ฟู่ถิงเย่เดินออกจากประตู ยกมือขวาขึ้น แล้ววางมือบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองด้วยสีหน้าแปลกๆ
หัวใจ...เต้นโครมครามไม่หยุด!
เกิดอะไรขึ้น?
แค่เห็นทุกๆ ท่าทางของนางไม่ว่าจะรอยยิ้มหรือขมวดคิ้ว เหตุใดหัวใจของเขาถึงเต้นเร็วขึ้น?!
เื่บ้าอะไรกัน!
ฟู่ถิงเย่รู้สึกว่าต้องเป็เพราะอยู่กับสตรีนางนี้นานเกินไปแน่แล้ว ถึงอย่างไรตนเองก็เป็บุรุษเืร้อน ย่อมได้รับอิทธิพลบ้างเป็ธรรมดา
เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
ดูท่า อย่างไรก็ต้องรักษาระยะห่างจากสตรีนางนี้ไว้จะปลอดภัยกว่า อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะมีใจให้เขาอยู่แล้ว หากเขาไม่ระวัง ให้ความหวังนางไป จะไม่เป็การทำร้ายนางหรือ?
ฟู่ถิงเย่มีความคิดแบบชายเป็ใหญ่อยู่มากในเื่นี้ อีกทั้งยังยึดมั่นประเพณีอย่างเคร่งครัด เว้นเสียแต่จะแต่งงานกันแล้ว มิเช่นนั้นเขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีคนใดทั้งสิ้น และสิ่งที่เขาไม่อาจทนดูได้มากที่สุด คือเหล่าบัณฑิตขี้โอ่ที่ชอบวาดภาพแต่งกวีมอบให้สตรี หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ทำให้แม่นางเ่าั้ต้องทุกข์ทรมานเพราะผิดหวังในรักที่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็สูญเปล่า
การอยู่ร่วมบ้านกับหวาชิงเสวี่ยเป็เื่สุดวิสัย นอกจากเวลาพักผ่อน่กลางคืน ในเวลาปกติเขาจะพยายามไม่ปรากฏตัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกับหวาชิงเสวี่ย ตอนนี้ แม้แต่่กลางคืนที่เขารู้สึกว่าต้องพักผ่อนแล้ว ก็ยังคิดว่าไม่ควรเข้าไปในบ้าน!
คงดีกว่าหากรอให้หวาชิงเสวี่ยหลับก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปข้างในมิเช่นนั้น ค่ำคืนอันเงียบสงบ คนทั้งสองอยู่ด้วยกันในบ้าน แม้จะไม่ได้พูดคุยกัน แต่บรรยากาศรอบกายที่อบอวลไปด้วยความคลุมเครือก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกอึดอัด
เพราะปวดท้อง หวาชิงเสวี่ยจึงไม่ได้ทานอาหารเย็น ฟู่ถิงเย่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บจานชามแล้ว เขาก็เติมน้ำร้อนใส่กาน้ำชาจนเต็ม แล้วก็ไปที่ห้องโถงด้านนอก โดยไม่ได้พูดกับหวาชิงเสวี่ยแม้แต่คำเดียว
ความเ็าของฟู่ถิงเย่เห็นได้อย่างชัดเจน หวาชิงเสวี่ยสังเกตเห็นเช่นนั้น ก็คิดว่าฟู่ถิงเย่ยังคงโทษว่าเป็ความผิดของนางอยู่ ในใจจึงรู้สึกขมขื่นและน้อยใจเล็กน้อย
การจำนำเสื้อผ้าขององค์รัชทายาทถือเป็ความผิดของนาง แต่ในสถานการณ์แบบนั้น ทั้งนางและองค์รัชทายาทไม่มีเงินติดตัว แม้แต่ที่พักค้างแรมก็ยังไม่มี นอกจากต้องพึ่งโรงรับจำนำแล้วจะมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?
บางทีอาจเป็เพราะอยู่ใน่มีรอบเดือนด้วย อารมณ์ของหวาชิงเสวี่ยจึงแย่ผิดปกติ นางขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยความรู้สึกเศร้า ขดตัวเป็ก้อนเล็กๆ คิดอยากจะหลับให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมานจากความเ็ปอีก
หลังจากนั้นหลับไปหรือไม่ แม้แต่นางเองก็ไม่แน่ใจ รู้สึกเพียงว่าเหมือนจะหลับไปชั่วขณะ แล้วก็ตื่นขึ้นมาเพราะความเ็ป สติเลือนราง ทรมานจนถึงขีดสุด
เมื่อปวดจนถึงที่สุด ทั่วทั้งร่างเย็นะเืไปหมด นางรู้สึกว่าทุกส่วนเริ่มปวด เริ่มเย็นไปทั้งตัว และจุดกำเนิดของความเ็ปนั้น เหมือนกับเข็มเล็กๆ นับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงนาง!
"อา..." นางอยากจะเรียกหาคน แต่กลับทำได้เพียงเปล่งเสียงอันแ่เบาออกมา พยายามอยู่หลายครั้ง กว่าจะเรียกสี่คำออกมาได้ "ท่านแม่ทัพฟู่..."
แต่หลังจากเรียกสี่คำนี้ออกมา นางก็คิดแล้วสับสนว่า จะเรียกเขาไปทำไม? คนผู้นั้นรังเกียจนางจะแย่อยู่แล้ว เหตุใดนางยังจะไปรบกวนเขาอีก? นางยังสร้างความเดือดร้อนให้เขาไม่พออีกหรือ?
"อือ..." ความเ็ปราวกับมีเข็มทิ่มแทงที่ท้องแล่นวาบเข้ามา ร่างกายของหวาชิงเสวี่ยขดตัวแน่นขึ้นกว่าเดิม เหงื่อบนหน้าผากไหลออกมาเปียกชุ่มปอยผมหน้าม้า และค่อยๆ หยดลงบนผิวกายที่ซีดขาวราวหิมะ สภาพของนางจึงดูอ่อนแอและน่าสงสารยิ่งขึ้นไปอีก
...
"หวาชิงเสวี่ย?!"
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด นางรู้สึกว่ามีคนอุ้มนางขึ้นมา เสียงรอบข้างดังอื้ออึง
"...หวาชิงเสวี่ย! เ้าเป็อะไรไป?!"
หวาชิงเสวี่ยพยายามตอบเสียงนั้นอย่างสุดกำลัง แต่นางปวดจนเบลอไปหมดแล้ว แม้แต่ลืมตาก็ยังทำไม่ได้
ร่างกายของนางรู้สึกผ่อนคลาย คนผู้นั้นวางนางลง
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที นางอยากจะบอกว่าท่านอย่าไป ท่านอย่าเพิ่งไป...แต่สุดท้าย กลับได้ยินเพียงเสียงประตูบ้านที่ปิดลง
...
ฟู่ถิงเย่ไปลากหมอมาจากไหนก็ไม่ทราบ ชายชราร่างเล็ก ผมสีดอกเลา ถูกฟู่ถิงเย่หิ้วไว้เหมือนกับเด็กเล็ก
ตอนแรกหมอชราคนนั้นยังะโด่าทออยู่บ้าง แต่ฟู่ถิงเย่กลับรีบเร่งเดินไปตามทาง สีหน้าเ็าไม่พูดไม่จา แล้วเดินไปในตรอกมืดๆ เช่นนี้อีก หมอชรารู้สึกเพียงว่าตัวเองคงใกล้ตายเต็มที น้ำตาไหลพราก สั่นเทาไปทั้งตัว!
คิดไม่ถึงว่าฟู่ถิงเย่จะเปิดประตูแล้วโยนเขาเข้าไปข้างใน!
"โอ๊ย!"
หมอชราร้องโอดโอย! คิดว่ากระดูกในวัยชราของตนเองคงจะหักหมดแล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมาก็ถูกฟู่ถิงเย่ที่เดินเข้ามาหลังจากปิดประตูแล้วจับคอเสื้อด้านหลังไว้พยุงขึ้นมา!
ฟู่ถิงเย่พยุงหมอชราเดินเข้าไปข้างใน พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยอำนาจ "ตรวจดูว่านางเป็อะไร!"
พูดจบก็ผลักอีกครั้ง! หมอชราเซถลาเข้าไปในบ้าน
อ่าฮะ! บนเตียงเตาในบ้านยังมีอยู่อีกคน?!
คราวนี้หมอชราอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงะโด้วยเสียงแหลม "หากจะให้ข้าตามออกมาตรวจก็บอกดีๆ สิ! เหตุใดต้องลักพาตัวกันแบบนี้ด้วย?!"
ฟู่ถิงเย่นิ่งไป "ข้าบอกแล้ว"
อะไรนะ? เ้าบอกเมื่อไหร่กัน?! หมอชราครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ตอนที่เ้าหนุ่มนี่บุกเข้าไปในร้านขายยาของเขาดูเหมือนจะถามเพียงประโยคเดียวว่า ผู้ใดเป็หมอ?
นี่เรียกว่าเชิญหมอมาตรวจหรือ?!
หมอชราโกรธจัด!
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้โกรธนาน ก็ถูกผลักจนเซอีกครั้ง! ฟู่ถิงเย่เร่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "รีบตรวจนางสิ"
ฟู่ถิงเย่มีหนวดเคราหนาเฟิ้มเต็มหน้า เวลาถลึงตาก็ดูน่ากลัวมาก หมอชราตัวสั่นเทา เดินไปข้างเตียงเตาแล้วจับมือของหวาชิงเสวี่ยเพื่อตรวจชีพจรอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ตอนแรกเขาคิดว่าเป็อาการป่วยกะทันหันอันตรายถึงชีวิตเสียอีก ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมถูกบุรุษหยาบคายผู้นี้ลักพาตัวมากลางดึก แต่หลังจากวินิจฉัยอาการได้แล้ว หมอชรากลับรู้สึกโกรธมาก!
เขาวางมือหญิงสาวลงอย่างเบามือ สะบัดชายผ้าเบาๆ ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ พูดขึ้นอย่างเชื่องช้า "ไม่เป็อะไรมาก แค่ได้รับความเย็นภายนอก ความเย็นทำให้เืคั่ง จึงปวดทรมาน"
ฟู่ถิงเย่ถามอย่างร้อนใจ "ต้องรักษาอย่างไร? ใช้ยาอะไรบ้าง?"
"อาการป่วยนี้ของนางจะว่าเบาก็เบา จะว่าหนักก็หนัก จะว่าเบาก็เพราะแค่กินยาขับความเย็นและสลายเืคั่งไม่กี่ขนานก็หายแล้ว จะว่าหนักก็เพราะหากดูแลไม่ดีในระยะหลัง อาจทำให้มดลูกเย็นและมีบุตรยาก เ้าตามข้ากลับไปเอายาเถอะ ข้าจะสอนวิธีนวดทุยหนา [1] เพื่อช่วยสลายเืคั่งให้เ้าด้วย รักษาควบคู่กัน พรุ่งนี้นางก็จะดีขึ้น"
หมอชราพูดอย่างใจเย็น ร่างกายเล็กผอมบางของเขาดูสง่างามราวกับผู้วิเศษ
ฟู่ถิงเย่กลับลังเลเล็กน้อย "วิธี...นวดทุยหนา?"
หมอชราพยักหน้าเล็กน้อย "ถึงแม้ข้าจะแก่แล้ว แต่ก็ยังเป็บุรุษ วิธีนวดทุยหนานี้ให้สามีอย่างเ้าทำย่อมจะเหมาะสมที่สุด เ้าดูให้ดี ตรงตำแหน่งเหล่านี้..."
เขากล่าวพลางชี้ไปที่ท้องของตนเอง "...เห็นชัดหรือไม่? กดและนวดเบาๆ ตามทิศทางนี้ ทำวนซ้ำเจ็ดรอบก็เพียงพอแล้ว"
ฟู่ถิงเย่มีสีหน้าตึงเครียด ไม่พูดอะไร
หมอชรารู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความสนใจ จึงรู้สึกไม่พอใจ "วิธีนี้สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจากบรรพบุรุษของข้า! หากไม่เห็นว่าอาการป่วยของนางเข้าขั้นอันตราย ข้าคงไม่สอนให้เ้าหรอก!"
ฟู่ถิงเย่หยิบเงินก้อนหนึ่งออกมา วางไว้ในมือของหมอชรา
หมอชรายิ้มหน้าบาน "อย่างนี้ค่อยสมควรหน่อย..."
"..." ภายในใจฟู่ถิงเย่ เกิดความรู้สึกลำบากใจขึ้นอีกครั้ง...
...
นอกหน้าต่าง ลมหนาวพัดกระหน่ำ ภายในห้องที่เงียบสงบและมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนริบหรี่ที่ยังคงส่องสว่าง
ฟู่ถิงเย่ใช้มือโอบไหล่ของหวาชิงเสวี่ยไว้ข้างหนึ่ง พยุงนางขึ้นมา และค่อยๆ ป้อนยาให้
แต่เขาไม่เคยทำเื่ละเอียดอ่อนแบบนี้มาก่อน ตอนป้อนยาให้ หากหวาชิงเสวี่ยไม่สำลัก ก็ไม่ทันระวังเผลอทำยาหก เลอะเปียกเสื้อผ้าของนาง
ช่างน่ากระอักกระอ่วนเหลือเกิน...
โชคดีที่ถึงแม้หวาชิงเสวี่ยจะปวด แต่ก็ไม่ได้ปวดจนหมดสติไป เมื่ออาการดีขึ้นบ้าง นางก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย "ลำบากท่านแม่ทัพแล้ว...ข้าทำเองก็ได้เ้าค่ะ"
พูดจบ นางก็รับชามมา ถือไว้ในมือ ดื่มยาที่มีรสชาติแปลกๆ นั้นช้าๆ แล้วก็ส่งคืนให้เขา จากนั้นนอนลงไปแล้วขดตัวอย่างช้าๆ โดยไม่พูดอะไร
ฟู่ถิงเย่รู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกนางรังเกียจ...
เขามองสตรีนางนั้นที่ขมวดคิ้วอยู่ใต้ผ้าห่ม อยากจะบอกว่า เสื้อผ้าของเ้าเปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนก่อนค่อยนอนจะดีกว่า แต่การพูดแบบนี้จะดูเหมือนเขาเป็คนฉวยโอกาสหรือไม่? และเขาก็อยากจะบอกว่า เ้าเพิ่งกินยาเสร็จ ควรดื่มน้ำร้อนบ้วนปากจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่สบายกับรสยาที่อยู่ในปาก แต่เขาเพิ่งต้มยาเสร็จ ตอนนี้ในบ้านไม่มีน้ำร้อนเลย พูดจาดีๆ ไปก็เท่านั้น!
อารมณ์ของฟู่ถิงเย่ขึ้นๆ ลงๆ เพราะเกิดความคิดต่างๆ นานา สุดท้ายก็หงุดหงิดสบถคำหยาบออกมา!
บ้าเอ๊ย! เป็ถึงบุรุษกลับมามัวลังเลอ้ำอึ้งเหมือนสตรี น่าขยะแขยงจริงๆ! จะทำอะไรก็ทำไป! จะคิดมากไปทำไม?!
ฟู่ถิงเย่ตัดสินใจไม่สนใจแล้วว่าหวาชิงเสวี่ยจะคิดอย่างไร เขาดึงนางออกจากผ้าห่มอีกครั้ง!
หวาชิงเสวี่ย: "?!!"
ฝ่ามือใหญ่ของฟู่ถิงเย่กดลงบนท้องของนางอย่างกะทันหัน! หวาชิงเสวี่ยเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาทันที! เขาคิดว่านางเป็ตัวถ่วง ถึงกับคิดจะฆ่านางเพื่อปิดปากหรือ?!
ฟู่ถิงเย่ทำตามคำแนะนำของหมอ นวดไปมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง!
ในที่สุดหวาชิงเสวี่ยก็ทนไม่ไหว ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา "ท่านแม่ทัพ..."
เสียงร้องราวกับจะร้องไห้นั้นทำให้ฟู่ถิงเย่สะดุ้ง! การเคลื่อนไหวก็หยุดลง หวาชิงเสวี่ยรีบคว้ามือที่แข็งราวกับเหล็กของอีกฝ่ายไว้! "ท่านแม่ทัพ...ข้า"
ร่างกายของฟู่ถิงเย่แข็งทื่อ นิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน
ตอนนี้หวาชิงเสวี่ยไม่มีอารมณ์จะสนใจเขาแล้ว นางซบไหล่ของเขา หายใจเบาๆ เพื่อบรรเทาความเ็ปที่ท้อง เมื่อครู่นางปวดจนแทบจะขาดใจ! ความจริงแล้วนางอยากจะผลักเขาออกไป แต่นางไม่มีแรงเลย แม้จะมีแรงแล้วจะทำอย่างไร? นางจะผลักชายร่างั์คนนี้ออกไปได้จริงหรือ?
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่าฝ่ามือของชายคนนั้นเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หวาชิงเสวี่ยนึกถึงการกระทำที่โหดร้ายเมื่อครู่ก็รู้สึกกลัว เพียงแต่ เมื่อนางรู้สึกว่าแรงที่กดลงบนท้องของนางบางเบาและอ่อนโยน รู้สึกสบายขึ้นอย่างบอกไม่ถูก...ในที่สุดหวาชิงเสวี่ยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
โชคดีที่ยังดี ชายคนนี้ถึงแม้จะใจร้อน อย่างน้อยก็ยังรับฟังคำแนะนำ ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย...
ฟู่ถิงเย่ทำตามคำแนะนำของหมอ นวดทุยหนาให้หวาชิงเสวี่ยอย่างตั้งใจเจ็ดรอบ หลังจากนวดเสร็จแล้วก็พบว่าหวาชิงเสวี่ยไม่ขยับเขยื้อน ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของนาง ก็รู้ว่านางหลับไปแล้ว
เขาวางหวาชิงเสวี่ยลงเบาๆ ห่มผ้าห่มนวมให้ มองใบหน้าของนางที่กำลังหลับอยู่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน...
ความรู้สึกนุ่มนิ่มที่ฝ่ามือนั้นยังคงอยู่...เหตุใดร่างกายของสตรีนางนี้ถึงได้นุ่มนิ่มได้ขนาดนี้? นิ่มราวกับเต้าหู้ หากออกแรงมากเกินไปก็จะแหลกสลาย หากไม่ได้มีเสื้อผ้ากั้นกลาง ไม่รู้ว่า...
ฟู่ถิงเย่ใกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของตนเอง!
สารเลว! ...ตอนนี้นางสะลึมสะลือไม่ได้สติ หากตื่นขึ้นมา แล้วรู้ว่าถูกเขาปฏิบัติด้วยเช่นนี้ นางจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่!
หากนางคิดสั้นจะทำอย่างไร?
ฟู่ถิงเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด! เป็บุรุษจะมาลังเลอะไร! ในเมื่อได้ัันางแล้ว แต่งนางเป็ภรรยาเสียก็สิ้นเื่!
—————————————————————————————————
[1]วิธีนวดทุยหนา(推拿之法)เป็ศาสตร์แพทย์แผนจีนแขนงหนึ่ง รักษาโดยการใช้มือ หรือส่วนของร่างกาย กด คลึง ถู บีบ ดัด หรือกลิ้ง บนจุดเส้นลมปรานของร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น