โหยวเสี่ยวโม่ถูกจ้องจนรู้สึกแปลกแยก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม “มี มีเื่อะไรหรือเปล่า”
ทุกคนได้สติกลับมาแต่ยังคงขมวดคิ้ว ยกเว้นศิษย์พี่อู่
ใบหน้าที่ไม่แสดงท่าทีอะไรของศิษย์พี่อู่นั้นยิ้มแฝงนัยยะ มองเขาพร้อมพยักหน้า “ไม่มีอะไร เ้าทำได้ไม่เลว แยกพลังปราณครั้งแรกก็ทำได้สำเร็จ เทียบได้กับศิษย์พี่ใหญ่ตอนนั้นเลย”
คำพูดนี่เป็การชื่นชมจากใจ
ศิษย์ที่เหลืออีกสี่คนถึงกับตะลึง
ศิษย์พี่อู่ถึงขั้นเปรียบเขากับศิษย์พี่ใหญ่ แสดงว่าการควบคุมพลังปราณของเขานั้นไม่ใช่แค่เยี่ยมธรรมดาแล้ว
และเมื่อนึกย้อนถึงตัวที่เองที่ล้มเหลวอยู่สองสามครั้ง อีกสามคนก็หน้าเสีย
คุณสมบัติของพวกเขาใกล้เคียงโหยวเสี่ยวโม่ มีแค่คนเดียวที่มีปราณสีเหลือง คุณสมบัติด้อยสุด ที่เหลืออีกสามคนเป็ปราณสีเขียว ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกศิษย์น้องเล็กสุดกดลงไป อีกทั้งพวกเขาเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเสียด้วย ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์
กลับกัน โหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้คิดอะไรเลย เมื่อถูกศิษย์พี่อู่ชม เขาเองก็ยิ้มแก้เขิน
เขาก็ไม่ได้อยากเป็จุดสนใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาสามารถควบคุมพลังปราณได้ั้แ่ครั้งแรก ถ้ารู้อย่างนี้ เขาจะแกล้งทำเป็ล้มเหลวสักสองสามครั้งก็ดี
ที่จริง เขาก็พอรู้ว่าศิษย์พี่ทั้งสี่คนไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไร เพียงแต่ไม่อยากมีปัญหา จึงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้มาตลอด ตอนนี้แย่งเอาหน้าพวกเขา ดูท่าว่าจะถูกขึ้นบัญชีดำแล้ว
ศิษย์พี่อู่ก็ไม่ได้ให้เขาฝึกฝนอย่างอื่นเพิ่มเติมถึงแม้จะควบคุมพลังปราณได้สำเร็จ พอชมเชยเสร็จก็ให้ทุกคนฝึกฝนต่อ
ตัวโหยวเสี่ยวโม่ไม่อยากโดดเด่นจนเกินไป จึงฝึกฝนการแยกส่วนพลังปราณต่อ ทว่า ให้ฝึกท่าเดิมซ้ำๆ มันก็น่าเบื่ออยู่หรอก จึงมีความคิดผุดมา
ไม่รู้ว่าจะแยกพลังปราณให้เป็สี่ส่วนได้หรือเปล่านะ
คิดถึงนี่ โหยวเสี่ยวโม่แอบเหลืองมองกลุ่มศิษย์พี่กำลังจดจ่อกับการฝึก ศิษย์พี่อู่ก็ไม่ได้มองมาทางเขา แต่ระวังไว้หน่อยดีกว่า เขาไม่กล้าทำต่อหน้าทุกคน แต่ถ้าในเตาหลอมน่าจะได้นะ
เมื่อสังเกตอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าไม่มีใครมองจึงลงมือ
เขาแยกพลังปราณเป็สามส่วนส่งเข้าไปยังรูเตาหลอม เมื่อถึงด้านล่างสุด เขาก็แอบแยกพลังปราณสามส่วนนั้นออกมาอีกสามส่วน หลังจากนั้นก็เคลื่อนไหวตามใจชอบ ทะลุรูนั้นทีรูนี้ที รวมถึงผูกเงื่อนก็ด้วย
เพื่อที่จะท้าทายขั้นสูงสุด โหยวเสี่ยวโม่ตัดสินใจผูกเป็รูปโบ
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ศิษย์พี่ทั้งสี่ก็ฝึกสำเร็จเสียที
โหยวเสี่ยวโม่มองเห็นทุกคนเหนื่อยจนเหงื่อท่วมหัว สติสัมปชัญญะไม่ครบ ใช้แรงมากเกินไป สารรูปปวกเปียก
ศิษย์พี่อู่ไม่ได้บังคับพวกเขาฝึกต่อจึงให้นั่งพักหายใจ
โหยวเสี่ยวโม่เหลียวกลับมา ก้มลงดูเงื่อนโบในเตาหลอมที่ตัวเองทำไว้ และยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ตั้งใจจะโดดเด่น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์พี่ทั้งสี่ถึงกับเหนื่อยปางตายกับอีแค่การแยกส่วนพลังปราณ เขากลับยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยู่เลย
เพื่อที่จะไม่ให้แปลกแยกไปกว่านี้ โหยวเสี่ยวโม่ดึงพลังปราณกลับมา แล้วนั่งลงบนพื้นพร้อมพวกเขา
ไม่คิดว่า ศิษย์พี่เฉินที่นั่งข้างกันถึงกับส่งเสียง ‘ฮึ’
โหยวเสี่ยวโม่เงยหน้ามองอย่างแปลกใจ กลับเห็นประกายขุ่นเคืองในดวงตาศิษย์พี่เฉิน ถึงแม้จะไม่ชัดมาก แต่ก็ยากที่จะทำเป็ไม่เห็น นี่มันเื่อะไรอีกเนี่ย
เขาไม่รู้หรอก ถึงแม้ไม่อยากเด่น แค่ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับมานั่งพักหายใจเหมือนคนอื่นๆ ประหนึ่งว่ากำลังหัวเราะเยาะพวกเขานั่นเอง ศิษย์พี่ทั้งสี่จะไม่เคืองได้อย่างไร
โหยวเสี่ยวโม่ร้องไห้ในใจ นี่เราไปทำอะไรให้อีกละเนี่ย
ในตอนนี้เอง ศิษย์พี่อู่ที่ออกไปข้างนอกก็กลับมา เดินตรงมาหาเขา ทว่าในมือมีของเพิ่มมาด้วย
“พวกนี้คือหญ้าเซียนขั้นหนึ่ง ขั้นต่อไปพวกเ้าจะได้ฝึกการหลอมยาแล้ว”
เขาพูดพร้อมกับวางหญ้าเซียนไว้บนโต๊ะด้านข้าง หญ้าเซียนทั้งหมดนี่มีหกชนิด ทุกชนิดมีอยู่อย่างละยี่สิบต้น นอกจากเขาแล้ว คนที่เหลือแบ่งได้แค่สามชนิด
ไม่ต้องคิดก็รู้ได้เลยว่า ศิษย์พี่ทั้งสี่นั้นคิดบัญชีกับเขาเพิ่มแน่นอน
โหยวเสี่ยวโม่หันหัวหนีน้ำตาไหลพราก ศิษย์พี่อู่ นี่ท่านจะยกกำลังความเกลียดชังให้ข้างั้นหรือ