สถานที่จัดการประลองทายาทรุ่นหลังก็คือในตัวเมืองของอำเภอเป่ยโม่
จวนตระกูลหลังหนึ่งของตระกูลหนิว เฉิงจางสามตระกูลก็ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแห่งนี้เช่นกัน
อำเภอเมืองเป็เมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของอำเภอเป่ยโม่ทั้งหมด อยู่ในเขตหมู่บ้านเป่ยโม่ซึ่งตระกูลหนิวเมื่อเทียบกับหมู่บ้านหวงปั้วที่เป็หมู่บ้านขนาดใหญ่แล้วยังใหญ่กว่าอีกเท่าหนึ่งเทียบกับหมู่บ้านขนาดเล็กแล้วใหญ่กว่าถึงสามสี่เท่า
กลางอำเภอเป่ยโม่มีลานกว้างมากกว่าร้อยเมตรแห่งหนึ่งตั้งอยู่กลางลานกว้างสร้างเวทีประลองทรงกลมขนาดใหญ่ไว้หลังหนึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของลานกว้าง เส้นผ่านศูนย์กลางของเวทีประลองยาวถึงร้อยก้าวหรือประมาณห้าสิบเมตร
เวทีประลองบนลานกว้างนี้ก็คือสถานที่จัดงานประลองทายาทรุ่นหลัง
การประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิว เฉิงจางที่ผ่านมาล้วนเปิดเผยต่อสาธารณะ ปีนี้มีตระกูลหวงเพิ่มเข้ามาก็ไม่เว้น
พอดีกับเทศกาลสิ้นปีผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกไปฝึกวิชาก็กลับมาในเมือง ดังนั้นรอบด้านของเวทีประลองวันนี้จึงมีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกัน
ปีก่อนๆ ผู้ฝึกยุทธ์ที่มาชมการประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิวเฉิง จาง จำนวนก็ไม่น้อยอยู่แล้ว ปีนี้มีตระกูลหวงมาเข้าร่วมด้วยอีกตระกูลยิ่งดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์มากกว่าเดิมให้มาชม ผู้ฝึกยุทธ์ในอำเภอข้างเคียงหลายอำเภอในวันเทศกาลสิ้นปีกลับออกจากบ้านมาที่อำเภอเป่ยโม่เพื่อดูการประลองครั้งนี้
ผู้ฝึกยุทธ์ที่มาล้อมชมเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่มีพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ไม่มีที่นั่งชมจึงได้แต่ยืนชม
รอบด้านของเวทีประลองสร้างอัฒจันทร์นั่งชมอยู่ไม่น้อยที่นั่ง้าเป็ที่สำหรับตระกูลหนิว เฉิง จาง หวง ที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้รวมไปถึงตระกูลที่มีอำนาจและชื่อเสียงต่างๆ ในอำเภอเป่ยโม่
ที่นั่งของตระกูลหนิว เฉิง จาง หวงแบ่งไปตามอัฒจันทร์ทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือตามลำดับ
การประลองทายาทรุ่นหลังกำลังจะเริ่มต้นขึ้นตอนนี้เสวียนเทียนนั่งอยู่กับคนตระกูลหวงบนอัฒจันทร์ทิศเหนือของเวทีประลองอัฒจันทร์แห่งนี้เป็ตำแหน่งที่นั่งของตระกูลหวงโดยเฉพาะ
คนตระกูลหวงมาไม่มาก แค่ไม่กี่คนเท่านั้นแต่พลังวัตรกลับไม่ธรรมดา
หวงฉีซานพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสามหวงจงหยวนพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองยังมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งชาวอำเภอเป่ยโม่อีกสามคนที่มีแค้นกับตระกูลหนิวเฉิงจาง แล้วมาเข้ากับตระกูลหวง
รวมกับเสวียนเทียน เป็ทั้งหมดหกคน
คนตระกูลหวงแต่เดิมก็มีไม่มากหมู่บ้านหวงปั้วเป็ฐานกำลังของพวกเขา เพื่อป้องกันคนโจมตี ตอนนี้ย่อมต้องทิ้งคนจำนวนมากไว้เฝ้ารักษา
ส่วนคนเดินทางมาร่วมงานประลองทายาทรุ่นหลังที่อำเภอเป่ยโม่ระหว่างทางอาจถูกลอบโจมตี ความสามารถต่ำเกินไปก็ไม่ได้ดังนั้นหวงิซานกับหวงฉีซานยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามทั้งสองคนจึงแยกกันรับผิดชอบคนละฝั่ง
เสวียนเทียนนั่งอยู่ข้างกายหวงฉีซานหลับตาทำสมาธิ
“เทียนเอ๋อร์ศึกครั้งนี้พวกเราแพ้ไม่ได้ เ้ามั่นใจใช่ไหม?” หวงฉีซานถามขึ้น
“อืม!” เสวียนเทียนพยักหน้ารับ แม้ว่าจะตอบรับเสียงเบาๆแต่สีหน้าเผยความมั่นใจในตัวเอง
หวงฉีซานเห็นเสวียนเทียนไม่ลืมตารู้ว่าเสวียนเทียนรวบรวมสมาธิอยู่ก็ไม่กวนอีก
.....
“ทุกปีการประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิวเฉิง จาง สามตระกูลลงเงินไม่น้อยมาพนันผลการต่อสู้ ปีนี้เพิ่มตระกูลหวงเข้ามาอีกไม่รู้ว่าเดิมพันเป็อะไร?”
“เ้าตกข่าวเกินไปแล้วพนันขันต่อปีนี้ สามตระกูลแพร่ข่าวให้ว่อน ได้ยินว่าเป็หมู่บ้านหนึ่งแห่ง”
“โหตระกูลหวงไม่ได้มีแค่หมู่บ้านหวงปั้วแห่งเดียวหรือ? นั่นเป็ฐานที่มั่นของตระกูลหวงถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าฐานอำนาจถูกทำลายกิจการที่สร้างมาหลายปีทลายในพริบตาหรือ?”
“ความคิดของสามตระกูลใครบ้างไม่รู้? ก็คิดจะล้มตระกูลหวงอยู่แล้ว”
“ครั้งนี้ตระกูลหวงแย่แน่แล้วแต่ละตระกูลส่งลูกหลานออกมาหนึ่งคน ตระกูลหวงต้องสู้กับตระกูลหนิว เฉิง จางสามสนามแต่ละสนามแพ้ไม่ได้ แพ้ครั้งหนึ่งก็เสียหมู่บ้านหวงปั้วแล้ว”
“ความเป็ไปได้ที่ตระกูลหวงจะแพ้มีถึงแปดส่วนแต่ว่า ข้าได้ยินมาว่าลูกหลานชั้นเบิกนภาคนเดียวของตระกูลหวงระหว่างทางกลับบ้านถูกดักโจมตีาเ็สาหัสมาเข้าร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังไม่ได้”
“หา...? แล้วตระกูลหวงส่งลูกหลานคนไหนมา? ตระกูลหนิวเฉิง จาง ล้วนมีลูกหลานที่อยู่ชั้นเบิกนภาลูกหลานตระกูลหวงที่อยู่ชั้นเบิกนภาเข้าร่วมแข่งไม่ได้แบบนั้นตระกูลหวงไม่ใช่ร้อยทั้งร้อยแพ้แน่หรือ?”
“ใช่น่ะสิการประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิว เฉิง จางทุกปีไม่เพียงสามตระกูลเท่านั้นที่เดิมพันกันผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็ผู้ชมอย่างพวกเราก็พนันเหมือนกันปีนี้ถึงจะเพิ่มตระกูลหวงเข้ามา แต่คนที่ลงพนันว่าตระกูลหวงจะชนะไม่มีสักคนส่วนใหญ่ก็รู้ข่าวสารกันดี รู้ว่าครั้งนี้ตระกูลหวงต้องแพ้แน่”
“เฮ้อไม่ง่ายเลยกว่าจะมีตระกูลหวงโผล่มา สู้ทัดทานกับสามตระกูลได้ตระกูลหวงทำการค้ายุติธรรม เป็ดาวนำโชคของผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาอย่างพวกเราถ้าหากตระกูลหวงล้มแล้ว อำเภอเป่ยโม่ทั้งหมดก็ถูกสามตระกูลครองหมดน่ะสิ”
“เฮ้อ...!”
.....
เมื่อรอตระกูลหนิว เฉิง จางหวงทั้งสี่ตระกูลรวมถึงตระกูลดังในอำเภอเป่ยโม่จำนวนหนึ่งมาถึงบนอัฒจันทร์นั่งชมสี่ทิศรอบเวทีประลองแล้วผู้าุโอายุราวห้าสิบปีคนหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวทีประลอง
ผู้าุโอายุห้าสิบปีคนนี้พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองในที่เล็กๆ อย่างอำเภอเป่ยโม่นี้ ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองก็นับว่าเป็คนดังในตำนานแล้วเป็บุคคลที่เป็รองเพียงผู้นำตระกูลหนิว เฉิง จาง ทั้งสามตระกูลเท่านั้น
ผู้าุโอายุราวห้าสิบปีผู้นี้ประสานหมัดหมุนกายหนึ่งรอบทักทายผู้ฝึกยุทธ์รอบทิศ พูดขึ้นว่า “ผู้เฒ่าอู๋เหวินเสียง ขอบคุณทุกท่านที่สนใจการประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลและตระกูลหวงปีนี้มีข้าเป็กรรมการ เป็เกียรติยิ่ง! เป็เกียรติยิ่ง!”
“เป็ผู้นำตระกูลอู๋ผู้โด่งดังแห่งอำเภอเป่ยโม่ที่ผ่านมาตระกูลอู๋เข้ากับตระกูลหนิวไม่รู้ว่าอู๋เหวินเสียงจะลำเอียงเข้าข้างตระกูลหนิว เฉิง จางจงใจเล่นงานตระกูลหวงหรือเปล่า?” ด้านล่างเวทีมีผู้ฝึกยุทธ์วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาเบาๆ
คำวิจารณ์จากด้านล่างเวทีเห็นได้ชัดว่าลอยไปไม่ถึงหูของอู๋เหวินเสียงเขายังคงพูดต่อ “การประลองทายาทรุ่นหลังปีนี้ลูกหลานของแต่ละตระกูลได้แก่ หนิวจื้อเฉียงจากตระกูลหนิวเฉิงจิ้นเฟิงจากตระกูลเฉิง จางเจ๋อเทาจากตระกูลจาง หวงเทียนจากตระกูลหวงการประลองทายาทรุ่นหลังครั้งนี้จะแบ่งออกเป็ทั้งหมดสามรอบเจ็ดคู่ตัวแทนแต่ละคนต้องประลองกับตัวแทนอีกสามตระกูลที่เหลือจนครบชนะหนึ่งครั้งได้หนึ่งคะแนน แพ้หนึ่งครั้งหักหนึ่งคะแนน หากเสมอแต่ละฝ่ายได้ศูนย์คะแนนตระกูลหนิว เฉิง จางเป็ผู้เข้าร่วมประจำของการประลองทายาทรุนหลังตระกูลหวงเข้าร่วมครั้งแรก ดังนั้นให้หวงเทียนตัวแทนตระกูลหวงได้แข่งรอบที่หนึ่งก่อน แข่งทั้งหมดสามคู่ คู่ประลองคือจางเจ๋อเทา เฉิงจิ้นเฟิงหนิวจื้อเฉียงตามลำดับ”
“ให้หวงเทียนของตระกูลหวงแข่งต่อกันสามคู่? นี่จะพุ่งเป้าไปที่ตระกูลหวงเกินไปหรือเปล่า?”
“ลูกหลานชั้นเบิกนภาของตระกูลหวงาเ็ลงแข่งไม่ได้งั้นหวงเทียนคนนี้อย่างมากก็เป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบเท่านั้นสิแต่เดิมก็สู้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาไม่ได้อยู่แล้ว ยังจะให้สู้สามคู่ต่อเนื่องกันนั่นเขาไม่เหนื่อยตายหรือ?”
“ข้าว่าตระกูลหนิว เฉิง จาง้าทำร้ายลูกหลานตระกูลหวงให้ตายในระหว่างการประลองครั้งนี้ในใจมีแผนร้าย เห็นอยู่ชัดๆ”
.....
.....
หลังคำพูดนี้ของอู๋เหวินเสียงประกาศออกมาผู้ชมด้านล่างเวทีประลองก็ฮือฮากันขึ้นมา จำนวนคนที่เข้าร่วมการประลองมีเพียงสี่คนแต่ไม่เลือกใช้วิธีจับสองคู่ประลอง แต่ให้เสวียนเทียนคนเดียวประลองกับจางเจ๋อเทาเฉิงจิ้นเฟิง หนิวจื้อเฉียง ติดต่อกันสามคน ชัดเจนว่า้าบีบตระกูลหวง
ต่อให้ตัวแทนเข้าประลองของตระกูลหวงเป็ลูกหลานชั้นเบิกนภาความสามารถสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งทั่วๆ ไป แต่ต้องวนสู้กับจางเจ๋อเทาเฉิงจิ้นเฟิง หนิวจื้อเกาสามคน ก็แทบจะปิดประตูแพ้แน่นอนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นลูกหลานชั้นเบิกนภาของตระกูลหวงยังาเ็หนักคนที่ลงประลองเป็หวงเทียนลูกหลานชั้นวิถียุทธ์ ถูกจับคู่ประลองเช่นนี้ในสายตาของผู้ชมตระกูลหวงแพ้แน่นอน ไม่มีหวังชนะแม้สักนิด
“จะรังแกกันมากไปแล้ว!” หวงฉีซานได้ยินคำประกาศความโกรธปะทุขึ้นมาทันที “เทียนเอ๋อร์ มันกล้าให้เ้าสู้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาต่อกันสามรอบพวกเขาเอาเปรียบพวกเราตระกูลหวงชัดๆ ถ้าไม่จับคู่ประลองอย่างยุติธรรมการประลองครั้งนี้พวกเราตระกูลหวงไม่ต้องประลองมันแล้ว!”
เห็นหวงฉีซานโกรธจนแทบคลั่งเสวียนเทียนก็ลืมตาขึ้น บอกว่า “ท่านลุงรองไม่ต้องโกรธไป ลูกหลานชั้นเบิกนภาของพวกเขาสามตระกูลในสายตาหลานก็เป็เหมือนหมูหมากาไก่ ประลองติดต่อกันสามคนก็ดีหลานเอาชนะพวกเขาสามคนรวดเดียว ก็เท่ากับชนะขาด ได้อันดับหนึ่งการประลองข้างหลังก็ไม่จำเป็ต้องแข่งแล้ว”
ถ้าเสวียนเทียนชนะรวดสามคู่ก็จะได้คะแนนสามแต้มส่วนจางเจ๋อเทา เฉิงจิ้นเฟิง หนิวจื้อเกาแต่ละคนแพ้หนึ่งครั้งก็จะถูกลบหนึ่งคะแนนหลังจากนั้นทั้งสามคนก็แข่งกันเอง ไม่ว่าคนไหนจะชนะต่อเนื่องกันสองครั้งก็จะมีคะแนนเพียงแต้มเดียวดังนั้นขอเพียงชนะต่อเนื่องสามครั้ง สามคนข้างหลังก็ไม่ต้องแข่งต่อแล้วที่หนึ่งตัดสินได้เรียบร้อยแล้ว
ระหว่างทางที่กลับมาบ้านเสวียนเทียนสู้รบกับกองโจรบนหลังม้าของพรรคฝูเวยตอนนั้นความสามารถของเสวียนเทียนก็เท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแล้วตอนนี้สิบกว่าวันผ่านไป เสวียนเทียนกินสมุนไพรทิพย์ ‘หลินจือหยก’ เข้าไปทั้งยังฝึกฝนเคล็ดวิชาชั้นนิล ‘เคล็ดหลอมปราณ’ และฝึกวิชาตัวเบาชั้นนิล ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ อีกด้วย
เหลืออีกเพียงครึ่งก้าว เสวียนเทียนก็จะก้าวขึ้นชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบความสามารถมากกว่าเดิมหลายเท่า ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองก็ยากจะทำอะไรเขาได้ในสายตาของเสวียนเทียน ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเป็ได้เพียงหมูหมากาไก่เท่านั้นจริงๆ
คำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ชมอู๋เหวินเสียงทำเป็หูทวนลม ยังประกาศเสียงดังต่อไป “ผู้เฒ่าไม่ขอพูดมากการประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิว เฉิง จาง หวงสี่ตระกูล เริ่มขึ้น ณ บัดนี้การประลองคู่ที่หนึ่ง หวงเทียนแห่งตระกูลหวง กับจางเจ๋อเทาแห่งตระกูลจาง”
สิ้นเสียงของอู่เหวินเสียงจากอัฒจันทร์ของตระกูลจางด้านตะวันตกของเวทีประลองเงาร่างของคนคนหนึ่งก็ะโออกมาอย่างว่องไวสองมือกางออกราวกับเหยี่ยวหนุ่มสยายปีก ร่อนลงบนเวทีประลองอย่างช้าๆ
คนผู้นี้อายุยังน้อยบนหลังสะพายกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง สวมชุดสีเขียวเขาก็คือจางเจ๋อเทาผู้มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาของตระกูลจาง อายุสิบเจ็ดปีก้าวสู้ชั้นเบิกนภาได้ครึ่งปีแล้ว
ตอนที่จางเจ๋อเทาร่อนลงบนเวทีนั้นเองเสวียนเทียนก็ะโออกมาจากอัฒจันทร์ ความเร็วราวกับเสือชีตาห์โจนทะยานร่อนลงพื้นราวกับพยัคฆ์ย่องัย่างกราย เห็นเพียงเงาเลือนรางแล่นผ่านไปเสวียนเทียนก็ยืนอยู่บนเวทีประลองแล้ว
สายตาของอู๋เหวินเสียงกวาดมองเสวียนเทียนทีหนึ่งก็หัวเราะอย่างมีเลศนัยขึ้นมา กล่าวว่า “ระหว่างการประลอง ห้ามทำร้ายกันถึงชีวิต แต่มีดดาบไร้ตาหมัดเท้าไร้ใจ ยากป้องกันอุบัติเหตุได้ ถ้าอยากปกป้องชีวิตของตัวเองล้วนพึ่งตัวเองระหว่างการประลอง ถ้าเกิดกลัวก็รีบยอมแพ้เสียเอาล่ะ...การประลองคู่ที่หนึ่งเริ่มได้”
เมื่อพูดจบ เงาร่างของอู๋เหวินเสียงก็วูบหายไปถอยไปอยู่ด้านข้างของเวทีประลอง
ชิ้ง!
กระบี่ยาวบนหลังของจางเจ๋อเทา ชักออกมากระบี่เล่มนี้รัศมีสีเขียวเรืองเป็พักๆ เป็กระบี่มีชื่อเล่มหนึ่ง
แสงกระบี่สว่างวาบจางเจ๋อเทายกกระบี่ชี้มาทางเสวียนเทียน ประกาศเสียงดังว่า “หวงเทียน ที่สำนักกระบี่์เ้ารังแกจางหลง จางหู่ ลูกพี่ลูกน้องของข้า ชั่วร้ายขวัญกล้าเทียมฟ้าวันนี้ข้าจะแก้แค้นให้พวกเขา เ้าเตะพวกเขาหนึ่งเท้า ข้าจะคืนเ้าสิบเท้าเ้าแทงพวกเขาหนึ่งกระบี่ข้าจะคืนเ้าสิบกระบี่ ถ้าเ้ากลัว ตอนนี้จงคุกเข่าโขกหัวขอขมาต่อหน้าข้าสิบครั้ง ยอมแพ้ยอมรับผิด ข้าอาจจะเมตตาเ้าสักครั้ง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้