ในที่สุด ตวนมู่เหยาก็ตระหนักได้ว่านางถูกทำให้ขายหน้า ทั้งยังหาเื่ให้ตัวเองขายหน้าอีก!
หานอวิ๋นซีไม่แม้แต่จะออกจากลานบ้านเลย ถึงแม้ว่านางจะพบกุ่ยตาเฉียงแล้ว แต่ก็ยังถ่วงเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ และปล่อยให้ตวนมู่เหยาวิ่งไปรอบๆ ูเาเหมือนตัวตลก
“หานอวิ๋นซี เ้า...เ้า...” ตวนมู่เหยาทั้งรู้สึกอายทั้งรำคาญใจ ชี้ไปที่หานอวิ๋นซี โกรธจนแทบพูดไม่ออก “เ้า...เ้าโกง! เ้ามาจากครอบครัวหมอที่คุ้นเคยกับยาสมุนไพร แต่ข้ากลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับยาสมุนไพร มันไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยอม!”
หานอวิ๋นซีรู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงท่านนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย นางจึงมองไปที่ใต้เท้าเหยากุ่ย “ใต้เท้าเหยากุ่ย ท่านต้องให้ความเป็ธรรมนะ”
ใต้เท้าเหยากุ่ยในเวลานี้ ไม่ว่าจะมองหานอวิ๋นซีอย่างไรก็รู้สึกชอบ เขาจึงเตือนด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ฮ่าๆ องค์หญิงฉางเล่อ ก่อนหน้าการแข่งขันก็เป็เ้าที่พูดว่ากฎนั้นยุติธรรมอย่างมาก แต่ตอนนี้เ้ามากลับคำเสียอย่างนั้น ข้าไม่มีความสุขเอาเสียเลย”
ตวนมู่เหยาไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ้าที่จะโต้เถียงกลับไป แต่ตวนมู่ไป๋เย่กลับรั้งนางไว้ข้างหลัง บีบข้อมือของนางแน่นและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พอได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาสร้างปัญหา”
แม้ว่าใต้เท้าเหยากุ่ยจะแปลกประหลาด เอาแน่เอานอนไม่ได้ จู้จี้และสติไม่สมประกอบ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ ยิ่งครั้งนี้ถูกทำให้ขายหน้า ตวนมู่ไป๋เย่ก็ไม่อยากที่จะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นักพนันที่พ่ายแพ้ ทั้งยังไม่อยากทำให้มันเื่มันใหญ่โต
เสด็จพี่ที่ดูโกรธเล็กน้อย ถึงแม้ในใจตวนมู่เหยาจะไม่เต็มใจมากนัก ทว่าก็กลับไปยืนข้างหลังเขา แล้วหยิบถังเช่าเจ็ดดวงดาราออกมาแต่โดยดี
ทันทีที่ส่งมอบของให้เสด็จพี่ น้ำตาก็เอ่อคลอในดวงตาของนาง มองไปที่หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็เบือนหน้าแล้ววิ่งออกไปด้วยความโกรธ
หานอวิ๋นซี ข้าเกลียดเ้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อยเ้าไปแน่นอน!
ตวนมู่ไป๋เย่มอบถังเช่าเจ็ดดวงดาราให้กับใต้เท้าเหยากุ่ยและพูดอย่างเ็าว่า “ใต้เท้าเหยากุ่ย ข้ายินดีที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และทำตามที่พูดไว้”
ใต้เท้าเหยากุ่ยยื่นมือที่ผอมแห้งเหมือนกระดูกออกไป รับมันมาและใส่เข้าไปในเสื้อคลุมสีดำ ในไม่ช้าก็มีเสียงหัวเราะคิกคักแปลกๆ ดังขึ้น โดยไม่ได้สนใจตวนมู่ไป๋เย่
“ฉินอ๋อง แล้วพบกันใหม่” ตวนมู่ไป๋เย่คำนับเขาอย่างมีมารยาท
แม้ว่าเขาจะพูดกับหลงเฟยเยี่ย แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยการคาดโทษ พร้อมกับสายตาที่มองไปที่หานอวิ๋นซี หานอวิ๋นซี เ้าช่างเป็สตรีที่แปลกเสียจริง แต่ก็น่าเสียดายที่เ้าทำร้ายเหยาเหยา ทั้งยังทำให้ข้าอับอาย วันใดวันหนึ่งอย่าได้ตกมาอยู่ในมือของข้าก็แล้วกัน!
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็หันหลังกลับและจากไป
หานอวิ๋นซีเคยเห็นคำเตือนที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ได้มีความกลัวใดๆ และพูดเพียงว่า “ยอมรับความพ่ายแพ้ นี่มันใช่ยอมรับความพ่ายแพ้เสียที่ไหนกัน?”
ใต้เท้าเหยากุ่ยที่ซ่อนถังเช่าเจ็ดดวงดาราไว้อย่างดี ก็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ฉินหวังเฟย ข้าชื่นชมเ้าด้วยใจจริงเลยจริงๆ”
หานอวิ๋นซีรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันใด และซ่อนตัวข้างหลังหลงเฟยเยี่ยโดยไม่รู้ตัว การชื่นชมของคนแปลกประหลาดผู้นี้ นางทนรับไม่ไหว
หลงเฟยเยี่ยยื่นจินตานงูเหลือมั์พิษให้ และเตือนอย่างเ็าว่า “ใต้เท้าเหยากุ่ย เ้าเองก็นำยาเซิงเสวี่ยตานออกมาเถอะ”
ทันทีที่เขาเห็นหลงเฟยเยี่ย ใต้เท้าเหยากุ่ยเปลี่ยนเป็ท่าทีเย่อหยิ่งทันทีและพูดอย่างเนิบๆ ว่า “โปรดรอสักครู่”
หลังจากพูดจบ ก็เดินเข้าไปเอามันในห้องอย่างเชื่องช้า ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่จะกลับมา เขาหยิบกล่องผ้าออกมาเปิดมันอย่างช้าๆ ข้างในกล่องมียาเซิงเสวี่ยตานขนาดเท่าะุอยู่ เมื่อเข้าไปใกล้จะได้กลิ่นเืจางๆ
นี่คือยาเซิงเสวี่ยตานที่กู่เป่ยเยวี่ยพูดถึง ดวงตาทั้งสองของหานอวิ๋นซีสดใสขึ้นทันที เอื้อมมือไปเพื่อจะหยิบมัน ทว่าใต้เท้าเหยากุ่ยกลับรีบหยิบมันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินหวังเฟย เ้าบอกข้ามาว่ากุ่ยตาเฉียงอยู่ที่ใดในลานแห่งนี้ แล้วสิ่งนี้จะเป็ของเ้า ตกลงหรือไม่?”
หานอวิ๋นซีชะงักไป เมื่อกำลังจะอ้าปากพูด หลงเฟยเยี่ยก็พูดอย่างเ็าว่า “กู่ชีชา เ้าจะกลับคำพูดของเ้างั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้พูดกับเ้า” ใต้เท้าเหยากุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเ็า เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ
แต่หานอวิ๋นซีกลับพูดว่า “ถ้าข้าไม่อยากพูดล่ะ?”
เอ่อ…
ดวงตาของใต้เท้าเหยากุ่ยมืดมน เจตนาฆ่าก็ฉายชัดขึ้น แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาหายใจเข้าลึกๆ และยื่นยาเซิงเสวี่ยตานให้ด้วยมือทั้งสองข้าง
หานอวิ๋นซีที่กลัวว่าเขาจะเสียดายภายหลัง ก็รีบเก็บใส่กระเป๋า หลังจากนั้น นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็ได้รับสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว อาการเจ็บป่วยของหลงเทียนโม่นั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ของก็อยู่ในมือแล้ว แน่นอนว่าพวกเขา้าที่จะรีบกลับไป คนทางฝั่งวังตะวันออกเองก็คงรีบร้อนไม่ต่างกัน
แต่ใครจะรู้ว่า ใต้เท้าเหยากุ่ยจะเดินตามพวกเขาไปจนถึงประตู และยิ้มให้อย่างชั่วร้าย “ฉินหวังเฟย เ้าบอกข้ามาสิว่าเ้าพบมันจริงๆ ใช่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซียิ้มอย่างมีเลศนัย “ฮึๆ ไว้คราวหน้าข้าจะบอกท่านก็แล้วกัน”
ใต้เท้าเหยากุ่ยที่ยังคงพัวพันอยู่ หลงเฟยเยี่ยก็หันกลับมามองเขาอย่างเ็า ใต้เท้าเหยากุ่ยรู้สึกเพียงว่ารอบตัวเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ดวงตาเรียวยาวส่งสายตาอันตรายมา พร้อมกับกระตุ้นให้ถอยกลับไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่หานอวิ๋นซีและหลงเฟยเยี่ยออกจากหุบเขา ใต้เท้าเหยากุ่ยก็ไม่ได้ยุ่งกับพวกเขาอีกต่อไป และเฝ้าดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าหลังของพวกเขาลับตาไป ใต้เท้าเหยากุ่ยก็ยิ้มออกมา
ใครจะไปรู้ว่า เสียงของเขาไม่เพียงน่าดึงดูดเท่านั้น แต่ยังทุ้มต่ำและน่าฟัง เป็เสียงของชายหนุ่มอย่างชัดเจน
มือของเขาที่ยื่นออกมาจากเสื้อคลุมสีดำ อบอุ่นราวกับหยกขาว เรียวและสวยงาม ไม่ผอมจนเห็นกระดูกเหมือนก่อนหน้านั้น
แม้จะเป็จินตานงูเหลือมั์พิษและถั่งเช่าเจ็ดดวงดาราที่วางอยู่บนฝ่ามือ ก็ไม่สะดุดตาเท่ากับมือของเขา
เขาพึมพำกับตัวเอง ยิ้มอย่างขี้เล่น “หานอวิ๋นซี...ฮึฮึ ช่างน่าสนใจจริงๆ! เราจะได้พบกันอีกแน่ๆ!”
…
ระหว่างทางกลับ หลงเฟยเยี่ยถามหานอวิ๋นซีว่า “กุ่ยตาเฉียงอยู่ที่ไหนในลานบ้าน?”
ไม่คาดคิดว่า แม้แต่ชายผู้นี้ก็อยากรู้เช่นกัน หานอวิ๋นซีพูดอย่างลึกลับว่า “ไม่บอกท่านหรอก”
สีหน้าของเขาแข็งทื่อ ประหลาดใจเล็กน้อยกับการตอบโต้ของหานอวิ๋นซี แต่ก็กลับสู่ความเฉยเมยตามปกติอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองรีบเดินทางและกลับไปถึงเมืองหลวงเทียนหนิงในเช้าตรู่ในอีกสามวันต่อมา
หลายวันมานี้ที่หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีจากไป ฮ่องเต้ ฮองเฮา และคนอื่นๆ ต่างรอคอยอย่างกระวนกระวาย หากฉินอ๋องไม่พานางไป ทุกคนคงคิดว่าหานอวิ๋นซีหนีไปแล้ว
ทั้งที่ยังเช้าตรู่ ทว่าวังตะวันออกกลับเต็มไปด้วยผู้คน ฮ่องเต้เทียนฮุยก็มาทันทีหลังว่าราชการเสร็จ ไท่เฮาและฮองเฮาเองก็คอยเฝ้ามองทุกย่างก้าวใน่สองสามวันที่ผ่านมา แม้แต่หานฉงอันเองก็ไม่ได้ไปไหน ยืนอยู่ข้างหลังไท่เฮาด้วยความเคารพ เขาเต็มไปด้วยความคับข้องใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป กู่เป่ยเยวี่ยก็อยู่ในห้องคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงไท่จื่อ
“ฝ่าา ฝ่าา ฉินอ๋องและฉินหวังเฟยเสด็จเข้าพระราชวังแล้ว และกำลังเสด็จมาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีที่เพิ่งเข้ามาในประตูพระราชวัง เซวียกงกงก็รีบตะเกียกตะกายไปรายงานทันที
ฮ่องเต้เทียนฮุยรู้สึกมีความสุขเป็อย่างมาก “นำยาเซิงเสวี่ยตานกลับมาได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานฉงอันก็รู้สึกประหม่าและจ้องมองเซวียกงกงอย่างแน่วแน่ รอคอยคำตอบของเขา
หานอวิ๋นซีได้วิเคราะห์อาการอย่างละเอียดแล้วและยืนยันว่าการวินิจฉัยนั้นถูกต้อง แม้ว่าจะทำให้หานฉงอันพูดไม่ออก แต่เขาก็ยังไม่เชื่อการวินิจฉัยของหานอวิ๋นซีอยู่ดี!
เพียงมียาเซิงเสวี่ยตานอยู่ในมือ หานอวิ๋นซีก็สามารถเริ่มการรักษาได้ เมื่อได้รับการรักษา ก็จะรู้ว่าเป็เขาที่พูดถูกหรือหานอวิ๋นซีที่พูดถูก!
ในท้องของไท่จื่อก็คือทารก เขาอยากจะเห็นว่าหานอวิ๋นซีจะเปลี่ยนทารกให้กลายเป็มะเร็งได้อย่างไร!
เซวียกงกงที่รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน “กระหม่อม...กระหม่อมลืมถาม!”
ความจริงแล้ว เซวียกงกงไม่ที่จะกล้าถาม เขามีสิทธิ์อะไรไปถามฉินอ๋องกันล่ะ แม้ว่าจะถาม ฉินอ๋องก็คงไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา
“เ้ามันไร้ประโยชน์สิ้นดี ยังไม่รีบไปอีก” ไท่เฮาตำหนิ นางกังวลยิ่งกว่าฮ่องเต้เทียนฮุยเสียอีก
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เซวียกงกงกำลังจะออกไป หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีก็เข้ามาพอดี ทั้งสองคนที่ยุ่งตลอดทาง แม้ว่าจะเหนื่อยเล็กน้อย แต่ก็ยังมีพฤติกรรมดังเดิม โดยเฉพาะหลงเฟยเยี่ย ทันทีที่เขาเข้ามา ร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัวในทันที ซึ่งทัดเทียมได้กับฮ่องเต้
ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ร้อนใจ ทว่าก็ไม่ได้ลุกลี้ลุกลน ทันทีที่เห็นหลงเฟยเยี่ยเข้ามา เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยความเป็ห่วงว่า “ฉินอ๋อง การเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นดีใช่หรือไม่?”
“ขอบพระทัยสำหรับความเป็ห่วงของฮ่องเต้ ทุกอย่างเป็ไปได้ด้วยดี” หลงเฟยเยี่ยโค้งคำนับทำความเคารพ หานอวิ๋นซีก็โค้งคำนับอยู่ข้างๆ เขาเช่นกัน
“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ดีแล้ว ทำตัวตามสบายเถิด” ฮ่องเต้เทียนฮุยยิ้ม เขาที่ดูเหมือนไม่กังวล แต่ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างกระวนกระวาย ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีเพื่อรอข่าว
“ถ้าอย่างนั้น ได้นำยาเซิงเสวี่ยตานกลับมาหรือไม่?” ฮ่องเต้เทียนฮุยถามเข้าประเด็น
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนต่างล้วนกังวลขึ้นมา โดยเฉพาะหานฉงอันที่ขมวดคิ้วแน่น ภายในห้อง กู่เป่ยเยวี่ยและหลงเทียนโม่ก็ฟังอย่างเงียบๆ
หลงเฟยเยี่ยยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รีบร้อนไปกับฝูงชนเพราะสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในมือของเขา
หานอวิ๋นซีชำเลืองมองฝูงชน ดีใจอย่างลับๆ ให้พวกเขารอสักหน่อย จะได้คุ้มกับการทำงานหนักของข้าในครั้งนี้
สายตาของนางกวาดมองไปที่หานฉงอัน หัวใจของหานฉงอันก็กระตุกทันที เ้าเด็กน้อยคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
หานอวิ๋นซีเพียงแค่ถ่วงเวลาไม่กี่วินาที แต่คนใจร้อนก็ไม่สามารถรอได้
“ฉินอ๋อง พวกเ้าได้ยาเซิงเสวี่ยตานมาหรือไม่?” ฮองเฮาที่ทนไม่ได้อีกต่อไปเอ่ยปากถาม
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่หานอวิ๋นซี ความหมายของสายตาเช่นนั้นเป็การเตือนนางว่าพอได้แล้ว
เอาล่ะ หานอวิ๋นซียิ้ม และหยิบกล่องผ้าออกจากแขนเสื้อเพื่อเปิดมัน “นี่คือยาเซิงเสวี่ยตาน อยู่ในมือข้าเรียบร้อย!”
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนจับจ้องมา ฮ่องเต้เทียนฮุยไม่กล้าที่จะวางใจ รีบะโว่า “หมอหลวงกู้ หมอหลวงกู้มานี่ซิ”
กู้เป่ยเยวี่ยเดินออกมา และเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“หมอหลวงกู้ นี่คือยาเซิงเสวี่ยตานใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้เทียนฮุยถามอย่างจริงจัง
ทันทีที่ได้กลิ่นเืและมองไปที่สีของมันอีกครั้ง กู้เป่ยเยวี่ยก็มั่นใจและมีความสุขอย่างมาก “ทูลฮ่องเต้ ไท่เฮา ฮองเฮา นี่คือยาเซิงเสวี่ยตานจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ อาการของไท่จื่อต้องหายเป็แน่ ยินดีกับฮ่องเต้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ด้วยการยืนยันของกู้เป่ยเยวี่ย ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ
อย่างไรก็ตาม ยาเซิงเสวี่ยตานอยู่ในมือแล้ว ก็หมายความว่าการรักษาของหานอวิ๋นซีกำลังจะเริ่มขึ้น ความจริงแล้ว ฮ่องเต้เทียนฮุย ไท่เฮา และฮองเฮาไม่เชื่อในการวินิจฉัยของหานอวิ๋นซีโดยสิ้นเชิง แต่เทียบกับการวินิจฉัยของหานฉงอันแล้ว พวกเขาก็เต็มใจที่จะเชื่อในหานอวิ๋นซีมากกว่า
แน่นอนว่านี่ถือเป็โอกาสสุดท้ายที่ฮ่องเต้เทียนฮุยมอบให้ไท่จื่อ
ถ้ารักษาหาย แน่นอนว่าทุกอย่างก็จะดี ถ้ารักษาไม่หาย ฮ่องเต้เทียนฮุยคงต้องยอมแพ้กับไท่จื่อ
ฮองเฮามองเห็นความสัมพันธ์ที่สำคัญนี้อย่างละเอียดที่สุด สำหรับฮ่องเต้เทียนฮุยแล้ว เขามีโอรสมากมาย แต่สำหรับฮองเฮาแล้ว นางมีเพียงไท่จื่อเป็โอรสเพียงคนเดียว
นางไม่สนใจว่าการวินิจฉัยของหานอวิ๋นซีจะถูกหรือผิด และไม่สนใจว่าในท้องไท่จื่อจะเป็มะเร็งหรือมีเด็กอยู่ นาง้าเพียงผลลัพธ์เดียว นั่นคือไท่จื่อหายจากอาการป่วยนี้
“หานอวิ๋นซี ตอนนี้สามารถล้างพิษได้แล้วใช่หรือไม่?” ั์ตาของฮ่องเต้เทียนฮุยแสดงความกังวลใจที่ไม่สามารถปกปิดได้
แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีจะพูดเรียบๆ ว่า “ไม่ได้”
ทำไมล่ะ ยาเซิงเสวี่ยตานก็อยู่ในมือแล้ว ทำไมถึงไม่ได้?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่หลงเฟยเยี่ยก็ขมวดคิ้วพลางมองนาง...