“มารับเนี่ยเทียนเข้าหอหลิงเป่าด้วยตัวเอง? เนี่ยเทียนอยู่ในตระกูลสังกัดสำนักหลิงอวิ๋นไม่ใช่หรือ?”
“เ้าเด็กนั่น... อะไรจะดวงดีขนาดนี้?”
“ว่ากันว่า น้อยครั้งนักที่พันป่ายจะมารับตัวไปหอหลิงเป่าด้วยตัวเอง ทุกคนที่เขาให้ความสำคัญล้วนเป็ผู้ที่มีพร์ของหอหลิงเป่า ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
“ปีนั้นอันซืออี๋ของตระกูลอันถูกเขาพาไปที่หอหลิงเป่า ตอนนี้ก็ได้กลายมาเป็บุคคลสำคัญของหอหลิงเป่าไปแล้ว”
“คนผู้นี้มีชื่อเสียงว่าเป็คนตามีแววของหอหลิงเป่า ทุกคนที่เขาหมายตาไว้ ไม่มีใครที่เป็เพียงบทบาทเล็กๆ”
“แล้วเหตุใดเขาถึงหมายตาเนี่ยเทียนเล่า?”
“...”
ทุกคนที่ล้อมอยู่รอบด้านพอได้ยินอันหรงพูดถึงจุดประสงค์ในการมาของพันป่ายก็พากันส่งเสียงเอะอะขึ้นมาทันที
คนตระกูลเนี่ยที่มีเนี่ยเป่ยชวนเป็ผู้นำ เวลานี้ต่างก็มองตากันไปเช่นกัน ไม่เข้าใจสักนิดเลยว่าเนี่ยเทียนไปเจอโชคอะไรมาที่โลกมายามรกต ถึงได้ถูกพันป่ายแห่งหอหลิงเป่าหมายตัวเช่นนี้
“หอหลิงเป่า หอหลิงเป่า!” เนี่ยเฉี่ยนตื่นเต้นจนร่างสั่นน้อยๆ ั์ตาเปล่งประกายระยิบระยับ รู้สึกว่าความคาดหวังที่รอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้รับการตอบแทนแล้ว
เนี่ยตงไห่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างต่อเนื่องให้อารมณ์สงบลง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้อย่างยากลำบากแล้ว เขาถึงได้หันไปมองทางพันป่ายอย่างกระวนกระวาย ถามหยั่งเชิงว่า “ท่านพัน อันหรงพูดจริงหรือ?”
เขาเข้าใจว่าอันหรงแค่ล้อเล่น
หลังจากเนี่ยเทียนผ่านความตกตะลึงในตอนแรกมาได้ก็มองนิ่งไปที่พันป่ายด้วยความสงสัยเช่นกัน รู้สึกว่านี่ออกจะประหลาดเกินไปหน่อย
เวลานี้ เขาจึงพลันนึกถึงตอนบอกลากับพันเทา ตอนนั้นพันเทาเคยพูดจามีลับลมคมนัยกับเขาว่าจะพาคนคนหนึ่งมาพบเขาที่เมืองเฮยอวิ๋น
วันนี้ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าคนผู้นั้นคือใคร
ภายใต้การจับตามองของทุกคน พันป่ายแห่งหอหลิงเป่าอมยิ้มน้อยๆ กล่าว “ข้ามีชื่อเสียงในหอหลิงเป่าว่ามองคนเก่งที่สุด หลายปีมานี้ ลูกศิษย์เ่าั้ที่ข้าพากลับไปยังหอหลิงเป่าได้ไม่นาน พวกเขาก็ล้วนพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของตัวเอง”
“ความสามารถในการมองคน ข้ามี ลูกชายข้าก็มี”
เขามองพันเทาหนึ่งครั้ง พันเทาจึงยืดอกตั้งตรงทันที แสดงออกถึงความมั่นใจของตัวเอง
“ข้าเชื่อในสายตาของลูกชายข้า และข้าก็เชื่อการวิเคราะห์ของตัวข้าเอง” เขามองเนี่ยเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ สีหน้าจริงจัง ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดที่ทุกคนอยากฟังออกมา “ถูกต้อง ที่ข้ามาเมืองเฮยอวิ๋นด้วยตัวเองในครั้งนี้ก็เพราะเนี่ยเทียน ข้าขอเชื้อเชิญอย่างจริงจังให้เนี่ยเทียนเดินทางไปที่หอหลิงเป่า นับจากวันนี้ไป จะได้ฝึกบำเพ็ญเพียรในฐานะลูกศิษย์ของหอหลิงเป่า!”
“เขาเอาจริง!” ผู้าุโเนี่ยเหย้าตะลึงลานทันที
คนอื่นๆ ของตระกูลเนี่ยพอได้ยินคำพูดประโยคนั้นของพันป่ายต่างก็ใช้สายตาแปลกประหลาดสุดขีดมองไปยังเนี่ยเทียน
เนี่ยเป่ยชวนสีหน้ามืดคล้ำ ไม่เอ่ยคำใด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ท่านผู้เฒ่าอัน ท่านมาสายไปแล้ว เมื่อครู่นี้จึงไม่ได้ดูอะไรดีๆ ข้าจะเล่าให้ท่านฟังเอง...”
คนผู้หนึ่งของเมืองเฮยอวิ๋นฉวยโอกาสมาหยุดยืนอยู่ข้างกายอันหรง เล่าเื่น่าขายหน้าที่พวกเนี่ยเป่ยชวนบีบให้เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนไปขอรับโทษจากสำนักหลิงอวิ๋นทว่าถูกเนี่ยเทียนขัดขวางให้อันหรงฟังด้วยน้ำเสียงดังกังวาน “หึหึ ผู้เฒ่ารองเนี่ย เ้านี่ก็มีฝีมือไม่น้อยนะ?” อันหรงหัวเราะเสียงดัง กล่าวเสียดสีเต็มที่ “ทั้งๆ ที่ตัวเ้าเองไร้ความสามารถแท้ๆ พอขึ้นตำแหน่งูเาแร่ก็ถล่ม เ้าไม่หาความรับผิดชอบจากตัวเอง แต่กลับให้พี่ใหญ่ของเ้าไปเป็แพะรับบาปแทน เ้านี่ช่างร้ายกาจจริงๆ เลยนะ?”
“อันหรง! เ้าหุบปากเสียทีจะได้หรือไม่?!” เนี่ยเป่ยชวนเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ทำไม เ้ากล้าทำแต่กลัวคนอื่นจะเอามาพูดอย่างนั้นหรือ?” อันหรงไม่แยแส อยู่ๆ ก็กล่าวกับเนี่ยตงไห่ว่า “ตามความเห็นข้า ไปจากสถานที่สัปรังเคอย่างจวนตระกูลเนี่ยนี่ได้กลับเป็เื่ดีเสียอีก”
เนี่ยตงไห่สีหน้าหม่นหมอง แต่ไม่ได้ตอบรับ
กลับเป็พันป่ายเสียอีกที่ขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าว “ท่านผู้เฒ่าเนี่ย ท่านกับป้าใหญ่ของเนี่ยเทียนสามารถไปอยู่ที่หอหลิงเป่าด้วยกันได้ ข้าจะจัดการหาที่ทางให้พวกท่านเอง”
“เ้าว่าอะไรนะ? แม้แต่พวกผู้เฒ่าใหญ่เนี่ยก็ยังถูกหอหลิงเป่ารับตัวไปด้วย ไม่จริงกระมัง?”
“พวกเขาให้ความสำคัญกับเนี่ยเทียนมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“รับตัวเนี่ยเทียนไปคนหนึ่งยังยินดีรับคนเพิ่มอีกสองคน นี่มันเื่อะไรกัน?”
ทุกคนล้วนแตกตื่นไปเพราะคำพูดประโยคนั้นของพันป่าย
เนี่ยตงไห่ เนี่ยเฉี่ยน และเนี่ยเทียน หลังจากได้ยินประโยคนี้ก็พลันตัวสั่นะเื มองพันป่ายอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
พันป่ายพยักหน้าเบาๆ
เนี่ยตงไห่ที่ก่อนหน้านี้สีหน้ามืดมน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดความสนใจ ประกายในดวงตาเปล่งแสงไม่แน่นอน สีหน้าลังเลตัดสินใจไม่ได้
เงื่อนไขที่หอหลิงเป่ามอบให้ช่างดียิ่งนัก ดีจนเขาถึงขนาดเริ่มพิจารณาแล้วว่าควรจะสลัดตระกูลเนี่ยทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วพาเนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนไปอยู่ที่หอหลิงเป่าด้วยกันดีหรือไม่
“ท่านพ่อ!” เนี่ยเฉี่ยนร้องเรียกเบาๆ อย่างตื่นเต้น
ในใจนางตัดสินใจได้แล้วจึงเร่งเร้าเนี่ยตงไห่ให้รีบรับปาก เผื่อพันป่ายเกิดเปลี่ยนใจ
สำหรับพวกเขาแล้ว การปรากฏตัวของพันป่ายช่างราวกับขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจาก์ ความน่าตะลึงระคนยินดีนี้ทำให้นางรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในดินแดนความฝันที่ไม่มีวันเป็จริง
หลายปีมานี้ พวกนางพ่อลูกถูกเล่นงานจากคนตระกูลเนี่ยอย่างต่อเนื่อง มีชีวิตที่ไม่ราบรื่นอย่างมาก
วันนี้พันป่ายมาปรากฏตัว บอกว่าจะรับพวกนางไปที่หอหลิงเป่า ได้หลุดพ้นจากตระกูลเนี่ยอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็ได้ไปให้พ้นจากเมืองเฮยอวิ๋นที่มีแต่ความทรงจำเ็ปแห่งนี้ ในใจนางจึงเต็มไปด้วยความยินดีอย่างล้นพ้น
“ท่านพัน ตระกูลเนี่ยคือตระกูลในสังกัดของสำนักหลิงอวิ๋น ท่านมาแย่งคนไปอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ไม่ค่อยดีกระมัง?” และเวลานี้เอง เสียงของลี่ฝานก็ดังลอยมาจากที่ไกลๆ
“ลี่ฝานแห่งสำนักหลิงอวิ๋น!”
“เขาก็มาด้วยหรือนี่? มีเื่สนุกให้ดูอีกแล้ว!”
“วันนี้เมืองเฮยอวิ๋นช่างครึกครื้นจริงๆ!”
ท่ามกลางเสียงดังเซ็งแซ่ของผู้คนรอบด้าน ลี่ฝานลูกศิษย์ของเจียงจือซูเ้าสำนักหลิงอวิ๋น นำพาเจียงหลิงจูค่อยๆ เดินเข้ามาหา
เมื่อลี่ฝานและเจียงหลิงจูปรากฏตัว เนี่ยเป่ยชวนและคนตระกูลเนี่ยมากมายที่เดิมทีตกอยู่ในสภาวะเป็รองคล้ายว่าอยู่ๆ ก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมา พวกเขาต่างพากันใช้สายตาวิงวอนมองไปยังลี่ฝาน
“ท่านลี่ ขอท่านโปรดทวงความยุติธรรมให้พวกเราด้วย!”
“หอหลิงเป่ารังแกคนตระกูลเนี่ยของพวกเรา!”
“พ่อลูกเนี่ยตงไห่ทำใหู้เาเหมืองแร่พังทลาย มีโทษติดตัว ทั้งยังกล้าคิดจะตีจากตระกูล โทษร้ายแรงจนมิสมควรได้รับการให้อภัย!”
พวกเขามองลี่ฝานตาปริบๆ ทุกคนเอ่ยคำประณาม หวังให้ลี่ฝานข่มทับพันป่ายให้ได้
“พันเทา! เ้าคนร้ายกาจ ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่าเ้ามาเมืองเฮยอวิ๋นต้องไม่มีเื่ดีแน่!” พอเจียงหลิงจูเดินมาถึงก็ชี้นิ้วก่นด่าพันเทาทันที “ตอนที่อยู่ในโลกมายามรกตข้าก็บอกเ้าแล้วว่าเนี่ยเทียนคือคนของสำนักหลิงอวิ๋นของข้า เ้าอย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ!”
พันเทาหดคอ กล่าว “สำนักหลิงอวิ๋นของพวกเ้าจะรับลูกศิษย์ก็ต่อเมื่ออยู่ในระดับหลอมลมปราณขั้นเก้ามิใช่หรือ? อย่างไรเสียเนี่ยเทียนก็ยังไม่ถึงขั้นหลอมลมปราณเก้า สำนักหลิงอวิ๋นของเ้าต้องไม่ยอมรับแน่นอน หอหลิงเป่าของพวกเรายินดีรับตัวเขาไว้ เหตุใดจะไม่ได้เล่า?”
“ใครบอกว่าพวกเราไม่ยอมรับเขารึ?” เจียงหลิงจูเท้าเอวฉับ ท่าทางราวกับแม่เสือ “หลังจากที่ข้าออกมาจากโลกมายามรกตก็ไปพูดกับท่านพ่อของข้า และท่านพ่อของข้าก็ตกลงแล้วด้วย ข้ากับท่านอาลี่ลงจากเขามาก็เพื่อพาตัวเนี่ยเทียนไปยังสำนักหลิงอวิ๋น รับเขาเข้าเป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋นอย่างเป็ทางการ!”
“หา? ไม่จริงกระมัง สำนักหลิงอวิ๋นก็จะมารับตัวเนี่ยเทียนขึ้นเขาเหมือนกันรึ? เ้าเด็กคนนี้เหตุใดถึงได้โชคดีอะไรอย่างนี้ ถึงได้ถูกหอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นหมายตาพร้อมกันได้?” มีคนกรีดร้องเสียงแหลม
“สำนักหลิงอวิ๋นมีกฏเข้มงวดกับตระกูลในสังกัดมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? ไฉนว่าลูกหลานของตระกูลใดก็ตามจำเป็ต้องเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นหลอมลมปราณเก้าก่อนอายุสิหก ถึงจะยอมรับเป็ลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหลิงอวิ๋นอย่างไรเล่า?”
“หรือว่าสำนักหลิงอวิ๋นยอมแหกกฎเพราะเนี่ยเทียน?”
“นี่มันเื่อะไรกันแน่?”
ทุกคนมุงดูอยู่พอรู้ว่าจุดประสงค์การมาของลี่ฝานไม่แตกต่างไปจากพันป่าย ก็ตะลึงลานกันไปทันที
พอเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนได้ยินคำพูดประโยคนั้นของเจียงหลิงจู รู้ว่าเ้าสำนักอนุญาตเองกับปาก ทำให้ลี่ฝานและเจียงหลิงจูมาพาตัวเนี่ยเทียนกลับเขา ต่างก็ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี
“ท่านลี่ ท่าน ท่านมาตระกูลเนี่ยก็เพื่อเนี่ยเทียนจริงๆ หรือ?” เนี่ยเป่ยชวนกลับเริ่มลนลานขึ้นมา
ลี่ฝานพยักหน้าน้อยๆ กล่าวอย่างจริงจัง “นี่คือความ้าของท่านอาจารย์ข้า”
“ทว่าหลายสิบปีมานี้ ลูกหลานทุกคนของตระกูลเนี่ยที่ได้เข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นล้วนต้องมีตบะหลอมลมปราณเก้ามิใช่หรือ? ไม่เพียงแต่ตระกูลเนี่ย ลูกหลานตระกูลอื่นๆ ที่ถูกพาตัวขึ้นสำนักหลิงอวิ๋นก็จำเป็ต้องฝึกถึงขอบเขตหลอมลมปราณเก้านี่นา?” เนี่ยเป่ยชวนดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “นี่คือกฏที่ตั้งมาหลายสิบปีเชียวนะ! พวกท่านเป็คนตั้งกฎเองแท้ๆ คิดจะแหกก็แหกได้อย่างไร?”
ลี่ฝานสีหน้าเ็า “ในเมื่อพวกเราเป็คนตั้งกฎ ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ ขอแค่อาจารย์ของข้าเอ่ยปาก กฎที่ตั้งมาหลายสิบปีนั่นก็สามารถแหกออกได้อย่างง่ายดาย”
อยู่ๆ คล้ายว่าเขานึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหัวเราะหึหึแล้วกล่าวว่า “ส่วนกฎนี่ ก็มิใช่ว่าจะพากันแหกคอกได้ทั้งหมด ต่อไปยังคงอิงตามกฎเดิม ลูกหลานรุ่นหลังตระกูลเนี่ยของพวกเ้ายังจำเป็ต้องฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเก้าก่อนอายุสิบหกถึงจะสามารถถูกพาไปยังสำนักหลิงอวิ๋น”
“แล้วเนี่ยเทียนเล่า?” เนี่ยเป่ยชวนถามด้วยความสงสัย
“เขาเป็กรณีพิเศษเพียงกรณีเดียวในรอบหลายสิบปีนี้!” ลี่ฝานกล่าวอย่างจริงจัง
เนี่ยเป่ยชวนอึ้งงันไปทันที
“อ้อ ถือโอกาสพูดเื่เหมืองแร่ถล่มไปเลยก็แล้วกัน นั่นเป็เพียงแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น” ลี่ฝานขมวดคิ้วฉับ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เ้าไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ก็ควรจะรายงานอย่างตรงไปตรงมา ให้พวกเราไปตรวจสอบ มิใช่ให้พี่ใหญ่และหลานสาวของเ้ามารับโทษทัณฑ์แทน”
เนี่ยเป่ยชวนพลันหน้าขาวเผือด
“หลังจากที่เ้าขึ้นดำรงตำแหน่งก็สร้างเื่ไม่เป็เื่มากมายเกินไป ท่านอาจารย์ของข้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก” ลี่ฝานหันไปทางผู้าุโเ่าั้ของตระกูลเนี่ย พูดด้วยสีหน้าเขร่งขรึม “พวกเ้าเลือกประมุขคนใหม่อีกครั้งเถอะ!”
พูดจบเขาก็หันไปมองเนี่ยตงไห่หนึ่งครั้งคล้ายมีเจตนาบางอย่าง
“ข้า ข้า ข้า...” เนี่ยเป่ยชวนร่างโอนเอน คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว
-----