ผู้ที่กล่าวอยู่เบื้องหน้าถังเหล่ยคือคนที่เขาเคยเจอมาก่อน หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎจักรวรรดิ ฉินเฮ่า!
“ฮ่าๆๆ...” ถังเหล่ยหัวเราะเสียงสั่นที่ส่อพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
จากน้ำเสียงและสายตาที่ฉินเฮ่าจ้องมองลงมายังถังเหล่ย บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่า ถังเหล่ยพยายามปกปิดตัวตนที่แท้จริงั้แ่ครั้งแรกที่เจอกัน
ที่สำคัญคือชายผู้นี้ไม่ได้ไปที่ด่านซิวหลัวอย่างที่ถังเหล่ยคาดเอาไว้ แล้วยังลอบติดตามเขาอย่างลับๆ อีกด้วย
ยามนี้ไม่ว่าถังเหล่ยจะใช้แผนอะไรก็ไม่อาจปกปิดตัวตนที่แท้จริงได้ เมื่อเื่มาถึงขั้นนี้ ก็ไม่จำเป็จะต้องเสแสร้งอีกต่อไป เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า
“หัวหน้าฉินมีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก ถูกต้อง ข้าคือถังเหล่ย”
เมื่อฉินเฮ่อได้ยินถังเหล่ยยอมรับเช่นนั้น ใบหน้าของฉินเฮ่าก็ผุดรอยยิ้มขึ้น แล้วเขาก็ะโลงจากม้าอัสนี
“หลังจากได้รับรายงาน ตอนที่เห็นซากศพของเยียนหลิงซานนอนกองอยู่บนพื้นราวกับเศษขยะ ข้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ ไม่มีใครกล้ามีเื่กับพี่ชายสองคนในจักรวรรดิเทียนอวี่ของเขา แต่เ้ากลับบังอาจฆ่าน้องชายของพวกเขา!”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของถังเหล่ยก็คือ หลังจากฉินเฮ่าลงจากม้า เขาไม่ได้มีท่าทีจะออกคำสั่งให้องครักษ์จับกุมถังเหล่ยไว้แม้แต่น้อย
“ในเมื่อหัวหน้าฉินไม่คิดจะจับข้าจริงๆ เหตุใดท่านไม่ปล่อยข้าไปล่ะ?” ถังเหล่ยยักไหล่ และกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ฮ่าๆๆ ไม่รีบๆ ข้าได้รับรายงานว่าเ้าเมืองเฮยเหยียนมีความเกี่ยวข้องกับเฮยฉานฉู่ ข้ายังไม่ทันทำอะไร เ้าก็ลากพวกเขาออกมาได้แล้ว การกระทำของเ้าถือว่าช่วยข้าได้มาก!” ฉินเฮ่ากล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ จากนั้นก็โบกมือให้องครักษ์ของจวนเ้าเมืองและตระกูลจี้ถอยออกไป
แม้ฉินเฮ่าจะมีองครักษ์เพียงยี่สิบคน แต่องครักษ์ของจวนเ้าเมืองและตระกูลจี้ก็ไม่กล้าขัดขืนหรือตอบโต้แต่อย่างใด หลิวจินและจี้เหิงเทียนถูกจับกุมมาไว้ที่ด้านหน้าของฉินเฮ่า
ในเวลาเดียวกันศพของชายชุดดำก็ถูกลากเข้ามาด้วย หลังจากที่เปิดผ้าปิดหน้าออก ก็ยืนยันได้ว่าเป็ศิษย์ของเฮยฉานฉู่ที่มีนามว่า เฮยเซียจื่อ
“หลักฐานอยู่ตรงหน้า พวกเ้าสองคนมีอะไรจะสารภาพหรือไม่?” ฉินเฮ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า คนเหล่านี้สมคบคิดกับศิษย์ของเฮยฉานฉู่ทำร้ายผู้คน พวกเขามีความผิดสมควรตาย
“ใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิต นี่เป็เพราะคำยุยงของจี้เหิงเทียน เมืองเฮยเหยียนยัง้าข้า ข้ายังตายตอนนี้ไม่ได้” หลิวจินกล่าวทั้งน้ำตานองหน้า เขาคุกเข่าต่อหน้าฉินเฮ่า แล้วโขกศีรษะขอความเมตตา
“เอาล่ะ หากพวกเ้าพูดจบแล้ว ก็ออกเดินทางเถอะ!” ในฐานะที่ฉินเฮ่าเป็ผู้คุมกฎ เขาเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มามากมาย
“ช้าก่อน!” ขณะที่ฉินเฮ่ากำลังจะลงมือ ถังเหล่ยก็กล่าวแทรกขึ้น
ฉินเฮ่ายั้งมือ และจ้องมายังถังเหล่ย “เ้าคิดจะทำอะไร? พวกเ้าสู้กันแทบเป็แทบตาย คงไม่ได้จะขอให้ข้าเมตตาพวกเขาหรอกนะ? หรือเ้าอยากจะลงมือเอง?”
“ทำเช่นนี้ไม่อาจแก้ปัญหาได้ ตอนนี้ในเมืองยังมีผู้ที่้ายาถอนพิษอีกมากมาย ใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิตจี้เหิงเทียนเพื่อให้เขาทำคุณไถ่โทษ ส่งเขากลับไปแก้ไขปัญหาภายในเมือง!” ถังเหล่ยกล่าว
ความผิดของจี้เหิงเทียนสมควรได้รับโทษสูงสุด แต่การได้รับโทษสูงสุดในตอนนี้จะทำให้ประชาชนเมืองเฮยเหยียนไม่ได้รับการรักษา อีกทั้งการที่จักรวรรดิจะส่งเ้าเมืองคนใหม่มาคงต้องใช้เวลาพอสมควร
ใน่เวลานี้ชาวเมืองเมืองเฮยเหยียนกำลังตกที่นั่งลำบาก และฉินเฮ่าเป็เพียงคนเดียวที่จะตัดสินชะตากรรมของพวกเขาได้
“ข้าเห็นด้วย!”
ฉินเฮ่ากล่าวตอบ และจ้องกลับมาที่ถังเหล่ยอีกครั้ง สายตาของเขาแฝงไปด้วยความชื่นชม เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งกลับคำนึงถึงความลำบากของผู้อื่น คนเช่นนี้ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่ายๆ
ทันใดนั้นฉินเฮ่าก็หันหน้าไปมองจี้เหิงเทียนด้วยสายตาแข็งกร้าว และกล่าวว่า
“จี้เหิงเทียน เ้าได้ยินหรือไม่? รึว่าเ้ายังไม่พร้อมจะกลับตัวกลับใจ?”
“ขอบคุณถังเหล่ย ขอบคุณหัวหน้าฉิน ข้ายินดีทำคุณไถ่โทษ ข้าจี้เหิงเทียนยินดีเอาชีวิตของผู้คนทั้งตระกูลเป็เดิมพัน ข้าจะถอนพิษให้ทุกคนในเมืองให้ได้!” จี้เหิงเทียนละล่ำละลักตอบกลับ
เมื่อเห็นทางรอด จี้เหิงเทียนจะยอมปล่อยโอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร เขารีบโขกศีรษะขอบคุณถังเหล่ยและฉินเฮ่าด้วยความซาบซึ้งใจ
“โอกาสเช่นนี้หาไม่ง่าย หวังว่าเ้าจะทำให้ดีที่สุด” หลังจากฉินเฮ่าพูดจบ เขาก็หยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งออกมา
‘หลิวจินสมคบคิดกับเฮยเซียจื่อ ซึ่งเป็ศิษย์ของเฮยฉานฉู่ ทั้งคู่มีโทษตาย ส่วนจี้เหิงเทียนขอทำคุณไถ่โทษ หากภายหลังกระทำการไม่ซื่อ จะได้รับโทษตายเช่นกัน’ หลังจากเขียนจบ ฉินเฮ่าก็ยกหอกในมือแทงไปที่บริเวณหลังคอของหลิวจินโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาร้องขอชีวิต
“เอาล่ะ! ไปกันได้แล้ว อีกไม่นานจักรวรรดิจะส่งเ้าเมืองคนใหม่มาที่นี่ และเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะเป็ผู้ตัดสินการกระทำของเ้าเอง” ฉินเฮ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เขาโบกมือออกคำสั่งให้องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างยัดเม็ดยาหนึ่งเข้าไปในปากของจี้เหิงเทียน
“นี่คือยากลืนใจ ทุกหนึ่งสัปดาห์จะออกฤทธิ์ครั้งหนึ่ง หลังผ่านไปสามเดือนหากเ้าไม่ได้รับยาถอนพิษ เ้าก็จะต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ครั้งสุดท้าย เ้าเมืองคนใหม่คงมาถึงพร้อมกับยาถอนพิษแล้ว!”
ฉินเฮ่ารู้ดีว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่เมืองเฮยเหยียนไปได้ตลอด จี้เหิงเทียนกระทำผิดครั้งใหญ่ หากปล่อยตัวเขากลับไปโดยปราศจากบทลงโทษ เขาอาจจะหลบหนีหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวเมืองได้อีก
ดังนั้นฉินเฮ่าจึงให้จี้เหิงเทียนกินยากลืนใจ หากจี้เหิงเทียนคิดหนี ร่างกายของเขาก็จะะเิออก และตายอย่างน่าสยดสยอง
ถังเหล่ยอดมองฉินเฮ่าอีกครั้งไม่ได้ ถึงแม้เขาจะอายุเพียงสามสิบกว่า แต่สิ่งที่เขาทำนั้นรอบคอบยิ่งนัก
จี้เหิงเทียนสาบานอย่างจริงจังว่า เขาไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน และพร้อมดูแลชาวเมืองเฮยเหยียนให้เหมือนกับเป็คนในตระกูลของตน
จากนั้นเขาจึงพาองครักษ์ตระกูลจี้กลับไปในเมืองเฮยเหยียน ส่วนองครักษ์จวนเ้าเมืองก็ถูกฉินเฮ่าไล่กลับไป
ศพของหลิวจินกับเฮยเซียจื่อถูกเก็บเอาไว้เป็หลักฐานยืนยันภารกิจ
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่ต้องจัดการเื่ของเราแล้ว” เมื่อฉินเฮ่าจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็หันกลับมามองถังเหล่ยอีกครา
องครักษ์ยี่สิบคนกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด เพื่อป้องกันไม่ให้ถังเหล่ยหลบหนี องครักษ์เหล่านี้ล้วนเป็ยอดฝีมือ หากถังเหล่ยคิดใช้กำลัง หรือคิดหลบหนี คงไม่เป็ผลดีต่อตัวเขาเองแน่นอน
ความเป็จริงแล้วโอกาสที่เขาจะรอดออกไปนั้นแทบเป็ไปไม่ได้เลย!
“หัวหน้าฉินยัง้าลงโทษข้าอยู่หรือ?” ถังเหล่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มบนหน้า แต่ิญญายุทธในร่างของเขากลับกำลังพลุ่งพล่าน เขาเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีของฉินเฮ่า
…………