“สถาบันิญญาอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยได้ยินคำของเสิ่นเสวียนก็รู้สึกสงสัย นางไม่ค่อยรู้เื่ราวภายนอกเท่าไรนัก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสถาบันิญญาอะไรนั่นเลย
ก่อนหน้านี้สถาบันิญญาไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเสิ่นเสวียนมาก่อน ทว่าตอนที่เขาสังหารพี่ใหญ่จากเผ่าอนธการตายไป เขาเก็บเศษเสี้ยวิญญาที่ขาดหายไปบางส่วนเอาไว้
ข้อมูลของสถาบันิญญาคือสิ่งที่เจอมาจากเศษเสี้ยวิญญาเ่าั้
สถาบันิญญาค่อนข้างลึกลับ ตั้งอยู่บนเกาะิญญาแห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของทวีป ที่เรียกว่าสถาบันิญญาเพราะรอบๆ เกาะิญญามีไอิญญาค่อนข้างหนาแน่น ศิษย์ที่ฝึกฝนอยู่ในนั้นจะใช้ไอิญญาเป็หลัก จึงได้ชื่อว่าสถาบันิญญา
“หากเป็ไปได้จริงๆ เสี่ยวเม่ยยอมไป”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยครุ่นคิดก่อนจะกล่าว เสิ่นเสวียนไม่มีทางกล่าวถึงสถาบันิญญากับนางโดยไร้เหตุผล ในเมื่อกล่าวขึ้นมาแล้วแสดงว่าเขาต้องอยากให้นางไป
“ดี วันนี้เสี่ยวเม่ยไปเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เตรียมตัวออกเดินทาง พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางกัน”
“อื้ม”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น เป็ครั้งแรกที่ได้ออกไปท่องโลกไกลๆ กับท่านพี่ ทำให้นางอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกภายนอกเป็อย่างมาก
ก่อนหน้านี้นางเดินไม่ได้ ร่างกายอ่อนแอ กระทั่งหมดความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตไปแล้ว นางอยากไปหาเสิ่นเสวียนแต่แค่ประตูใหญ่ยังเข้าไปไม่ได้เลย ทว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนกลับนำพาความหวังมาให้นางมากมาย
เสิ่นเสี่ยวเม่ยะโโลดเต้นกลับไปยังเรือนของตนเองและเริ่มเก็บของ เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ได้เห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยดีใจมากขนาดนี้ ทำให้เสิ่นเสวียนมีความสุขมาก
ในโลกใหม่นี้มีญาติเพียงหนึ่งหรือสองคนก็เพียงพอแล้ว
“ท่านผู้นำ ท่านคิดดีแล้วหรือ”
ขณะนั้น เสิ่นล่างเดินเข้ามาสอบถามเสิ่นเสวียนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“คิดดีแล้ว”
เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนก่อนจะพยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถาบันิญญามาบ้าง รู้เพียงที่นั่นเต็มไปด้วยความลึกลับ แต่จริงๆ แล้วภายในนั้นเป็อย่างไรไม่มีใครรู้
“ผู้เฒ่าล่าง หลังจากที่ข้าไปแล้ว ตระกูลเสิ่นต้องฝากให้ท่านดูแลต่อไป”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นล่างอีกครั้ง เสิ่นล่างไม่ใช่ผู้อ่อนแอ โดยเฉพาะหลังจากผ่านศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ทำให้เสิ่นล่างได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง ก้าวหน้าไปในขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดอีกก้าวหนึ่ง จนเกือบถึงขั้นกึ่งก้าวราชันแล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เื่ยากที่จะเลื่อนขึ้นเป็ขั้นราชัน
“ท่านผู้นำโปรดวางใจ ออกไปหาประสบการณ์ยังโลกภายนอกอย่างสบายใจ ข้าจะดูแลตระกูลเสิ่นเอง” เสิ่นล่างกล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยความมั่นใจ
ครั้งนี้เป็เพราะมีอำนาจภายนอกเข้าร่วมด้วยจึงทำให้ตระกูลเสิ่นตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งการเรียนรู้ในระดับพลังยุทธ์อย่างเขา หากทะลวงเลื่อนไปถึงขั้นราชันได้จริงๆ ต่อให้มีคนอย่างเหลยต้งเข้ามาหาเื่ เขาก็สามารถจัดการได้
ขั้นราชันและขั้นบรรพบุรุษ อย่าได้เห็นว่าต่างกันเพียงขั้นเดียว ในความเป็จริงมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
“ข้าไว้วางใจในพลังของผู้เฒ่าเสิ่นล่างเป็อย่างมาก”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าพลางกล่าว”
“ใช่แล้วท่านผู้นำ ข้าขอเสียมารยาทถามสักหน่อย พลังยุทธ์ของท่านในตอนนี้อยู่ในขั้นไหนแล้ว”
เสิ่นล่างครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวถามเสิ่นเสวียนอย่างอดสงสัยไม่ได้
“อืม... น่าจะขั้นบรรพบุรุษระดับกลางนะ!”
เสิ่นเสวียนครุ่นคิดพลางกล่าวเสียงเรียบ ทว่าหากคิดคำนวณถึงเื่พลังจริงๆ ขั้นแก่นทองคำระดับกลางเหนือกว่าขั้นบรรพบุรุษระดับกลางอยู่ ที่เห็นได้ชัดคือไอพลังหลิงชี่ของผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งกว่าไอพลังต่อสู้ของที่นี่มาก
“ขั้นบรรพบุรุษระดับกลาง!”
เสิ่นล่างพยายามกดความตื่นใของตนเองเอาไว้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินจริงๆ ยังรู้สึกใมากอยู่ดี
เื่ราวมากมายเกิดขึ้นใน่เวลาสั้นๆ แค่นี้ เสิ่นเสวียนเติบใหญ่ขึ้นจนทำให้เขาต้องเงยหน้ามองแล้ว แม้พลังยุทธ์จะยังไม่เท่ากับเขา แต่ก็เข้าใจในการต่อสู้เพื่อความเป็ความตายอย่างแท้จริง และเสิ่นเสวียนสามารถสังหารเขาได้
“มีบางอย่างที่ไม่รู้จะบอกเ้าดีไหม”
เสิ่นล่างกล่าวออกมาแล้วหยุดลงเพียงเท่านี้
“ผู้เฒ่าล่างว่ามาได้เลย”
“ท่านผู้นำมีพร์โดดเด่น ข้าไม่กังวลเื่การฝึกตน แต่หากออกไปภายนอกต้องพยายามไม่โดดเด่นมากนัก คนจากสำนักยิ่งใหญ่เ่าั้ที่พวกเราเจอครั้งก่อน แต่ละคนมีอำนาจเื้ัสูงเสียดฟ้า หาใช่สิ่งที่พวกเราเทียบได้”
เสิ่นล่างครุ่นคิด รู้สึกว่าอย่างไรก็ต้องกล่าวเตือนออกไปเช่นนี้
“ขอบคุณผู้เฒ่าล่างที่ย้ำเตือน ข้าจะจดจำไว้”
เสิ่นเสวียนโค้งกายคารวะเสิ่นล่างเพราะเสิ่นล่างมาเตือนเขาด้วยความหวังดี ในตระกูลเสิ่นคนที่เขาเป็ห่วงที่สุดคือเสิ่นเสี่ยวเม่ย ส่วนคนที่เคารพที่สุดคือเสิ่นล่าง ตอนที่ตนเองยังอ่อนแอมาก เสิ่นล่างช่วยเหลือเขาตั้งมากมาย หากไม่ใช่เพราะเสิ่นล่าง เขาจะรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้หรือเปล่ายังมิอาจรู้ได้
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าต้องขอตัวก่อน”
“ผู้เฒ่าล่างช้าก่อน นี่คือยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรา กินเข้าไปขณะที่ท่านจะทะลวงเลื่อนไปถึงขั้นราชัน จะช่วยให้ท่านทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน แต่จำไว้ว่าต้องใช้ใน่เวลาสำคัญเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกลับกัน”
เสิ่นเสวียนส่งยาน้ำสกัดจากหลินจือโมราให้เสิ่นล่างหนึ่งขวด
“ท่านผู้นำ มูลค่าของมันสูงเกินไป การฝึกตนของเ้าสำคัญกว่าข้า”
เมื่อเห็นยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรา เสิ่นล่างยกมือปฏิเสธทันที ได้เห็นของล้ำค่าเช่นนี้แล้วยังสามารถปฏิเสธได้อีก เพียงพอที่จะทำให้เห็นถึงนิสัยของเสิ่นล่างแล้ว และเพราะเขารู้อย่างหนึ่งคือ ยาน้ำสกัดเหล่านี้อยู่ในมือของเสิ่นเสวียนจะเกิดผลดียิ่งกว่า
“ข้าเก็บไว้เยอะแล้ว ผู้เฒ่าล่างไม่ต้องเกรงใจหรอก พลังของท่านเพิ่มขึ้นจะช่วยเหลือตระกูลเสิ่นได้ดียิ่งกว่าเดิม ใช่แล้ว ขวดสีดำใบนี้หากใช้เสร็จแล้วให้เก็บดีๆ อย่าเปิดเผยออกไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจนำภัยมาถึงตนได้”
เสิ่นเสวียนกำชับอย่างชัดเจน สิ่งที่เขากล่าวไม่เกินไปเลย
มูลค่าของขวดสีดำใบนี้เพียงพอที่จะได้ชื่อว่าเป็ของล้ำค่าขั้นปฐีระดับสูงสุดในทวีปหลิงโซ่ว เป็รองเพียงขั้น์เท่านั้น
สิ่งของในโลกแห่งการฝึกตนนี้แบ่งระดับขั้นออกเป็ ขั้น์ ขั้นปฐี ขั้นลึกลับ และขั้นอเวจี แม้แต่ของล้ำค่าขั้นลึกลับยังมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นในเมืองอวี่ฮว่า ไม่ต้องกล่าวถึงขั้นปฐีและขั้น์เลย หม่าเมี่ยนที่เป็เซียนิญญาในยมโลกพกติดตัวเอาไว้จะเป็สิ่งของไม่ดีได้อย่างไร
“ได้”
เสิ่นล่างไม่ได้ผลักไสอีก เขารับขวดมาเก็บไว้ทันที และยังครุ่นคิดถึงที่มาของขวดสีดำนั้นไปด้วย แม้แต่เสิ่นเสวียนยังกล่าวเช่นนี้แสดงว่าขวดสีดำใบนี้ต้องไม่ธรรมดา ขณะที่รับขวดสีดำมา เขามิอาจตรวจสอบได้เลยว่ามันทำมาจากอะไร ยิ่งทำให้เขาระมัดระวังยิ่งขึ้น ใช้เสร็จแล้วต้องเก็บให้ดีๆ
หลังจากเสิ่นล่างออกไปแล้ว เสิ่นเสวียนเดินเข้าไปในลานตระกูลเสิ่นเพียงลำพัง คนในตระกูลแต่ละคนไม่ว่าชายหรือหญิง เด็กหรือแก่ เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนต่างโค้งกายคารวะอย่างนอบน้อม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้เสิ่นเสวียนกลายเป็เทพผู้พิทักษ์สำหรับคนเหล่านี้ไปแล้ว
ทว่าเสิ่นเสวียนไม่ได้เย่อหยิ่ง เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็การตอบรับให้กับคนเหล่านี้
เขาเดินไปถึงหอคอยที่สูงที่สุดในตระกูลเสิ่น
หากนั่งอยู่บนหอคอยนี้จะมองเห็นเมืองอวี่ฮว่าถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ความกว้างใหญ่ของอาณาเขตที่หิมะปกคลุมอยู่ หากอยากให้มันหลอมละลายทั้งหมดอย่างน้อยต้องถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเสียก่อน
และด้านหลังของเสิ่นเสวียนมีเด็กหนุ่มยืนอยู่ผู้หนึ่ง พวกเขาสองคนแม้มีอายุใกล้เคียงกัน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเสิ่นเสวียนเป็ผู้ใหญ่มากกว่า
เด็กหนุ่มคนนี้คือเสิ่นเลี่ยนนั่นเอง
เสิ่นเสวียนเคยบอกแล้วว่าจะทำให้เสิ่นเลี่ยนมีพลังถึงขั้นบรรพบุรุษภายในสองปี
“พรุ่งนี้ออกจากเมืองอวี่ฮว่าไปกับข้า”
เสิ่นเสวียนมองทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของเมืองอวี่ฮว่าพลางกล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ”
เสิ่นเลี่ยนพยักหน้าตอบรับอยู่ด้านหลัง แววตาของเขาฉายความตื่นเต้นออกมา
“ข้าเคยบอกไว้ว่าจะทำให้เ้ามีพลังยุทธ์ถึงขั้นบรรพบุรุษภายในสองปี แต่อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป เ้าจะต้องลำบากกว่าคนอื่นหลายเท่า”
“เสิ่นเลี่ยนเข้าใจ”
เสิ่นเลี่ยนพยักหน้าอยู่ด้านหลังอีกครั้ง เขาเตรียมใจมานานแล้ว
“ดี ไปเก็บข้าวของให้พร้อม พรุ่งนี้เ้ามาเจอกันที่ประตูตระกูลเสิ่น”
“ขอรับ”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวกับเสิ่นเสวียน แล้วเขาก็ถอยออกไป บนหอคอยจึงเหลือเพียงเสิ่นเสวียนยืนอยู่ตามลำพัง ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
เขามองดูเงียบๆ อยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ เสิ่นเสวียนยกมือขึ้นชี้ไปในมิติรอบๆ หลายครั้ง ทุกครั้งที่ชี้ออกไปจะทำให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นเหมือนเอานิ้วจุ่มน้ำ
หลังจากนั้น มิติรอบๆ ร่างของเขากลายเป็ม่านพลังโปร่งแสงขึ้นมา เสิ่นเสวียนปล่อยพลังออกไปอีกทำให้ม่านพลังขยายใหญ่ขึ้นปกคลุมทั่วทั้งหอคอยเอาไว้
นี่คือม่านพลังที่สามารถปกปิดไอพลังได้ แต่ไม่เพียงแค่นี้ ภายนอกมองเข้ามาตรงนี้เหมือนกับไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรยังเป็เคล็ดวิชาเซียนที่เหนือชั้น ‘วิชาเร้นกาย’
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว พลันมีเศษชิ้นส่วนสีแดงเพลิงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในมิติของเขา
เศษชิ้นส่วนเหล่านี้คือกระบี่เพลิงที่โดนหานหนานเทียนทำลายไปก่อนหน้านี้นั่นเอง