อวิ๋นจื่อยังคงใช้ชีวิตเหมือนในอดีต นางนั่งคัดอักษรอยู่ในเรือน
เมื่ออยู่ในจวนตระกูลซูนางแทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย แต่ก็มีกฎระเบียบบางอย่างที่คล้ายคลึงกับตอนที่นางอยู่ในพระราชวัง
ตอนที่ชิงซีก้าวเข้ามาในเรือน อวิ๋นจื่อยังคงก้มหน้าคัดอักษรอยู่และไม่รู้เลยมาว่ามีคนเข้ามา
อวิ๋นจื่อส่งเสียงเรียกไป๋จื่อด้วยน้ำเสียงแ่เบาแต่ไร้เสียงตอบรับ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นชิงซีที่อยู่ในชุดสีเขียวเช่นเคย นางจึงยิ้มและถามว่า “เหตุใดเ้าถึงไม่เรียกข้า? รอนานหรือไม่?”
ชิงซีส่ายหน้า “ข้าเพิ่งมาถึง ่นี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีความสุขดี ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าการใช้ชีวิตที่นี่จะเหมือนตอนอยู่ในตำหนักเหวินฮวา ข้ารู้สึกขอบคุณท่านประมุขจากใจจริง”
ชิงซียิ้ม “ขอบคุณข้าจะได้ประโยชน์อะไร? แล้วตอนนี้เ้ามีแผนการอย่างไร?”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ถ้ากล่าวถึงแผนการก็ย่อมเป็สิ่งที่ข้าได้พูดกับท่านประมุขไปแล้วก่อนหน้านี้ ข้ายังอยากกลับไปที่นั่นอีกครั้ง”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ชิงซีก็ยิ้มและกล่าวว่า “เ้าคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วหรือ? บางทีหลังจากเื่นี้จบลงเ้าอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคที่หนักหนากว่าในตอนนี้”
อวิ๋นจื่อจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? ในความเป็จริงอุปสรรคเดียวในใจของนางก็คือคนที่นางรัก มีช่องว่างระหว่างเขาและนางอยู่เสมอ
ถึงอย่างไรขุนนางทรยศและฏจะต้องถูกลงโทษ
นั่นคือสิ่งที่นาง้า นางต้องกลับไปฟื้นฟูตระกูลอวิ๋น
หากทุกอย่างสำเร็จอย่างที่นางตั้งใจไว้ บางทีเขาอาจไม่มีวันให้อภัยนางไปตลอดชีวิต
แต่หากเย่เช่อทำเื่ที่ผิดต่อตระกูลอวิ๋น นางก็จะไม่ให้อภัยเขาเช่นกัน
เพื่อเห็นแก่ตระกูลอวิ๋น นางต้องยอมแพ้เื่ของเขา
หากปราศจากตระกูลอวิ๋นก็จะไม่มีนาง
อวิ๋นจื่อพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่น”
ชิงซีกล่าวว่า “แผนการของเราได้ดำเนินไปแล้ว”
จากนั้นชิงซีก็กระซิบเล่าเื่ที่นางไปพบโจวเซียง รวมถึงเื่ที่ว่าเซียวเหยียนยืนอยู่ข้างเดียวกับอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อฟังและพยักหน้า
บุคคลในตำนานอย่างเสด็จอาดูเหมือนจะวางหมากไว้แล้ว นี่เป็เื่ที่นางคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง
วันหนึ่งนางจะกลับไป
กลับไปที่เมืองอวิ๋นเมิ่ง
กลับไปที่ตำหนักเหวินฮวา
ทุกอย่างในอดีตจะหวนกลับมาอีกครั้ง!
อวิ๋นจื่อรู้มานานแล้วว่าเซียวเหยียนเคารพนับถือเสด็จอา แต่เหตุใดนางไม่เคยรู้เลยว่าโจวเซียงก็เป็คนของเสด็จอาเช่นกัน?
เกิดอะไรขึ้นในปีสุดท้ายของรัชศกเทียนโหย่วกันแน่? เหตุใดเสด็จอาจึงเดินทางออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่งตามลำพัง?
ว่ากันว่าเขาไม่เคยกลับมาที่เมืองอวิ๋นเมิ่งเลยนับั้แ่ฮ่องเต้เฉิงกวงจากไป ตอนที่นางยังเด็กดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่เมืองหยงโจว
นี่ถือเป็เื่ลึกลับอีกเื่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจื่อไม่มีทางรู้ที่มาที่ไปของเื่นี้
หลังจากเงียบไปนาน จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็ถามขึ้นว่า “ท่านประมุขมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเสด็จอาหรือไม่?”
ชิงซีค่อนข้างประหลาดใจกับคำถามนี้ ทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่าบางทีอาจมีบางเื่ที่นางยังไม่รู้
“ในสมัยรัชศกเทียนโหย่ว ข้ามักเดินทางไปรอบๆ หวยโจว และข้าก็บังเอิญได้พบกับอวิ๋นเซียว เขาแตกต่างจากฮ่องเต้เฉิงกวงมาก ข้าบอกได้ว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเ้าเป็บุคคลที่น่านับถืออย่างยิ่ง”
อวิ๋นจื่อถามต่อว่า “แล้วเย่เซียงเป็คนของใคร?”
ในใจของนางมีความคิดบางอย่าง
ถ้าเย่เซียงเป็คนของเสด็จอาล่ะ?
ชิงซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้าได้ตรวจสอบเย่เซียงเป็การส่วนตัว เขาก้าวขึ้นเป็บัณฑิตอันดับหนึ่งในรัชศกเทียนโหย่ว ต่อมาเขาได้แต่งงานกับบุตรีคนสุดท้องของแม่ทัพเจิ้นหนานและกลายเป็ผู้มีอำนาจในเมืองอวิ๋นเมิ่งอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เขาและอวิ๋นเซียวดูเหมือนจะไม่มีความเชื่อมโยงกัน พวกเขาพบกันเพียงครั้งเดียวที่งานเลี้ยงในวัง ถ้าดูจากการที่ฮ่องเต้เซิ่งหยวนกวาดล้างเหล่าคนที่เคยสนับสนุนอวิ๋นเซียว ย่อมมีความเป็ไปได้มากที่เย่เซียงจะเป็คนของฮ่องเต้เซิ่งหยวนหรือไม่ก็เป็กลาง เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและในเวลาเพียงไม่กี่ปีก็กลายเป็เสนาบดี”
น้ำเสียงของชิงซีแ่เบามาก
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ไม่มีความเป็ไปได้เลยหรือ? เย่เซียงอาจเป็หมากตัวแรกๆ ของเสด็จอาก็เป็ได้”
ชิงซีส่ายหน้า “ข้าไม่สามารถบอกเ้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเ่าั้ได้ ข้าบอกได้เพียงว่าหากเป็คนของอวิ๋นเซียว พวกเขาย่อมรู้จักเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงอย่างแน่นอน”
อวิ๋นจื่อไม่เคยรู้เื่นี้มาก่อน
ชิงซีกล่าวเสริมว่า “อันที่จริงมีน้อยคนมากที่รู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างเ้ากับอวิ๋นเซียว ข้าเดาว่าไม่ว่าเย่เซียงจะอยู่ฝ่ายใด เขาอาจไม่รู้เื่นี้”
อวิ๋นจื่อเลิกคิ้ว “หยุดพูดเื่นี้เถอะ ต่อจากนี้ข้าจะไม่นึกถึงมันอีก ข้าแค่อยากถามท่านประมุขว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น?”
ชิงซีรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเผชิญกับคำถามนี้ ดังนั้นนางจึงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว
“องค์ชายรองกุมอำนาจส่วนใหญ่ไว้ในมือและเปิดฉากโจมตีอย่างกระทันหัน หลังจากนั้นอวิ๋นเซียวได้เดินทางออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่งและมาอาศัยอยู่ที่ชายแดน ต่อมาในปีที่สามสิบแปดของรัชศกเทียนโหย่ว อวิ๋นเซียวสิ้นพระชนม์ในสนามรบและองค์ชายรองก็ขึ้นครองราชย์ ข้าไม่รู้ว่ามีความลับซ่อนอยู่ในเื่ราวนี้หรือไม่ ข้ารู้เพียงว่าข่าวการสิ้นพระชนม์ของอวิ๋นเซียวทำให้ฮ่องเต้เฉิงกวงจากไปไวขึ้น ในระหว่างนี้ยังมีความเกลียดชังบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่สำหรับตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตัดสินใจของเ้า”
ชิงซีกล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หากนาง้าทราบความลับทั้งหมดจริงๆ ก็เพียงแค่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อยเท่านั้น เื่ราวทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดที่จะเสาะหาสาเหตุการตายของอวิ๋นเซียวเลย
เพราะเมื่อเื่ราวบางอย่างได้ผ่านไปแล้วก็ควรปล่อยให้มันผ่านไป
บางทีนี่อาจเป็ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คำกล่าวของชิงซีทำให้จิตใจของอวิ๋นจื่อสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
คนที่นางเรียกว่าเสด็จพ่อและคนที่คอยเอาอกเอาใจนางอาจเป็คนที่เหี้ยมโหดที่สุด
บางทีการได้เกิดมาในราชวงศ์อาจไม่ใช่เื่ดีเสมอไป
นางมีความทรงจำที่คลุมเครือมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น นางจำได้คร่าวๆ ว่าเสด็จปู่ล้มป่วยอย่างกระทันหัน
นี่เป็การวางแผนล่วงหน้าหรือไม่?
หัวใจของนางเย็นเยียบลงทันที
แน่นอนว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาความลับเกี่ยวกับเื่นี้จะต้องได้รับการปิดบังเป็อย่างดี
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “ข้าเข้าใจแล้ว”
เสียงของนางเบาเหมือนขนนกที่ร่วงลงพื้น
อวิ๋นจื่อรู้ว่าตนเองกำลังเปลี่ยนไป
จากนั้นนางก็กล่าวต่อว่า “อีกไม่นานข้าจะเดินทางไปสำนักชิงซานเพื่อเรียนวิชากระบี่ในนามของคุณหนูซู เหตุผลที่ข้าทำเช่นนั้นมีสามประการ ประการแรกคือข้า้าซื้อเวลาให้กับเรา ประการที่สองคือข้าต้องต่อสู้เพื่อตัวเองและเย่เช่อ และประการที่สามคือข้าต้องมีทักษะกระบี่ติดตัวไว้ เมื่อข้ากลับมาจากสำนักชิงซาน สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็งานแต่งงานของข้ากับเย่เช่อ ท่านประมุขคิดอย่างไร?”
ชิงซีพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรออกมา
นางชำเลืองดูสิ่งที่อวิ๋นจื่อกำลังคัดแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ตราบใดที่เ้าไม่เสียใจ ข้าก็ไม่คัดค้าน”
น้ำเสียงของชิงซีค่อนข้างแ่เบา แต่คำกล่าวของนางกลับดังก้องอยู่ในหูของอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของนางเริ่มด้านชาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนมันจะกลายเป็ก้อนหินไปเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้