จิ่นเซวียนเดินตามซ่งจื่อเฉินไปที่หอเหวินเซียง หอเหวินเซียงมิมีแขก บริเวณโต๊ะรับแขกมีชายชุดเทาวัยประมาณสี่สิบปี ดวงตาคม ร่างกายแข็งแรงกำยำยืนอยู่ เขาตัวแข็งค้างเมื่อเห็นจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉิน
“คุณชาย คุณหนู พวกท่านจะเข้าพักหรือรับประทานอาหารขอรับ?” ชายชุดเทาเดินออกจากโต๊ะรับแขก ตรงเข้ามาทักทาย ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขารู้ว่าเ้านายของเขาแต่งงานเมื่อวาน แต่มิคิดว่าเ้านายจะฟื้นตัวแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นเ้านายยังพาฮูหยินคนใหม่มาที่ร้านด้วย
“ชั้นสองมีห้องส่วนตัวหรือไม่?” ซ่งจื่อเฉินถาม
“มีขอรับ” ชายชุดเทาตอบแล้วนำทางซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียนขึ้นไปบนชั้นสอง และตรงไปที่ห้องเทียนจื้อหมายเลขหนึ่ง
“ลุงชิว นี่คือฮูหยินของข้า และนางเป็นายหญิงของพวกเ้าด้วย” เมื่อซ่งจื่อเฉินนั่งลง เขาก็ให้ชายชุดเทาคารวะจิ่นเซวียน
“ข้าน้อยชิวเฉิงคารวะนายหญิงขอรับ” ชิวเฉิงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจิ่นเซวียน เขานั่งคุกเข่าทำความเคารพ
“ลุงชิว มิต้องสุภาพเช่นนี้ จากนี้คุยกับข้ามิต้องคุกเข่าหรอกเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเห็นซ่งจื่อเฉินให้เกียรติชิวเฉิง นางจึงเรียกเขาว่าลุงชิว
“นายน้อย ผู้ใดรักษาขาของท่านให้หายดีหรือขอรับ?” ชิวเฉิงสงสัยเื่ขาของซ่งจื่อเฉินที่สุด พวกเขาเสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศ ท่านหมอต่างบอกว่าคุณชายของพวกเขามิสามารถลุกขึ้นได้อีกแล้ว นี่เพิ่งผ่านมามิกี่วัน คุณชายก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเขาเช่นนี้ เขาย่อมใอยู่แล้ว!
“เป็ข้าที่รักษา” ชิวเฉิงใอีกระลอก เมื่อจิ่นเซวียนบอกเื่ที่นางรักษาซ่งจื่อเฉินให้ชิวเฉิงฟัง
“ลุงชิว นี่คือเงินสองพันสองร้อยตำลึง ท่านเก็บไว้เถิด” ซ่งจื่อเฉินนำตั๋วเงินออกมาให้ชิวเฉิง เพื่อให้เขาเอาไปใช้เกณฑ์ทหารและซื้อม้า ชิวเฉิงคือทหารเดนตายที่เสด็จพ่อทิ้งไว้ให้ เขาภักดียิ่งนัก ชิวเฉิงแอบร่วมมือกับซ่งผิงคอยปกป้องเขา และชิวเฉิงเองก็เป็เหมือนซ่งผิงที่สามารถสละได้แม้กระทั่งชีวิต เพื่อช่วยเขาแก้แค้น
“นายน้อย ท่านเก็บเงินส่วนนี้ไว้เถิด พวกเรายังมีเงินอยู่ขอรับ” ชิวเฉิงปฏิเสธที่จะรับเงิน พวกเขาหาเงินมาพอใช้แล้ว ส่วนเงินที่หน่วยย่อยกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ที่ส่งมาให้ เขาเก็บไว้ให้ซ่งจื่อเฉินทั้งหมด
“ลุงชิว ผู้ที่ทำการใหญ่ย่อมหนีการใช้เงินมิพ้น เงินส่วนนี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ข้าเชื่อว่าท่านจะนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ซ่งจื่อเฉินใช้ไม้แข็งยัดตั๋วเงินให้ชิวเฉิง ชิวเฉิงจึงยอมรับไว้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจฟังซ่งจื่อเฉิน เขาจะนำเงินนี้ไปเกณฑ์ทหารและซื้อม้าเพิ่ม
“นายน้อย ฮูหยินน้อย ข้าน้อยจะปฏิบัติตามที่พวกท่านมอบหมายอย่างแน่นอนขอรับ” เมื่อพวกจิ่นเซวียนฝากฝังเื่หาร้านค้าและซื้อบ้านกับชิวเฉิงเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวกลับบ้านซ่ง
“สามี ข้าคิดได้เมื่อครู่ว่าข้าควรเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาแบ่งให้พวกลุงชิว ให้พวกเขาได้เพิ่มระดับพลังของตนเอง เมื่อแข็งแกร่งแล้ว พวกเขาจะช่วยงานท่านได้ดีขึ้น”
จิ่นเซวียนรู้ว่าพวกชิวเฉิงยังอ่อนแออยู่ หากอยากทำการใหญ่ต้องค่อยๆ เพิ่มพูนความสามารถ
“ขอบคุณภรรยา” จิ่นเซวียนคิดถึงซ่งจื่อเฉินเสมอ เขาซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“พวกเราเป็สามีภรรยา พูดขอบคุณเช่นนี้ ดูเกรงใจกันเกินไปแล้ว” จิ่นเซวียนมิอยากให้ซ่งจื่อเฉินเกรงใจนาง สามีภรรยาควรสนับสนุนกันและกันย่อมเป็เื่ที่ถูกต้องแล้ว
“ภรรยา ข้ากลัวว่าคนในหมู่บ้านจะสงสัยว่าพวกเราเอาเงินมาจากที่ใดมากมาย พวกเรามิสู้เช่ารถม้ากลับบ้านก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อดีหรือไม่” ซ่งจื่อเฉินคิดว่าจะปิดบังคนในหมู่บ้านก่อน แล้วค่อยไปเดินวนๆ รอบูเาชางเยี่ยนคราหลัง เพื่อหลอกชาวบ้าน
หอเซียงเหวิน!
ชิวเฉิงมิกล้าทำงานสำคัญของซ่งจื่อเฉินล่าช้า เขารีบกระจายข่าวบอกทุกคนว่าซ่งจื่อเฉินฟื้นตัวแล้ว ให้พวกเขาเกณฑ์ทหารและซื้อม้า และให้รอจังหวะจู่โจม
“เสี่ยวจิ่ว ่นี้เ้าสังเกตเด็กกำพร้าในเมืองซิ่งหยางไว้ ถ้าซื้อพวกเขาได้ เ้าก็พยายามซื้อมา จำไว้ว่าต้องจัดหาที่พักดีๆ ให้พวกเขา และอย่าลืมส่งคนไปฝึกให้พวกเขาด้วย หากนายน้อยมาสังเกตการณ์คราวหน้า พวกเราจะได้สร้างความประทับใจให้นายน้อย” ชิวเฉิงนำเงินหนึ่งพันตำลึงส่งให้เด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปี ให้ไปจัดการเื่นี้
บนถนนจากเมืองซิ่งหยางไปเมืองจินจู๋ มีคนหาเลี้ยงชีพโดยการรับส่งผู้โดยสารอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินเดินผ่านรถม้า พวกเขาก็รีบแย่งลูกค้ากันทันที
“แม่นาง พวกเ้าจะไปที่ใดกัน อีกสักครู่อากาศก็ร้อนแล้ว มิสู้นั่งรถไปปลายทางแทนเล่า ข้าเพิ่งเริ่มกิจการ จะลดให้พวกเ้าเสียหน่อย”
“พวกเราจะไปหมู่บ้านสกุลโจวที่เมืองจินจู๋ ท่านคิดเท่าใด?” จิ่นเซวียนถาม
“หมู่บ้านสกุลโจวหรือ ต้องให้อย่างต่ำหนึ่งร้อยเหวินข้าถึงจะไป” เมื่อคนขับได้ยินว่าพวกเขาจะไปหมู่บ้านที่อยู่นอกเมืองก็มิอยากพาไป เพราะเส้นทางไปเมืองจินจู๋ค่อนข้างเละเทะ เดินทางลำบาก ล้อรถจะเสียหาย
“คนละหนึ่งร้อยเหวินหรือสองคนหนึ่งร้อยเหวิน?” จิ่นเซวียนถามอีก
“คนละหนึ่งร้อยเหวินอยู่แล้ว หมู่บ้านไกลเช่นนั้น ผู้ใดจะลากเ้าไปกัน!” น้ำเสียงของคนขับฟังดูหมดความอดทนเล็กน้อย จิ่นเซวียนมิอยากนั่งรถของเขา นางบอกกับซ่งจื่อเฉินว่า “สามีพวกเราไปดูทางนั้นกันเถิด”
“มิคิดจะนั่งก็อย่ามาถาม แต่งตัวออกจะดูดี แต่กลับขี้เหนียว” เมื่อพวกจิ่นเซวียนหันหลังเดินออกไปถามคนขับคนอื่น คนขับที่เพิ่งสนทนากับนางก็พึมพำด่าจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนยิ้มเยาะ ทำงานบริการแต่อารมณ์เหวี่ยงเช่นนั้น นางมิยอมนั่งรถของเขาหรอก
“พี่ชาย ท่านลากพวกเราไปส่งที่หมู่บ้านสกุลโจวเถิด พวกเราให้ท่านหนึ่งตำลึง” จิ่นเซวียนเดินไปหาคนขับอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ และขอให้เขาลากรถไปส่งพวกนางที่หมู่บ้านสกุลโจว
“แม่นาง ข้าจะไปส่งพวกเ้าเอง คิดเพียงสามร้อยเหวิน” คนขับที่ด่าจิ่นเซวียนว่าขี้เหนียวเมื่อครู่เห็นว่าจิ่นเซวียนจะให้เพื่อนร่วมงานของเขาหนึ่งตำลึง เขารู้สึกเสียดายที่ล่วงเกินผู้มีเงินเข้า
“เมื่อครู่ท่านมิได้พูดว่าสองคนสองร้อยเหวินหรอกหรือ?เหตุใดจู่ๆ ถึงขึ้นราคาเล่า” ซ่งจื่อเฉินปรายสายตาเ็ามองจนเขากลัวหัวหด
“พี่ชาย พวกเราไปกันเถิด” จากนั้นซ่งจื่อเฉินก็ประคองจิ่นเซวียนขึ้นรถและเข้าไปนั่ง
“แม่นาง พวกเ้าให้ข้าเพียงสองร้อยเหวินก็พอแล้ว ขอบคุณที่พวกเ้าสนับสนุนธุรกิจของพวกเรา” คนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกค่อนข้างซื่อสัตย์ เขามิได้้าเงินเพิ่ม
“พี่ชาย พวกเรามิได้ล้อท่านเล่น” ซ่งจื่อเฉินหยิบเงินก้อนเล็กก้อนหนึ่งออกมาจากถุงเงินส่งให้คนขับ คนขับขอบคุณพวกเขาอย่างซาบซึ้งใจ เขาทำอาชีพนี้มิค่อยพบลูกค้าเช่นนี้นัก
บางวันเพียงแค่อีแปะเดียวยังมิได้เลย
หน้าประตูใหญ่บ้านซ่ง มีเกวียนวัวลากสินค้าสองคันจอดอยู่ เป็รถที่เฉียวซื่อเชิญมาจากในเมือง พวกจิ่นเซวียนถึงบ้านทันเห็นเฉียวซื่อพาคนขับรถไปขนของพอดี นางอยากขนทรัพย์สมบัติของบ้านซ่งออกไปให้หมด
“พวกเ้าระวังหน่อย หากทำพัง พวกเ้าชดใช้มิไหวหรอกนะ” เฉียวซื่อสั่งคนขับให้ขนเครื่องเรือนออกไป จิ่นเซวียนพบว่าในนั้นมีม้านั่งตัวหนึ่ง ซึ่งเป็ม้านั่งที่ท่านอาเขยเล็กซื้อให้นาง นางมิรู้ว่ามันมาอยู่บนรถของเฉียวซื่อได้อย่างไร นางจึงเดินเข้าไปหยิบม้านั่งนั้นลงมา
“ท่านแม่เฒ่า ท่านจะขนของก็ขนไป เหตุใดจึงเอาสินสมรสของข้าไปด้วยเล่า”
“ภรรยา ข้าประมาทเอง ข้าเอาม้านั่งตัวนี้ออกมาให้ทุกคนนั่ง” ซ่งจื่อเฉินรีบอธิบาย แม้ม้านั่งตัวนี้จะมิได้มีค่ามากมาย แต่มันคือของขวัญที่ผู้อื่นมอบให้จิ่นเซวียน
สมควรแล้วที่จิ่นเซวียนจะโมโห
“ม้านั่งตัวนี้ข้าซื้อมาใหม่ คืนมันมาให้ข้า” เฉียวซื่อฉวยโอกาสตอนที่จิ่นเซวียนมิสนใจนาง นางเอื้อมไปแย่งม้านั่งออกจากมือของจิ่นเซวียน นางเห็นม้านั่งตัวนี้แกะสลักลวดลายอย่างดี ดูงดงามยิ่งนัก นางจึงอยากยึดมาเป็ของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้