ณ สำนักงานตำรวจ ตำรวจทุกนายสวมชุดเกราะกันะุ พวกเขาทำการตรวจสอบตามโรงแรมต่างๆ เรียกดูกล้องวงจรปิดตามท้องถนน ค้นหาเบาะแสของมือสังหาร
ความวุ่นวายของที่นี่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเสิ่นิ พวกเขานั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงาน เสิ่นิยกกาแฟที่ชงเองสามแก้วเข้ามา
“พวกเขาพบเบาะแสมือสังหารไหม?” ซันนี่ถามเสิ่นิด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าพวกตำรวจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก็คงไม่ต้องให้ผมมาคุ้มครองพี่หรอก” เสิ่นิจิบกาแฟไปพลางยื่นให้ซันนี่
“เฮ้ ระวังคำพูดของนายหน่อย ฉันมุ่งมั่นที่จะเป็ตำรวจพิเศษนะ” เซี่ยวอี๋เอนกายอย่างเกียจคร้านบนโซฟาเดี่ยว หญิงสาวใช้ขาเตะเสิ่นิ แต่มือก็กลับรับกาแฟที่เขาชงมา
ณ ขณะนั้น ผู้กองจ้าวก็เดินเข้ามาในห้องทำงานในเครื่องแบบตำรวจ “พวกคุณคงใกลัว การประชุมต่อต้านการก่อการร้ายเพิ่งจะสิ้นสุดลงเมื่อสักครู่นี้เอง”
“หมอนั่นไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย” เสิ่นิแน่ชัด ไม่มีหลักเกณฑ์ใดที่จะทำให้เชื่อได้ว่ามือสังหารคนนี้เป็ผู้ก่อการร้าย
“แต่หมอนั่นเริ่มใช้อุปกรณ์ะเิอันทรงพลัง คงใช้วิธีจัดการกับเขาเฉกเช่นมือสังหารไม่ได้แล้ว ข้อกำหนดของเบื้องบนต่อการต่อต้านการก่อการร้ายมีความสำคัญสูงที่สุด ตอนนี้ถึงขั้นระดมพลทั่วโลกเพื่อจับกุมเขา
อีกอย่าง เื่สัญญาที่ลงนามกับคุณเสิ่นิ ถ้าคุณรู้สึกลำบากใจ พวกคุณจะยุติสัญญากับเราก็ได้ เราจะชำระให้ 50% แม้จะผ่านไปแค่วันเดียว” ผู้กองจ้าวยังนับว่ามีมนุษยธรรม ในเมื่อเื่มาถึงจุดนี้ แล้วยังจะปล่อยให้บอดี้การ์ดทำงานเสี่ยงตาย มันไม่ค่อยเป็ธรรมสักเท่าไร
“เปิดบิลไปแล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องถอนตัวกลางคัน” เสิ่นิปฏิเสธความกรุณาของผู้กองจ้าว
“งั้นก็ดี กรุณาตามผมมา” ผู้กองจ้าวคิดอยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็แบบนี้ เพราะเสิ่นิไม่เคยถอย ไม่ว่าจะใหญ่ค้ำฟ้า หรือว่าซินเหลียนเซิ่ง เขาได้พิสูจน์ความแกร่งของเขาแล้ว และชายหนุ่มก็ยังคง “ดื้อด้าน”
หลังจากเหตุะเิ เสิ่นิก็เปิดโหมดมาตรฐาน 3 คน ไม่ว่าจะไปไหน พวกเขาก็ไปด้วยกันทั้ง 3 คน
“เพราะนายไม่ยอมยกเลิกสัญญา ตอนนี้เราก็เลยตกเป็เป้าที่อันตรายมาก แม้เซี่ยวอี๋จะถูกพักงาน แต่ก็ยังได้รับอนุญาตให้พกปืน เพื่อป้องกันตนเอง
ส่วนนาย...” ผู้กองจ้าวหันกลับมามองเสิ่นิ “ทางกรมตัดสินใจแล้วจะออกใบอนุญาตพกปืนชั่วคราวให้กับคุณ มีผลจนกว่าจะจับกุมตัวหมอนั่นได้”
“ดีจริง ให้ผมยิงได้?” เสิ่นิจงใจถามด้วยสีหน้าที่เ็า “คุณไม่กลัวว่าผมจะกลายเป็ตัวอันตรายเหรอ?”
“ด้วยฝีมือของคุณเสิ่นิ ไม่ว่าจะถือมีดสเต๊กหรือปืนไรเฟิล ที่จริงปืนพกก็นับว่าเป็ภัยต่อสังคมมากที่สุด ่สังเกตการณ์ ผู้สังเกตการณ์เห็นถึงมโนธรรมของคุณภายใต้สถานการณ์ต่างๆ บางครั้งการมอบอาวุธให้แก่คุณก็เป็ไปเพื่อการสังเกตการณ์เหมือนกัน” ผู้กองจ้าวอมยิ้ม เขาพาพวกเขาไปยังคลังแสงของตำรวจ
เดิมทีที่นี่ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า หากจะเข้าต้องแจ้งความจำนงบนเอกสาร และหลังจากได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้วถึงจะมอบอาวุธให้ตามปริมาณ แต่ผู้กองจ้าวไม่รู้ว่าเสิ่นิเชี่ยวชาญอาวุธใด เขาจึงได้แหกกฎและพาพวกเขาทั้ง 3 เข้าไปในโกดัง
เมื่อมองไปยังโกดังขนาดใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของสนามบาสเกตบอล ทุกชั้นถูกเติมเต็มไปด้วยอาวุธปืนสีดำ แม้แต่ซันนี่เองซึ่งไม่ได้เข้าใจของพวกนี้ก็ยังรู้สึกเกรงขาม
“เ้านี่ก็แล้วกัน” เสิ่นิแทบจะไม่ได้มองจนเต็มสองตาด้วยซ้ำ เขาหยิบปืนพกชนิด 05 ออกมาจากชั้นวางอย่างไม่ได้ตั้งใจ นี่คือปืนลูกโม่รุ่นล่าสุดของตำรวจ โหลดได้ 6 นัด ใช้ะุ 9 มม. ระยะการยิง 50 เมตร ข้อดีของมันคือการเปลี่ยนะุได้หลายแบบ เช่นะุยาง ะุเปล่า แก๊สน้ำตา ฯลฯ ข้อเสียก็คือแรงมันน้อยเกินไป
มีคนกล่าวเอาไว้ว่าอานุภาพของปืนลูกโม่รุ่น 05 แบบที่ตำรวจใช้กันนั้นแรงลูกโม่ถือได้ว่าน้อยที่สุดในโลก แต่การทำความาเ็สังหารนั้นกลับลื่นไหล
“รุ่น 05? นายอยากใช้ปืนลูกโม่?” เดิมทีผู้กองจ้าวคิดว่าเสิ่นิจะเลือกใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติรุ่น 92
“ไม่อยากหรอก ผมอยากได้ไอ้ที่แขวนอยู่บนนั้น คุณให้ผมได้หรือเปล่าล่ะ?” เสิ่นิตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ของปืน พลางใช้หางตาเหลือบไปยังปืนสไนเปอร์รุ่น 88 ซึ่งห้อยอยู่บนชั้นวาง
“แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้” ผู้กองจ้าวยิ้มเจื่อน เขาไม่ได้กลัวเสิ่นิจะสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ แต่สิ่งนั้นจะดุ่มเข้าไปหยิบออกมาไม่ได้เด็ดขาด ปืนยาวในมือตำรวจถือเป็เครื่องกีดขวาง ยิ่งอยู่ในมือของผู้สวมลำลองก็จะยิ่งก่อความตื่นตระหนก
“ถ้างั้นเ้านี่ก็พอแล้ว” เสิ่นิปิดกล่องะุ เขาหยิบปืนพกกึ่งอัตโนมัติรุ่น 92 กระบอกใหม่เอี่ยมออกมาจากชั้นวาง ก่อนจะโยนให้เซี่ยวอี๋ “ปืนคุณก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว ปืนพกรุ่น 77 กำลังอ่อนไป บรรจุะุได้น้อยด้วย”
“ของนายบรรจุะุได้น้อยกว่าของฉันอีกไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยวอี๋มองปืนลูกโม่ที่อยู่ในมือของเสิ่นิอย่างประหลาดใจ มันบรรจุได้แค่หกนัด
“หมอนั่นที่ผมจะจัดการ แค่นัดเดียวก็เอาอยู่แล้ว ที่คุณต้องรับมือนอกจากมือสังหารน่ะคือผม ต่อให้คุณมีะุเต็มกล่อง ก็อาจจะไม่พอ” เสิ่นิยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เ้านี่อนุมัติให้ได้ เซี่ยวอี๋ ผมเปลี่ยนให้คุณ เดิมทีรุ่น 92 นี้จัดสรรให้เฉพาะหน่วยอาชญากรรมชั้นแนวหน้าและตำรวจพิเศษเท่านั้น ถือว่าผมยกประโยชน์ให้คุณ” ผู้กองจ้าวไหลไปตามน้ำ
“ผมอยากทดสอบปืน” เสิ่นิกล่าวหน้าตาเฉย
หยิบะุติดมาหนึ่งกล่อง เซี่ยวอี๋และเสิ่นิเดินไปถึงสนามยิงปืนของตำรวจ แม้จะยังเช้าตรู่ แต่ก็มีตำรวจหลายนายกำลังฝึกยิงอยู่ทั่วบริเวณ ถ้าพวกเขาเตรียมจะออกรบ แต่ไม่ฝึกยิง มันก็จะกระไรอยู่
ซันนี่สวมหูฟังกันเสียงและนั่งลงที่ด้านข้างสนาม ที่นี่ไม่ใช่เวทีของเธอ
นานแล้วที่ไม่ได้มาสนามยิงปืนซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเขม่าควัน เซี่ยวอี๋ะเืใจจนน้ำตาแทบไหล ครั้งสุดท้ายที่เธอได้หลั่งอะดรีนาลีนจากการยิงปืนก็คือตอนที่เธอเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่ง เ้าสาวป้ายแดงอย่างปืนพกกึ่งอัตโนมัติรุ่น 92 เซี่ยวอี๋เคยได้ทดลองยิงมาแล้วสองครั้ง ปืนที่เสิ่นิตั้งใจมอบให้เธอคือปืน 5.8 มม. รุ่น 92 แรงสะท้อนด้านหลังน้อยกว่ารุ่น 77 ทำให้ยิงได้แม่นยำขึ้น
ะุ 20 นัดในรังเพลิงมากกว่ารุ่น 77 เกือบสามเท่า ะุเสริมแกนเหล็ก เทียบได้กับหากยิงเจาะหมวกนิรภัยหนา 1.3 มิลลิเมตร ในระยะ 50 เมตรได้แล้ว ก็สามารถทะลุไม้สนเนื้อหนาได้อีก 50 เมตร
เมื่อเห็นชายหญิงคู่นี้มาทดสอบปืนพร้อมกับหัวหน้า ตำรวจนายอื่นๆ ก็เผลอพากันหยุดมอง
“เริ่มได้” ภายใต้สายตาแห่งความสนอกสนใจของบรรดาเหล่ารุ่นพี่ เซี่ยวอี๋สูดลมหายใจ ก่อนจะยกกระบอกปืนขึ้นอย่างมุ่งมั่น แม้แต่หูฟังกันเสียงก็ไม่ได้ติดมาด้วย หญิงสาวกลั้นลมหายใจในขณะที่ลั่นไก ปัง! ปัง! ปัง! เธอใช้วิธีการยิงแบบรวดเดียว เน้นใช้เวลาให้สั้นที่สุดและให้ะุออกมาได้มากที่สุด นี่เป็ทักษะการยิงอันมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ระยะใกล้
การยิงทีละนัดเพื่อประหยัดะุนั่นมันมีแต่ในภาพยนตร์ ในสนามรบสมัยใหม่นั้น สามารถสังหารศัตรูได้ด้วยะุ 3 นัด นั่นหมายถึงคุณควรที่จะยิง 6 นัด เพื่อให้แน่ใจว่ามันตาย
ปลอกะุ 20 นัด เซี่ยวอี๋ใช้เวลาไปเพียง 13.8 วินาที ระยะเป้าอยู่ห่างออกไป 25 เมตร คะแนนการยิง ได้แก่
7 คะแนน 3 นัด
8 คะแนน 10 นัด
9 คะแนน 5 นัด
10 คะแนน 2 นัด
เป็คะแนนความสำเร็จซึ่งตำรวจพิเศษไม่อาจกล้าเอ่ยปากชื่นชม
เหล่ารุ่นพี่ต่างก็พากันปรบมือให้รุ่นน้องผู้นี้จนเซี่ยวอี๋เขินหน้าแดง
ในขณะที่ทุกคนชื่นชมเซี่ยวอี๋อยู่นั้น เสิ่นิกลับปรับแต่งปืนลูกโม่รุ่น 05 ในมือ เขาเพิ่มแรงไกปืนและปรับแรงสปริงให้หมุนกลับ ทำให้ไกมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถเหนี่ยวมันได้
“เฮ้ นายพร้อมหรือยัง?” เซี่ยวอี๋ชำเลืองมองเสิ่นิ
“เสร็จพอดี” หลังจากโหลดะุเป็ที่เรียบร้อยแล้ว เสิ่นิก็ยกปืนลูกโม่ขึ้นด้วยมือข้างเดียว เขามองไปยังเป้าซึ่งห่างออกไป 25 เมตร เขารู้สึกอึดอัด เขาจึงเคลื่อนถอยไปอีก 25 เมตร กระทั่งถึง 50 เมตร และนั่นก็สุดเขตการจำกัดระยะยิงของปืนแล้ว
เสิ่นิยืนอยู่ที่หน้าเป้าอย่างเป็ธรรมชาติ เขาเอามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาเล็งเป้าด้วยรอยยิ้ม ตำรวจที่อยู่รอบๆ พากันอดขำไม่ได้ เพราะช่างดูเหมือนปุถุชน แม้ว่าแรงสะท้อนจากปืนลูกโม่ 05 จะไม่มาก แต่เป็เื่ปกติที่ท่าทางการยิงที่หละหลวมจะทำให้ข้อมือสั่น
“เซี่ยวอี๋ ช่วยผมจับเวลาที” เสิ่นิวางเครื่องจับเวลาให้เซี่ยวอี๋
“นายจะยิงหรือไม่ยิงกันแน่? ทำเป็เื่มาก” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ยิง เดี๋ยวนี้!” เสิ่นิเหนี่ยวไก...
ควันจากปลายกระบอกปืนยังไม่ทันจางหาย สายตาของนายตำรวจที่อยู่รอบๆ ต่างก็จ้องกันจนตาแทบจะถลน 2 วินาที! ภายใน 2 วินาที เสิ่นิยิงะุออกไปทั้งหมด 6 นัด เฉลี่ย 3 นัดต่อวินาที เกินวิสัยของปืนลูกโม่ กระทั่งปืนพกกึ่งอัตโนมัติก็ยังเกินขีดจำกัดไปเยอะมาก
การเหนี่ยวไกปืนลูกโม่ได้ 6ครั้ง ภายใน 2 วินาที แทบจะเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ เสิ่นิไม่เพียงแต่จะยิงเสร็จเท่านั้น เขายังยิงเข้าวง 10 แต้มทั้ง 6 นัด ทั้งที่ท่าทางการยิงดูหละหลวมเหลือเกิน
“ใช้ไม่ได้ ยังไม่ทันได้ยิงก็มือชาแล้ว ช้าไป นัดสุดท้ายเบี่ยงไปจากที่ผมคาดไว้สองมิลลิเมตร ผู้กองจ้าว ถ้ามีโอกาสในอนาคต ผมขอมาซ้อมยิงปืนที่สนามอีกบ่อยๆ นะ” เสิ่นิหันกลับมาขออย่างหน้าไม่อาย
“ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงต้องมีผู้คอยสังเกตการณ์...” ภายใต้จิตสำนึกของผู้กองจ้าว สิบปีก่อนเสิ่นิยังเป็ “สัตว์ประหลาด” แต่หลังจากสิบปีในนิรวาน เขาได้กลายมาเป็ “ทรชน” โดยสมบูรณ์แบบ
ณ เวลาเดียวกันในคืนนั้น ภายในโรงงานแถวย่านชานเมืองสักแห่งของเมืองเป๋ยไห่ ที่ข้างรถโตโยต้าคันหนึ่ง มีอันธพาลในชุดแฟนซีสองคน หนึ่งคนสูง หนึ่งคนเตี้ยกำลังเปิดท้ายโชว์สินค้าของตัวเองให้แก่ลูกค้าผู้ซึ่งสวมโค้ตกันลมตัวยาวแม้ในวันที่อากาศร้อนระอุอยู่
“ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ HK417 ผลิตในเยอรมัน ติดตั้งลำกล้องจู่โจมขนาด 12 นิ้วและขนาด 20 นิ้ว ปืนเดียวใช้ได้อเนกประสงค์ เปลี่ยนจากปืนไรเฟิลธรรมดาเป็ไรเฟิลอัตโนมัติได้ในเวลา 10 วินาที แน่นอนว่าคุณต้องเปลี่ยนให้เร็วด้วย” คนแคระเริ่มโฆษณาสินค้าอย่างประจบสอพลอ “ติดตั้งเลนส์อินฟราเรดและด้ามจับแบบกลยุทธ์ ความแม่นยำเหนือกว่า M4 ของสหรัฐ ความน่าเชื่อถือพอๆ กับ AK47 ของรัสเซีย แน่นอนว่ามันเป็าาแห่งปืนไรเฟิลอัตโนมัติ
ถ้าคุณซื้อยกเซต เราจะแถมปืนเดิมให้คุณด้วย”
ในขณะที่คนแคระแนะนำ ชายผู้ซึ่งสวมเสื้อโค้ตกันลมก็หยิบปืนขึ้นมาดึงสลักเกลียวเพื่อทดสอบปืน แม้จะไม่มีะุ แต่การเคลื่อนไหวอย่างมีทักษะนั้น ถึงกับทำให้นักเลงตัวสูงผู้ทำหน้าที่คุ้มกันถึงกับดึงปืนจากหลังเอวมากำไว้แน่น
“ปืนดี แต่แพงไปหน่อย ถ้าคุณจะเอา 5 แสนน่ะ มันโหดไป” ชายในเสื้อโค้ตถอนหายใจ
“พี่ชาย ทำเป็ซื้อแตงกวาในตลาดไปได้ จะต่อราคาหรือ? เราจะบอกความจริงพี่ให้นะ เราเป็ผู้เชี่ยวชาญดูแลโกดังสินค้าให้ซินเหลียนเซิ่ง สินค้าพรีเมี่ยมอยู่กับเราหมด ที่จริงก็ไม่อยากขายหรอก
แต่เมื่อไม่นานมานี้ตำรวจมาทลายรังเก่าของพวกเรา ผมกับพี่น้องหนีกันหัวซุกหัวซุนถึงเอามันออกมาได้เพื่อเป็ค่าเดินทาง ถ้าพี่ไม่ชอบ ก็ถือเสียว่าสงสารบริจาคเงินให้เราก็ได้” เ้าแคระจ้องไปยังกระเป๋าเงินข้างกายของชายที่สวมโค้ต พร้อมกับขยิบตาให้ชายร่างสูงซึ่งอยู่ด้านหลัง นี่เป็สัญญาณในการขูดรีดท่ามกลางหมู่คนชั่ว
“ในเมื่อท่านทั้งสองจะไปแล้ว งั้นก็ขอให้ทั้งสองท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ” ชายในเสื้อกันลมเงยหน้าขึ้นอมยิ้ม ใบหน้าสูงวัย ดูอย่างไรก็น่าจะย่างเข้า 70 ปีแล้ว
ทันทีที่ชายร่างสูงชักปืนออกมา เสาคาน้าก็ล้มลงเหวี่ยงลงมาจากด้านข้าง ในบัดดล ศีรษะของชายร่างสูงก็ถูกกระแทกจนกระเด็นหลุดไป เืพุ่งสูงขึ้น 2 เมตรเหมือนกับน้ำพุ คนแคระยืนมองจนเป็บื้อใบ้ ลืมไปเลยว่าที่หลังเอวของตนมีปืนอยู่
“ขอโทษ ตามแผนควรจะเก็บได้ทั้งสองคนในคราเดียว แต่คุณมันเตี้ยเกินไป สงสัยผมคงต้องส่งคุณด้วยตัวเองซะแล้ว” ชายชราถอนหายใจพลางดึงลวดเส้นเล็กออกมาจากแขนเสื้อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้