เมื่อมีคนคอยปกป้อง ภายในใจของเคอโยวหรานพลันเกิดเป็ความรู้สึกอบอุ่น นางเอ่ยพลางเผชิญหน้ากับหยวนซื่อโดยตรงว่า
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอยากจะดูว่าบนกายของข้ามีร่องรอยหรือเ้าคะ? หรือว่าอยากจะใส่ร้ายป้ายสีข้ากันแน่?
พวกเราล้วนแต่เป็สะใภ้สกุลต้วน เดิมทีควรจะคอยประคับประคองและช่วยเหลือกัน หากท่านทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนั้นยังจะเกิดประโยชน์อันใดกับท่านหรือเ้าคะ?”
หยวนซื่อเอ่ยวาจาเย้ยหยัน “อ้อ น้องสะใภ้สามกลัวแล้วงั้นหรือ? แค่ถอดหมวกเหวยเม่าออกเท่านั้น ยังต้องหาข้ออ้างตั้งมากมายถึงเพียงนี้เชียว หากจะบอกว่าเ้ามิได้ใจฝ่อ ผู้ใดจะยังเชื่อกัน?
เฮ้อ เป็เพราะซานหลางของพวกเราซื่อตรง ถูกเ้าหลอกเสียจนหัวปั่น หากเปลี่ยนเป็ผู้อื่นรู้ว่าเ้าไม่สำรวมตนเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะหย่าเ้าไปั้แ่เนิ่นๆ แล้ว”
ต้วนต้าหลางก้มหน้าพลางขมวดคิ้ว ภรรยากล่าวเหมือนมีจมูกมีตา [1] ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตา พื้นเพอำนาจ และทรัพย์สินเงินทองต่างๆ นานาของอินจิ่ว สำหรับสตรีแล้ว ล้วนแต่เป็สิ่งเย้ายวนอย่างยิ่ง
นอกจากนี้เคอโยวหรานกับอินจิ่วยังเป็ศิษย์พี่กับศิษย์น้อง สิ่งที่เล่าเรียนคล้ายคลึงกัน น่าจะมีปัญหาให้ร่วมถกเถียงกันไม่น้อย
น้องสะใภ้สามจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับศิษย์พี่ผู้นี้ของนางจริงๆ เช่นนั้นหรือ?
ครั้นคิดเยี่ยงนี้ ต้วนต้าหลางก็กวาดสายตามองสภาพห้องระเกะระกะคราหนึ่ง จากนั้นปฏิเสธความคิดของตน
สภาพห้องเช่นนี้ กลไกทั้งหมดถูกเปิดทำงาน นับได้ว่าลงมือขั้นรุนแรง สภาพเช่นนี้จะไปเหมือนที่หยวนซื่อกล่าวได้อย่างไร?
ทางด้านหยวนซื่อ เมื่อเห็นว่าเคอโยวหรานไม่ยินดีจะปลดหมวกเหวยเม่าลงก็คิดว่าการคาดเดาของตนเป็เื่จริง
เพราะถึงอย่างไรคนเช่นอินจิ่วผู้นั้น กระทั่งตนยังรู้สึกอยากโผเข้าสู่อ้อมอกอย่างอดใจไม่ไหว
เหตุใดชะตาชีวิตของเคอโยวหรานจึงดีขนาดนี้ มีปรมาจารย์แพทย์พิษทั้งสองคอยปกป้องคุ้มครอง มีมารดาสกุลต้วนคอยดูแล ทั้งยังมีซานหลางคอยรักถนอม
ยามนี้ยังมีศิษย์พี่ที่ทั้งรูปงาม มีเงินทอง และมากอำนาจ ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรตนก็เป็บุตรสาวสกุลใหญ่อันดับหนึ่งหรืออันดับสอง เหตุใดถึงตกต่ำจนไม่สามารถเทียบกระทั่งหญิงชนบทผู้หนึ่งได้เสียแล้ว? มิอาจยินยอมได้จริงๆ!
ตอนนี้มีโอกาสอันดีถึงเพียงนี้ จะต้องจัดการลากน้องสะใภ้สามผู้นี้ลงในโคลนตม ทำให้อีกฝ่ายมิอาจพลิกวิกฤตได้อีกต่อไป
เมื่อคิดเช่นนี้ หยวนซื่อก็ยกยิ้มชั่วร้ายออกมา “ไอ้หยา ข้าว่านะน้องสะใภ้สาม ลอบคบชู้ลับหลังซานหลางเยี่ยงนี้ หากถูกผู้อื่นล่วงรู้เข้า เช่นนั้นคงต้องถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำแล้วกระมัง”
อาจด้วยมารดาเข้มแข็งเพราะบุตร ถงซื่อที่แต่เดิมมักยอมคนพลันก้าวเข้ามาด้านหน้า หนึ่งฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของหยวนซื่อด้วยความโมโห
“คนแซ่หยวน ข้านับถือว่าเ้าเป็ภรรยาของต้าหลาง มีหลายเื่ราวที่ไม่ถือสาเ้า
แต่เ้ากลับคิดจะผลักโยวหรานสู่หนทางตายไปเสียทุกเื่ แท้จริงแล้วโยวหรานของข้าไปสร้างความหมางใจอันใดให้เ้ากัน?”
“เ้า...” หยวนซื่อกุมแก้มพลางจดจ้องถงซื่อด้วยความเคียดแค้น ทันใดนั้นนางก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดก่อนมุ่งตรงไปยังหน้าท้องของหยวนซื่อ
นึกว่าจะช้า แต่กลับเร็วกว่าที่คิด เคอเจิ้งตงรีบโอบเอวถงซื่อและถอยหลังไปหลายก้าวอย่างมั่นคงเพื่อเบี่ยงกายหลบเลี่ยง
หยวนซื่อที่ยั้งเรี่ยวแรงไม่ทันพลันพุ่งไปทางเหล่าองครักษ์เงา
แต่มีหรือองครักษ์เงาสกุลต้วนจะกล้าแตะต้องหยวนซื่อ ต่างพากันเบี่ยงกายหลบเลี่ยงโดยพร้อมเพรียง
หนึ่งเสียงดังตุ้บ หยวนซื่อัักับพื้นดินอย่างแนบชิดเป็ที่สุด เจ็บเสียจนเป็อัมพาตไปทั้งร่างและเกือบจะหมดสติไป
“ฮ่าๆๆๆ...” เคอโยวเยวี่ยหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ ครั้นเห็นว่าทุกคนต่างหันหน้ามามองตนจึงรีบเอามือป้องปากกลั้นเอาไว้อย่างสุดชีวิต
ต้วนต้าหลางกำหมัด นี่ก็คือสตรีที่ตนกับท่านแม่เลือกจากผู้คนนับหมื่นนับพันในยามนั้น คือคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองหลวงเช่นนั้นหรือ?
หึ! ช่างน่าเย้ยหยันนัก
ไม่รอให้ต้วนต้าหลางขุ่นเคืองใจจนเสร็จ หยวนซื่อพลันพลิกกายคลานขึ้นจากพื้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“คนแซ่เคอ พวกเ้าทั้งครอบครัวกินอยู่ในเรือนสกุลต้วน นับเป็สิ่งใดกัน? ยามนี้พูดไม่ลงรอยก็ลงมือทำร้ายคนเสียแล้วหรือ?
พวกเ้าช่างไม่ลองไปฟังเสียงผู้คนข้างนอกสักหน่อยว่าทุกคนพูดถึงพวกเ้าว่าอย่างไร?...”
“พอได้แล้ว” หยวนซื่อกล่าวยังไม่ทันจบก็ถูกมารดาสกุลต้วนขัดจังหวะเสียก่อน “ภรรยาต้าหลาง วันนี้เ้าชักจะพูดมากเกินไปแล้วจริงๆ โยวหรานเป็คนเช่นไร พวกเราทุกคนล้วนรู้ดี
นับั้แ่แต่งเข้าเรือนสกุลต้วน นางก็ยอมตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด ทั้งยังพยายามทุกวิถีทางให้ครอบครัวมั่งคั่งมีเงินทอง
แม้สกุลเคอจะอาศัยอยู่ในเรือนสกุลต้วน แต่เงินทองทั้งหมดที่พวกเขาใช้จ่ายล้วนแต่เป็เงินที่โยวหรานหามา
กระทั่งเสื้อผ้าชุดใหม่บนกายของเ้า ก็ยังทำจากผ้าที่โยวหรานหาเงินซื้อมา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่มีสิทธิ์สงสัยในตัวนาง”
ขณะกล่าว มารดาสกุลต้วนพลันเดินเข้าไปดึงข้อมือของหยวนซื่อ จากนั้นลากนางเข้ามาในห้องแล้วชี้ห้องที่อยู่ในสภาพระเกะระกะไปหมด
“เ้าลองดูเอาเองเถิด กลไกลับตั้งมากมายล้วนถูกเปิดใช้งานจนหมด ท่ามกลางการทำงานของกลไกที่มากถึงเพียงนี้ หากเป็คนธรรมดาคงไร้ลมหายใจไปนานแล้ว
มิอาจจับศิษย์พี่ของโยวหรานเอาไว้ได้เป็เพราะกลไกที่ซานหลางสร้างขึ้นมาไม่สามารถต่อกรกับผู้ที่เก่งกาจ เกี่ยวข้องอันใดกับโยวหรานกัน?
เื่นี้มีต้นตอจากสาเหตุใด มองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว ภายหน้าอย่าได้เอ่ยถึงอีก ล้วนแต่พากันกลับไปนอนเสียเถิด!”
“แต่ ท่านแม่...” หยวนซื่อเพิ่งจะเปิดปากก็ถูกมารดาสกุลต้วนยกมือขึ้นปราม
“พอได้แล้วหยวนซื่อ สิ่งที่เ้าควรทำคือเพิ่มทายาทเพิ่มสิริมงคล มิใช่ยุยงความสัมพันธ์ระหว่างโยวหรานกับซานหลางเช่นนี้”
หยวนซื่อกำหมัด นางถลึงตาจ้องเคอโยวหรานพลางคิดในใจว่า : ขอเพียงเคอโยวหรานกับอินจิ่วยังพัวพันไม่ชัดเจน ไม่ช้าก็เร็วจะต้องโผล่หางออกมา ตนแค่ต้องรอโอกาสเป็พอ
ตนไม่เชื่อ ถึงครั้งแรกและครั้งสองจะฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ครั้งสามหรือครั้งสี่เล่า? ย่อมต้องมีโอกาสฆ่าเคอโยวหรานให้ตายไปเสีย
ต้วนต้าหลางดึงหยวนซื่อกลับห้องด้วยความไม่พอใจ เดินไปพลางเอ่ยไปพลางว่า “พอได้แล้ว เ้าพูดให้น้อยลงสักหน่อย สนทนายามว่างอย่าได้วิจารณ์เื่ไม่ดีของผู้อื่น นั่งอยู่เงียบๆ แล้วหมั่นใคร่ครวญความผิดพลาดของตนเอง
เ้าก็เป็สตรีที่เกิดจากสกุลใหญ่ มารยาทที่เมื่อก่อนเล่าเรียนมาหายไปที่ใดหมดเสียแล้ว?”
ครั้นเห็นว่าพวกต้วนต้าหลางออกไปแล้ว เคอโยวหรานจึงเกลี้ยกล่อมให้บิดามารดาของตนกลับไปพักผ่อนเช่นกัน
เคอเจิ้งตงมองภายในห้องที่ยุ่งเหยิงไม่เป็ระเบียบแล้วเอ่ยว่า
“โยวหราน มิสู้คืนนี้เ้าไปนอนในห้องของโยวหลานสักคืนเถิด ค่อยให้คนมาเก็บกวาดที่นี่ในวันพรุ่งเป็อย่างไร?”
เคอโยวหรานยังอยากเข้าไปในมิติวิเศษเพื่อถามเื่ค้างคาใจจำนวนหนึ่งกับต้วนเหลยถิง จึงรีบปฏิเสธว่า
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ภายในห้องแลดูรกรุงรัง แต่เตียงนอนกลับมิได้รับผลกระทบแม้แต่นิด ระหว่างคืนข้าจะกางตาข่ายเหล็กเอาไว้ นับว่าปลอดภัยอย่างยิ่งเ้าค่ะ
ส่วนศิษย์พี่ของข้า หลังจากเกิดเื่เมื่อครู่ คาดว่าคืนนี้เขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วเ้าค่ะ
ท่านแม่ร่างกายอ่อนแอ ท่านพานางกับน้องทั้งสองกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
ถงซื่อร่างกายอ่อนแอ เคอเจิ้งตงไม่วางใจให้นางยืนตากลมเย็นอยู่ที่นี่เช่นกัน ครั้นเห็นเคอโยวหรานหนักแน่นจึงไม่โน้มน้าวต่ออีก เขาโอบเอวของถงซื่อพลางพาบุตรสาวทั้งสองกลับไปยังเรือนฝั่งตะวันตก
เหล่าองครักษ์เงาต่างพากันยกบานประตูที่ล้มลงขึ้นมา ก่อนจะจัดแจงติดใหม่ให้เรียบร้อย
เคอโยวหรานบอกใบ้ให้ทุกคนออกไป มารดาสกุลต้วนเอ่ยด้วยความเป็ห่วงว่า
“โยวหราน คืนนี้เกรงว่าห้องนี้ของเ้าคงจะนอนไม่ได้เสียแล้ว มิสู้ไปนอนที่ห้องของแม่สักคืนเป็อย่างไร?”
เคอโยวหรานส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้าติดเตียงเ้าค่ะ นอนที่ห้องของตนเองจะหลับสบายกว่าสักหน่อย ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ ข้างนอกห้องมีพวกอิ่งอีคอยเฝ้าอยู่ ย่อมไม่เป็อันใดเ้าค่ะ”
มารดาสกุลต้วนทอดมองเคอโยวหรานครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา นางก้มหน้าพลางเดินกลับไปยังห้องของตน
“เฮ้อ...” เคอโยวหรานถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก จัดการลงกลอนประตูก่อนจะแทรกกายเข้าไปในมิติวิเศษ
เพิ่งจะเข้าไปก็ถูกต้วนเหลยถิงโอบกอดเอาไว้แนบอก “แม่ทูนหัว ขอโทษที่ทำให้เ้าต้องกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมเสียแล้ว ข้ารู้ทุกเื่ที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่น อยากจะออกไปผ่านการนึกคิด แต่ลองอยู่หลายครั้งก็ยังคงโผล่อยู่ในกระโจมบนเขาเหลียนอู้ มิอาจกลับเรือนได้แม้แต่นิด”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] มีจมูกมีตา 有鼻子有眼 หมายถึง เล่าเื่ราวละเอียดเหมือนเห็นด้วยตาตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็เื่จริง