นกนางแอ่นเป็สัตว์ที่สามารถบินได้ แม้มันจะเลือกสร้างรังในถ้ำ มันก็ต้องเลือกสร้างรังบนจุดที่สูงที่สุดของถ้ำ หนิงมู่ฉือเดินถือคบเพลิงเข้าไปใกล้เพื่ออยากจะไปดูตรงส่วนที่สูงที่สุดของถ้ำ ซึ่งนางก็พบว่าบนนั้นมีรังนกอยู่มากมาย
ยังไม่เคยมีผู้ใดค้นพบที่นี่ ภายในถ้ำแห่งนี้จึงมีรังนกจำนวนมาก เหล่านกนางแอ่นจะสร้างรังใหม่ทุกปี ทำให้มีทั้งของใหม่และของเก่าวางซ้อนทับเต็มไปหมด หากจะหยิบลงมาน่าจะต้องใช้แรงพอสมควร
ตรงส่วนที่สูงที่สุดภายในถ้ำไม่ได้มีรังนกมากมายอย่างที่นางคิดเอาไว้ หากแต่นางเห็นหางสีขาวมากมายซ่อนตัวอยู่ เมื่อพวกมันรับรู้ได้ถึงแสงสว่างจากคบเพลิง บรรดานกนางแอ่นทั้งหลายต่างพากันหลบซ่อนตัวอยู่ภายใน
นางเป็คนใจอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร นางจึงไม่อยากรบกวนพวกมันนานเกินไป ด้วยรู้ดีว่าเพียงเท่านี้พวกมันก็ใมากพอแล้ว นางจึงเร่งลงมือ
นางเห็นรังนกสองรังที่ดูเข้าตา เหมือนจะเป็รังนกที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ หากแต่มันอยู่ไกลจากตัวนาง นางจึงหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมาแล้วยื่นทแยงไปทางนั้นเพื่อจะนำรังนกสองรังนั้นลงมา
นางก้าวขาออกไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อจะขยับเข้าไปใกล้รังนกสองรังนั้นให้มากขึ้น ทว่าทันใดนั้นเองจ้าวซีเหอก็ยื่นมือมาจับแขนนางเอาไว้
“ระวัง! เ้าไม่มองเท้าเลย มัวแต่มองข้างบน!” จ้าวซีเหอจับแขนหนิงมู่ฉือเอาไว้แน่น ที่แท้ตรงที่นางจะก้าวไปเมื่อสักครู่มีหลุมอยู่ เนื่องจากแสงไฟจากคบเพลิงส่องไปไม่ถึง นางจึงไม่เห็นว่ามีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น หากเมื่อสักครู่ทุกคนมัวแต่มอง้า ต้องตกลงไปเป็แน่
นางรู้สึกใอย่างยิ่ง เคราะห์ดีที่ชายหนุ่มคว้ามือนางเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นนางต้องตกลงไปอย่างแน่นอน
ความที่รังนกที่นาง้าอยู่ไกลเกินไป นางจึงเอื้อมไม่ถึง หลังจากลองอยู่หลายครั้งก็เก็บได้แต่รังนกที่สภาพค่อนข้างเก่า จ้าวซีเหอที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่มองพร้อมกับพูดคำใดไม่ออก คิดในใจว่าเหตุใดสตรีที่เขาชอบถึงได้โง่เช่นนี้นะ
“ส่งไม้มาให้ข้า เดี๋ยวข้าเก็บเอง เห็นท่าทางตอนเก็บของเ้าแล้ว เ้านี่โง่จริง!” แม้ปากจะพูดเช่นนั้น ทว่าจ้าวซีเหอก็ยื่นมือไปแย่งแท่งไม้ไผ่มาจากมือหญิงสาวมา
หนิงมู่ฉือไม่ขัดขืน ก็ใครใช้ให้นางเอื้อมมือไปหลายทีแล้วก็ยังเก็บไม่ได้เล่า
“รังที่อยู่ตรงนั้นสองรัง อย่าเก็บผิดเชียว” นางชี้ไปที่รังนกสองรังที่นางอยากได้ให้ชายหนุ่มดู จ้าวซีเหอลองยืนแท่งไม้ไผ่ออกไป เนื่องจากยังใช้ไม่ค่อยเป็ ครั้งแรกจึงเป็ไปตามคาด ยังเก็บไม่ได้
“แล้วก็หาว่าข้าโง่ ท่านก็เก็บไม่ได้เช่นกัน” ทั้งสองคนมีนิสัยเหมือนกัน นั่นคือไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะเป็ด้านวาจาก็ตาม
จ้าวซีเหอไม่ตอบโต้ ลองครั้งที่สองอย่างเงียบๆ ซึ่งครั้งนี้ก็สำเร็จ หนิงมู่ฉือเห็นชายหนุ่มเก็บรังนกที่นาง้าได้สำเร็จก็อดนับถือในความสามารถของชายหนุ่มไม่ได้
“เฮอะ! ทีนี้รับรู้ถึงความเก่งกาจของข้าหรือยังเล่า!” จ้าวซีเหอดึงแท่งไม้ไผ่กลับ นางยื่นคบเพลิงให้ชายหนุ่มถือแทนก่อนจะยื่นมือไปเอารังนกทั้งสองรังมา
“ว้าว! ก่อนหน้านี้มันอยู่ไกลมาก ข้าจึงมองเห็นไม่ชัด ที่แท้คือรังนกสีแดงหรอกหรือเนี่ย ท่านรู้หรือไม่ รังนกสีแดงดูดซึมกลิ่นอายของูเาเอาไว้ นับได้ว่าเป็ของบำรุงร่างกายชั้นยอด!”
นางรู้สึกดีใจเป็อย่างมาก การมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว นับว่าคุ้มจริงๆ
นางเก็บรังนกเอาไว้ในห่อผ้า ขณะที่ทั้งสองคนหมุนกายกำลังจะเดินออกจากถ้ำ หูพลันได้ยินเสียงปีกของตัวอะไรสักอย่างกำลังบินตรงมาทางนี้ ฟังจากเสียงแล้วน่าจะมากันหลายตัวเลยทีเดียว นางใจนเหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง แขนขาไร้เรี่ยวแรง
ทั้งสองลอบกลืนน้ำลายก่อนจะหันมามองหน้ากัน ภายในถ้ำมืดสนิท ทันใดนั้นเองดวงตาหลายคู่ก็ค่อยๆ ปรากฏภายในความมืด บรรยากาศภายในถ้ำเปลี่ยนเป็น่ากลัวและอันตราย
“ก้มลง!” สิ้นเสียง จ้าวซีเหอใช้มือกดศีรษะหนิงมู่ฉือให้ก้มลง ทั้งสองรีบปีนลงไปยังพื้นดินด้านล่าง ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ซึ่งมีสีดำสนิทบินลอยผ่านศีรษะทั้งสองคนไป หนิงมู่ฉือหลับตาปี๋ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
ผ่านไปสักพักเมื่อเสียงหายไปหมดแล้ว จ้าวซีเหอถึงค่อยยืดตัวขึ้น ทำให้เขามองบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งบินผ่านไปได้อย่างชัดเจน
“ลุกขึ้นได้แล้ว ไม่เป็อะไรแล้ว ก็แค่ฝูงค้างคาว เวลานี้เป็เวลานอนของพวกมัน พวกเราเสียงดัง คงไปปลุกพวกมันเข้า”
เหตุการณ์น่าใเมื่อสักครู่ทำให้ทั้งสองคนเหงื่อแตกพลั่ก คบเพลิงที่ถืออยู่ในมือดับไปแล้ว ภายในถ้ำตอนนี้จึงมืดสนิท ได้ยินเสียงนกนางแอ่นร้องเป็บางครั้งบางคราเท่านั้น
“ฉือเอ๋อร์! ลุกขึ้นมาได้แล้ว!” จ้าวซีเหอเอ่ยเรียก ทว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาแต่อย่างใด
“ฉือเอ๋อร์?” เขาลองเรียกหญิงสาวอีกครั้ง แต่เป็เพราะรอบด้านมีแต่ความมืด ทำให้เขามองไม่เห็นใบหน้าที่หวาดกลัวของนาง
หนิงมู่ฉือกลัวความมืด ความมืดทำให้นางนึกถึงตอนที่พระสนมซูเฟยจับนางไปขังในห้องมืด ก่อนจะปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะนุ่มลื่นให้มาเลื่อยอยู่บนตัวนาง มือของนางในตอนนี้ราวกับััไปโดนตัวมันอีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น
จ้าวซีเหอได้ยินเสียงหอบหายใจแรงของนางในความมืด เขานึกว่าหญิงสาวกลัวฝูงค้างคาวเมื่อสักครู่จึงยื่นมือออกไปเพื่อช่วยพยุงตัวนางขึ้นมา
เมื่อมือของััโดนตัวหนิงมู่ฉือ หญิงสาวใจนเคลื่อนกายไปข้างหลัง ความหวาดกลัวทำให้นางลืมไปเสียสิ้นว่าด้านหลังมีหลุมขนาดใหญ่อยู่
“กรี๊ด!” หญิงสาวยังไม่ทันหายจากอาการผวาก็ต้องตกมาอยู่ในอันตราย
จ้าวซีเหอมองไม่เห็น อาศัยฟังจากน้ำเสียงยื่นมือออกไป ซึ่งก็คว้าแขนหญิงสาวเอาไว้ได้
แรงฉุดทำให้เขาโน้มตัวไปข้างหน้า โชคดีที่เขาตั้งตัวได้ไวจึงกระชากตัวขึ้นมาทัน
“ฉือเอ๋อร์!” หนิงมู่ฉือเกือบจะตกลงไปในหลุม โชคดีที่จ้าวซีเหอจับแขนเอาไว้ได้ก่อน มิเช่นนั้นหญิงสาวต้องตกลงไปตายเป็แน่
หนิงมู่ฉือที่กำลังเดินอยู่บนเส้นแห่งความเป็ความตาย ด้วยความใกลัว หญิงสาวเอาแต่ดิ้นไม่หยุด ทำให้จ้าวซีเหอที่พยายามจะยกตัวหญิงสาวขึ้นมาต้องออกแรงมากกว่าเดิม
“ฉือเอ๋อร์! อย่าขยับ! มิเช่นนั้นพวกเราต้องตกลงไปทั้งคู่แน่ ข้าจะดึงเ้าขึ้นมา เชื่อข้า!”
ครั้นได้ยินเสียงบอก หนิงมู่ฉือไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องตกอยู่ในอันตรายด้วย นางจึงหยุดนิ่งแต่โดยดี
จ้าวซีเหอออกแรงทั้งหมดที่มีดึงหญิงสาวขึ้นมา จนในที่สุดก็สามารถดึงขึ้นมาได้
ขณะที่จ้าวซีเหอกำลังจะยื่นมือไปจับตัวหญิงสาว หนิงมู่ฉือกลับส่งเสียงร้องอย่างหวาดผวาออกมา “อย่าเข้ามา! อย่ามาจับตัวข้า! ไม่! ไม่…” ตัวของหญิงสาวสั่นเทาแลดูน่าสงสาร หากเขาสามารถมองเห็นได้ จะต้องรู้สึกปวดใจมากเป็แน่
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นเครือ เขารู้ดีว่านางกำลังใกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เขาไม่สนใจที่นางพูด ย่อตัวลงแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “ไม่เป็ไรแล้ว มีข้าอยู่ เ้าไม่เป็อะไรแล้ว!”
ราวกับปลอบเด็กน้อยคนหนึ่งก็ไม่ปาน เขาเอ่ยอย่างแ่เบา แม้แต่เ้าตัวก็คงจะคาดไม่ถึงว่าตนจะมีด้านที่อ่อนโยนเช่นนี้ด้วย
“มืด…มืดมาก…ข้า…ข้ากลัวความมืด” หนิงมู่ฉือซุกอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซีเหอ เมื่อได้ยินเสียงของเขา นางก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด
ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง จ้าวซีเหอคิด ตอนที่นางกำลังจะตกลงไปในหลุมยังไม่ดูหวาดกลัวเท่าตอนนี้เลย นางหวาดกลัวความมืดถึงเพียงนี้เชียวหรือ น่าจะเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้ผ่านมาของนาง คิดถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกสงสารนางยิ่งนัก ทว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนางได้เลย แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อนางคือสตรีของเขา เขาก็จะปกป้องนางให้ดีที่สุด!