หากถือโอกาสหลีกเลี่ยงไม่รับปากเขาย่อมไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ทว่านี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่สตรีพึงมี
นางข่มสายตาเหยียดหยาม พลางเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีเหนียมอายพร้อมกล่าวเสียงเบา “ทว่าฝ่าาเพคะ…...ไทเฮาทรงตรัสว่าต้องผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้กับราชวงศ์……”
ในแววตาของซ่งอี้เฉินพลันปรากฏบางสิ่งวูบผ่าน
หลายปีก่อนเขาเคยปรารถนาจะมีบุตรเป็ของตนเอง ทว่าหลังจากแทงกระบี่ออกไป บุตรก็กลายเป็ฝันร้ายในใจเขา เขาสังหารฮองเฮาของตนเอง ขณะเดียวกันยังส่งบุตรที่ยังไม่ออกมาลืมตาดูโลกไปสู่ปรโลกด้วยน้ำมือตนเองอีกด้วย
กลางดึกเขามักฝันถึงเื่นี้นับครั้งไม่ถ้วน เขาเคยเห็นเด็กตัวเล็กๆ พุ่งมาหาตนเอง ด้านหลังตามมาด้วยอวิ๋นอู๋เหยียนที่มีเืไหลทะลักออกมาจากอกซ้าย นางพูดกับเขาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ฝ่าา ท่านดูบุตรของเราสิ...…”
จากนั้นเขาพลันสะดุ้งตื่นจากฝัน นับแต่นั้นมาเขาก็ไม่สามารถนอนคนเดียวได้อีกเลย
หลายวันมานี้ในวังหลวงมีเื่แท้งบุตรอย่างต่อเนื่อง แม้เจิ้งเจี๋ยอวี๋จะเป็สตรีใจร้าย ทว่ากลับยังคงดึงความหวาดกลัวที่เขาปกปิดมานานหลายปีออกมาวนเวียนในจิตใจของเขาได้
ยามนี้เมื่อได้ยินเหยียนอู๋อวี้เอ่ยออกมาว่าผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้กับราชวงศ์ ความเร่าร้อนในดวงตาของเขาจึงลดลงไปมาก เขานั่งลงข้างกายนาง พร้อมจับมือนางพลางเอ่ยถามเสียงราบเรียบ “อวี้เอ๋อร์ เ้าเอง้าหรือไม่?”
“หม่อมฉันหวังเป็อย่างยิ่งว่าจะสามารถกำเนิดบุตรสักคนให้ฝ่าาเพคะ ท้ายที่สุดแล้วสตรีย่อมมี่วัยที่โรยรา ถึงตอนนั้นเมื่อมีน้องหญิงคนใหม่ ความรักของฝ่าาก็จะจืดจางลง ไม่มาตำหนักเฟิ่งชัยอีก อย่างน้อยหม่อมฉันยังพอมีสิ่งที่ให้คะนึงหาบ้างเพคะ” เหยียนอู๋อวี้อิงแอบกายของซ่งอี้เฉินพลางกล่าวต่อด้วยเสียงที่ไร้เดียงสาและหวานซึ้ง “ฝ่าาไม่ชอบอวี้เอ๋อร์หรือเพคะ?”
ซ่งอี้เฉินเชยคางนางขึ้นมองใบหน้าไร้ที่ติพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวี้เอ๋อร์ เจิ้นชอบที่เ้าเป็เช่นนี้ เก็บซ่อนสิ่งใดไว้ในใจไม่อยู่ และมักจะบอกเจิ้นหมดทุกอย่าง”
“สามีภรรยาควรซื่อสัตย์จริงใจตรงไปตรงมา แม้หม่อมฉันไม่ใช่ภรรยาของฝ่าา ทว่าสำหรับหม่อมฉันฝ่าาก็คือ์ ไม่มีสิ่งใดปิดบัง์ได้” เหยียนอู๋อวี้เบิกตากว้างพลางกล่าวอย่างจริงใจ “ฝ่าา อวี้เอ๋อร์พูดผิดไปหรือ?”
“อวี้เอ๋อร์มิได้พูดผิด เช่นนี้ เจิ้นยิ่งทำใจลากเ้าเข้าสู่วังวนไม่ลง” รอยยิ้มของซ่งอี้เฉินอ่อนโยนดุจสายน้ำ ประหนึ่งมอบความอ่อนโยนหวานซึ้งให้นางเพียงผู้เดียว เขายกมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายนางพลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “แม้ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ทว่าความหนาวยังไม่ผ่านไป อวี้เอ๋อร์อย่าได้ละเลย”
“เื่อันตรายที่เกิดขึ้นหลายครั้ง หม่อมฉันผ่านไปได้เพราะมีฝ่าาคอยปกป้อง ปีศาจร้ายเข้าใกล้ไม่ได้ หม่อมฉันไม่กลัวเพคะ” เหยียนอู๋อวี้กล่าว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “ได้ยินมาว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงซางลึกล้ำยิ่ง สำนักหมอหลวงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หลายต่อหลายครั้ง หม่อมฉันหายจากการป่วยและถูกพิษโดยที่ยังไม่ได้พบเขา ภายหลังหากป่วยหนักยิ่งกว่าเก่า ขอเพียงหมอหลวงซางลงมือ หม่อมฉันต้องไม่เป็อันใดอย่างแน่นอนเพคะ”
ซ่งอี้เฉินไม่ได้ตอบกลับคำพูดนี้ของเหยียนอู๋อวี้ เขาเพียงเก็บชายผ้าห่มพลางกล่าวว่า “นอนเถิด ดึกมากแล้ว”
เหยียนอู๋อวี้หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ผ่านไปครู่หนึ่งก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ซ่งอี้เฉินฟังเสียงลมหายใจนางสม่ำเสมอแล้วจึงค่อยก้าวออกจากห้องของนางไป
เมื่อได้ยินเหยียนอู๋อวี้เอ่ยถึงซางจือิผู้นี้ ซ่งอี้เฉินเผลอนึกย้อนไปโดยไม่รู้ตัว แท้จริงแล้ว หากเขาไม่ได้เรียกใช้งานซางจือิ เขาก็จะไม่ปรากฏตัว แม้คนผู้นี้มีวิชาแพทย์สูงส่ง ทว่ากลับมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
ปีนั้นเนื่องจากไทเฮาเข้าวัง แม้เขาจะมีท่าทีเข้ากับผู้อื่นในสำนักหมอหลวง ทว่าซ่งอี้เฉินกลับมักรู้สึกว่าตนเองควบคุมเขาไม่ได้
เมื่อซ่งอี้เฉินคิดมาถึงตรงนี้ เขาพลันอดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้ เดิมทีคิดว่ากำจัดตระกูลอวิ๋นก็จะขจัดอุปสรรคทั้งปวงได้ ยามที่เขาทะเยอทะยานนั่งบนบัลลังก์ัจึงได้ค้นพบว่าข้างหลังเขายังมีม่านอีกผืน เสด็จแม่ของเขานั่งอยู่ในนั้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับมีเชือกเส้นหนึ่งรัดบนคอเขาไว้แน่น
ยามนี้ตนเองควบคุมผู้ใดได้บ้าง? เกรงว่าแม้แต่เด็กน้อยด้านหลังก็อาจไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตนเอง
หลังจากงานเลี้ยงเลิก ความคึกคักพลันหายไป วังหลวงตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง
ไทเฮายกมือค้ำศีรษะนอนตะแคงข้างอยู่บนตั่งนุ่มฟังแม่นมซูอ่านนิยายให้ตนเองฟัง ผ่านไปครู่หนึ่งแม่นมซูพลันหยุดอ่าน นางลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าฮวารั่วซีกำลังถือหนังสือนิยายอยู่ เมื่อเห็นไทเฮาลืมตาฮวารั่วซีจึงถวายบังคม จากนั้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เสด็จแม่ ให้รั่วซีอ่านหนังสือนิยายให้ท่านฟังเถิดเพคะ”
ไทเฮาหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง แสงตะเกียงสลัวบดบังอยู่ด้านหลังจึงมองไม่เห็นแววตานาง นางส่งเสียงฮึขึ้นจมูก “เื่พวกนี้ให้บ่าวทำก็พอแล้ว”
ฮวารั่วซีถือนิยายโดยมิได้วางมันลง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ เมื่อก่อนรั่วซีก็เคยอ่านหนังสือนิยายให้ท่านฟังบ่อยๆ รั่วซีเพียงอยากแสดงความกตัญญูต่อท่าน”
ไทเฮากล่าวเสียงเบา “ตอนนี้เ้าคือซูเฟย”
“แต่ก็เป็รั่วซีของไทเฮานี่เพคะ” ฮวารั่วซีเอ่ยเสียงเบา
ในที่สุดไทเฮาก็ลืมตามองนางครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ตอนนี้เ้าไม่ได้รับใช้ข้างกายฝ่าา ค่ำมืดดึกดื่นกลับมาหาอายเจีย?”
ฮวารั่วซีตอบอย่างถ่อมตัว “ั้แ่เหยียนเป่าหลินเข้าวัง ฝ่าาก็ค้างที่ตำหนักเฟิ่งชัยทุกคืน มีเหยียนเป่าหลินคอยดูแลฝ่าาก็ดีแล้วเพคะ รั่วซีอยากรับใช้อยู่ข้างกายไทเฮาด้วยความกตัญญูมากกว่า”
ไทเฮายิ้มเยาะ นางหลับตาลงแล้วไม่ส่งเสียงอันใดอีก
ฮวารั่วซีโน้มตัวไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “หวังเพียงว่าน้องหญิงจะสามารถผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้ฝ่าาได้โดยเร็ว เพิ่มบรรยากาศสนุกสนานของเด็กๆ ในตำหนักหลังบ้างคงจะดีไม่น้อย”
ไทเฮาปัดมือ ถ้วยชาตกแตกบนพื้นเสียงดัง แม้น้ำชาที่อยู่ด้านในไม่ร้อนแล้ว ทว่าน้ำยังคงกระเซ็นหกใส่กระโปรงนางเปียกปอนจนถึงเท้านาง
หลังจากไทเฮาปัดมือ ฮวารั่วซีพลันคุกเข่าลงบนพื้น นางรู้ว่าไทเฮาเกิดบันดาลโทสะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าไทเฮาทรงกริ้วด้วยเื่อันใด
นางรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองตอบได้ดีมาก ไทเฮาพูดหยั่งเชิงอยู่หลายครั้ง และนางก็อธิบายความจริงใจของนางไปแล้ว เดิมทีคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่คาดคิดเลยว่าไทเฮาจะบันดาลโทสะขึ้นมาทันที
“ซูเฟย เ้าทำให้อายเจียผิดหวัง” น้ำเสียงของไทเฮาสงบนิ่งไร้คลื่นราวกับน้ำนิ่งในสระลึก เหลือเพียงลมเย็นปะทะใบหน้า
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว” แม้ฮวารั่วซีจะไม่เข้าใจ ทว่านางก็รีบแสดงท่าทีและโขกศีรษะด้วยความเคารพตามคำพูดไทเฮา
“ตอนแรกอายเจียคิดว่าฝ่าาโปรดปรานเ้า จึงมอบตำหนักหลังให้เ้าดูแล หวังว่าเ้าจะช่วยอายเจียแบ่งเบาได้บ้าง หลายปีมานี้เ้ามัวทำอันใดอยู่? อย่าคิดว่าอายเจียไม่รู้อุบายในวังหลวงพวกนี้ของเ้า ฝ่าาไม่มีบุตรมาโดยตลอด ไม่เกี่ยวกับเ้าแน่หรือ! เดิมทีอายเจียเพียงหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง ไม่เอาเื่บุตรัที่อาจจะมีพวกนั้นไปลงกับเ้า น่าเสียดายที่เ้าไร้ความสามารถ มิใช่เพียงแค่ท้องของเ้าที่ไร้ประโยชน์แล้ว แม้แต่คนก็ยังเลอะเลือนตามไปด้วย เพียงแค่เป่าหลินต่ำต้อยนางเดียวควรค่าให้เ้าสร้างความวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้เชียวหรือ มิหนำซ้ำยังสูญเสียอำนาจในการดูแลตำหนักหลังไปอีก หากมิใช่อายเจียลงมือ ตอนนี้ตำหนักหลังคงตกอยู่ในมือตระกูลเซียวไปแล้ว!”
ฮวารั่วซีแนบหน้าผากติดพื้น เล็บยาวจิกลงไปในเนื้อ คลื่นในใจโหมกระหน่ำ ไทเฮาพูดง่าย ทว่านางไหนเลยจะทนได้!
นางรู้จักกับซ่งอี้เฉินใน่เวลาที่สวยงามที่สุด ที่้ามีเพียงแค่อยู่คู่กันไปชั่วชีวิตเท่านั้นเอง
ตอนแรกมีอวิ๋นอู๋เหยียน นางรู้ว่าไทเฮากับซ่งอี้เฉินไม่เก็บอวิ๋นอู๋เหยียนไว้แน่ จึงไม่เห็นอยู่ในสายตา ทว่ายามนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว! ซ่งอี้เฉินคิดถึงแต่เหยียนอู๋อวี้ คอยดูแลอยู่ตลอด นางจะไปทนได้อย่างไร!
ฮ่องเต้สามารถมีสามตำหนักหกเรือน นางเป็ได้แม้กระทั่งสิ่งที่ดีที่สุดอันดับรอง แบ่งปันบุรุษหนึ่งคนกับสตรีอื่น ทว่าความจริงใจเพียงหนึ่งเดียวนี้ นางไม่มีทางแบ่งปันได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้