจริงๆ หรือ?” ฉู่อวิ๋นสงสัย เพราะม้วนหนังสือขาดรุ่งริ่งนี่ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะขาดไปคามือทันทีที่พลิก
แต่ในขณะที่ฉู่อวิ๋นคิดจะเปิดดู ก็พบว่ามีกระแสพลังกระเพื่อมมาปกคลุมมัน เกิดแสงเรืองรองส่องประกาย ทำให้เขาไม่สามารถเปิดมันได้
“ตำราวิชายุทธ์ของที่นี่ปิดผนึกไว้ จะเปิดได้ก็ต่อเมื่อออกไปแล้วเท่านั้น”
ชายชราชุดคลุมสีขาวเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุ้ง
อันที่จริง ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่ในวงแหวนอวกาศของเขามีตาเฒ่าแสนชั่วร้ายช่วยเขาโกงอยู่ ถ้าถูกจับได้คงไม่ดีแน่
“ฮ่าๆ... ข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านผู้เฒ่า เวลาเดินท่านช่วยส่งเสียงหน่อยได้หรือไม่? มันทำให้ข้ากลัวน่ะ” ฉู่อวิ๋นยกยิ้มอย่างเชื่องช้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราชุดคลุมสีขาวก็หัวเราะแล้วพูดว่า “เ้าหนู อย่าได้มีความคิดชั่วร้ายใดๆ ของทุกชิ้นที่นี่มีข้อจำกัด อยากแอบเอาออกไปไม่ได้หรอก เ้าค่อยๆ เลือกเถอะ”
“ฮ่าๆ... ผู้น้อยจะไปขโมยได้อย่างไร? ท่านผู้เฒ่า ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว” ฉู่อวิ๋นเกาหัวหัวเราะ เขามีร่างิญญาที่รอบรู้เื่ในใต้หล้า สามารถเอาสิ่งที่ดีที่สุดไปได้อย่างซื่อสัตย์ จะไปขโมยทำไม?
“ดีแล้ว” ชายชราชุดคลุมสีขาวพยักหน้า
จากนั้น เมื่อเขาก้มลงมอง ชายชราชุดคลุมสีขาวก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นม้วนหนังสือที่ผุพังในมือของฉู่อวิ๋น และพูดว่า “เ้าหนู รางวัลจากการประชันห้าันั้นได้มาอย่างยากลำบาก เหตุใดจึงคิดจะเอาวิชากระบี่ระดับต่ำเล่มนี้ไปเล่า?”
“เอ่อ?” ฉู่อวิ๋นตกตะลึง