ถังเหล่ยขี่ม้าอัสนีตัวหนึ่งออกเดินทางในจักรวรรดิซือฉีอีกครั้ง แต่การเดินทางในครั้งนี้เขาไม่ได้เร่งรีบเหมือนครั้งก่อน ระหว่างทางเขาศึกษาตำรายาลับที่ได้มาจากหงเทียนเิไปด้วย
ถังเหล่ยออกจากเมืองหวังมาได้ครึ่งวันแล้ว ของที่หงเทียนเิมอบให้เขารับมาทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ สิ่งของเ่าั้คือสมุนไพรและแก่นอสูร นอกจากนี้หงเทียนเิยังมอบป้ายชิ้นหนึ่งให้กับเขาอีกด้วย
บนนั้นมีรูปภาพสิงโตแดงตัวหนึ่ง ตรงกลางเขียนคำว่า ‘หง’ และยังกล่าวว่าหากถังเหล่ยเจอกับอันตรายในจักรวรรดิซือฉีให้แสดงป้ายทันที บางทีป้ายชิ้นนี้อาจจะเป็ประโยชน์ต่อถังเหล่ย
อย่างไรก็ตามจักรวรรดิซือฉีกับจักรวรรดิเทียนอวี่มีความแตกต่างกันพอสมควร ในจักรวรรดิซือฉีเหล่าอ๋องโหวล้วนแก่งแย่งดินแดนกัน ขั้วอำนาจต่างๆ กลืนกินกันเอง หากแสดงป้ายนี้ต่อหน้าขั้วอำนาจที่เป็ศัตรูของหงเทียนเิเกรงว่าจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น ถังเหล่ยจึงเก็บป้ายชิ้นนี้ไว้ในแหวนมิติ และยังคิดว่าในการเดินทางครั้งนี้คงไม่มีเหตุจำเป็ต้องใช้มัน
การเดินทางในครั้งนี้ขอเพียงแค่ผ่านจักรวรรดิซือฉีไปคงไม่มีเหตุจำเป็ให้ใช้ ตามแผนที่วางเอาไว้ทันทีที่เขาข้ามจักรวรรดิซือฉีไปได้ เขาจะมุ่งหน้าไปูเาจู่หุนทันที
หงเทียนเิเคยกล่าวเอาไว้ว่าท่านไป๋ก็เคยเห็นตำรายาลับนี้เช่นกัน แต่กลับไม่เข้าใจ แม้แต่ราชันนักปรุงยาอย่างถังเหล่ยก็ยังไม่เข้าใจเนื้อหาที่ถูกบันทึกอยู่ในตำรายาลับชิ้นนี้ทั้งหมด
คนที่เขียนตำรายาแผ่นนี้อย่างน้อยต้องเป็ยอดฝีมือระดับจอมราชันนักปรุงยา จึงจะสามารถปรุงยาระดับเจ็ดออกมาได้ ยาที่ดีที่สุดก็คือยาที่ปรุงด้วยตัวเอง แต่ถังเหล่ยในเวลานี้ไม่มีแม้แต่หม้อปรุงยา หม้อปรุงยาที่เพิ่งได้รับมาก็ะเิไปตอนที่ปรุงยาให้หงเทียนเิ
ตำรายาลับระบุวัตถุดิบไว้หลายชนิด และเงื่อนไขพื้นฐานคือต้องใช้แก่นอสูรระดับสามเป็หลักจึงจะสามารถทำได้ วัตถุดิบอื่นที่ระบุอยู่ในนั้นค่อนข้างหาง่าย
ถังเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อหม้อปรุงยาที่พอใช้ได้ จากนั้นเขาจะลองปรุงยาดูว่าตำรายาลึกลับนี้สามารถปรุงยาอะไรได้บ้าง เขาอยากจะปรุงยาทลายคอขวดให้กับตัวเอง
เมื่อวัตถุดิบต่างๆ ครบแล้ว เขาจะปรุงยาทลายคอขวดสักเม็ดก็คงไม่ใช่ปัญหา ยาทลายคอขวดเป็ยาที่มีมาช้านาน ยาชนิดนี้สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนเพิ่มระดับขั้นได้ แต่มีข้อแม้ว่าผู้ฝึกตนต้องมีระดับต่ำกว่ายอดยุทธ์เท่านั้นจึงจะเห็นผล
ยาทลายคอขวดคือยาระดับสามขั้นสูง นักปรุงยาที่สามารถปรุงยาทลายคอขวดได้เท่านั้นจึงจะเรียกตัวเองว่าเป็นักปรุงยาระดับสาม
ขณะที่ถังเหล่ยกำลังศึกษาตำรายาลับอย่างใจจดใจจ่อบนหลังม้าอัสนี ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น เขาเอนตัวหลบและะโลงจากหลังม้าอัสนีอย่างรวดเร็ว แต่ม้าอัสนีไม่สามารถหลบการโจมตีได้ ลูกเกาทัณฑ์ทั้งหมดสี่ดอกปักอยู่บนร่างของม้าอัสนี มันวิ่งเตลิดไปได้อีกสิบวา จากนั้นก็ล้มลงบนพื้นและกรีดร้องด้วยความเ็ป ไม่กี่ลมหายใจต่อมาม้าอัสนีก็สิ้นใจ
“เหตุใดเด็กน้อยผู้นี้ถึงมาอยู่ในป่า เ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายเพียงใด?” ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างสี่ร่างออกมาจากด้านข้าง ในมือของพวกเขาถือหน้าไม้เอาไว้
หน้าไม้เป็อาวุธของกองทัพ หากคาดเดาไม่ผิดพวกเขาเหล่านี้คงเป็ทหารหนีทัพ แต่สิ่งที่ทำให้ถังเหล่ยรู้สึกโกรธเป็อย่างมากก็คืออีกฝ่ายสังหารม้าอัสนีของเขา หมายความว่าหลังจากนี้เขาต้องเดินทางด้วยเท้า
“มีสัตว์อสูรขี่ เ้าคงเป็คนจากตระกูลใหญ่ ส่งของมีค่าทั้งหมดของเ้ามาให้พวกเรา!” หนึ่งในนั้นกล่าว
ทั้งสี่คนเป็ยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ สองคนเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นหนึ่งและสองคนเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นสอง
ถังเหล่ยกำหมัดแน่น ในเมื่ออีกฝ่ายรนหาที่ตาย เขาก็ไม่ลังเลที่จะสังหารทุกคนความคิดของถังเหล่ยในตอนนี้ถือว่าการต่อสู้มาได้เหมาะสมที่สุดเช่นกัน เพราะเขาก็้าทดสอบความแข็งแกร่งในการควบคุมพลังปราณในตันเตียนอยู่พอดี
หลังจากที่คิดเช่นนั้น พลังสายหนึ่งก็ถูกดึงออกมาจากจุดตันเถียน ถังเหล่ยตบฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งสี่คนยังไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ ร่างของถังเหล่ยก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขาแล้ว ถังเหล่ยปล่อยหมัดออกมาสองครั้งติดต่อกัน ทำให้ชายสองในสี่คนกระเด็นออกไปหลายสิบวา การโจมตีของถังเหล่ยทำลายจุดตันเถียนของพวกเขาทั้งสองคนทันที
“เ้า...” อีกสองคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลงมือเช่นไร
“พลังในร่างกายถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็สลายหายไปในเวลาสั้นๆ ถ้าไม่รีบโจมตีใน่เวลานี้ พลังปราณที่ซ่อนอยู่ในตันเถียนจะค่อยๆ หายไป” ถังเหล่ยก้มลงมองดูมือของตัวเองโดยไม่ได้สนใจอีกสองคนที่อยู่ด้านหน้า
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะโจมตี ในมือของถังเหล่ยก็ปรากฏกริชเล่มหนึ่ง หลังจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ ผู้ทรงยุทธ์อีกสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าใช้ฝ่ามือกุมไปที่ลำคอของตัวเอง ไม่กี่ลมหายใจต่อมาพวกเขาทั้งสองก็ล้มลงพื้น
พลังและความเร็วของถังเหล่ยในตอนนี้ทำให้เข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายและสังหารผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์สองคนได้ในไม่กี่ลมหายใจ
หลังจากที่ถังเหล่ยใช้พลังิญญายุทธ์ก็ทำให้พละกำลังของเขามีมากกว่าแสนจิน นี่เป็มาตรฐานของยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนไม่สามารถตัดสินจากพละกำลังเพียงอย่างเดียว
ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์สามารถใช้ิญญายุทธ์โจมตีอีกฝ่ายได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว หากถังเหล่ยไม่สามารถเข้าประชิดฝ่ายตรงข้าม การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะต้องยืดเยื้อออกไปอีก และถังเหล่ยต้องตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน
สาเหตุที่ถังเหล่ยสามารถสังหารหวังเหมิ่งได้เป็เพราะอีกฝ่ายประมาทเขาเกินไป หวังเหมิ่งคาดว่าถังเหล่ยมีระดับที่ต่ำจึงคิดจะสังหารถังเหล่ยระยะประชิด แต่ไม่รู้ว่าฝีมือของถังเหล่ยในการต่อสู้ระยะประชิดนั้นร้ายกาจอย่างยิ่ง
ความจริงแล้วผู้ฝึกตนของกองทัพจะต่อสู้เป็กลุ่ม แม้ว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันก็ตาม หากต้องต่อสู้ตัวต่อตัวพวกเขานับได้ว่าอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนพเนจรอย่างมาก
หากถังเหล่ยเผชิญหน้ากับศิษย์จากตระกูลใหญ่ เขาคงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
การโจมตีเมื่อคู่ของถังเหล่ย ทำให้เขาััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย
“หรือว่าจะทะลวงระดับได้แล้ว?”
สีหน้าของถังเหล่ยเปลี่ยนไป ในเวลานี้เขาไม่สนใจว่าสถานที่ที่เขาอยู่จะมีความอันตรายมากน้อยเพียงใด
ถังเหล่ยมองหาสถานที่ปลอดภัยก่อนจะนั่งลง จากนั้นจึงตรวจสอบภายในร่างกายของตัวเอง ความแข็งแกร่งเมื่อครู่นั้นขับเคลื่อนโดยพลังปราณในร่างของเขา ทำให้เขาััได้ว่านี่คือสัญญาณของการทะลวงระดับ
หลังจากนั้นถังเหล่ยจึงหยิบแก่นอสูรที่หลอมเสร็จแล้วเม็ดหนึ่งออกมา เขาเริ่มดูดซับพลังิญญาฟ้าดินในแก่นอสูรเข้าไปในร่าง ทันทีที่พลังิญญาเต็มเปี่ยมเขาก็ทะลวงระดับได้อย่างราบรื่น
หลังจากทะลวงระดับ ความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นห้า!”
ถังเหล่ยกำหมัด แม้ว่าเขาจะััได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น แต่เขากลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เขายังรู้สึกว่าการทะลวงระดับของตัวเองช้าเกินไป
ตามหลักแล้วทุกครั้งที่ถังเหล่ยบ่มเพาะล้วนต้องใช้แก่นอสูรทุกครั้ง แม้เคล็ดวิชาัคชสารสามารถดูดซับพลังิญญาฟ้าดินได้มากกว่าปกติ แต่ทะลวงการระดับของถังเหล่ยยังถือว่าช้ามาก
หากผู้ฝึกตนธรรมดาสามารถดูดซับพลังิญญาได้มากมายเช่นนี้ คงทะลวงระดับผู้ทรงยุทธ์ไปแล้ว แม้ว่าถังเหล่ยจะทะลวงระดับได้ช้ากว่าผู้อื่น แต่ทุกครั้งที่เขาทำสำเร็จความแข็งแกร่งของเขาจะมีมากกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวค่อนข้างมาก
ถังเหล่ยลุกขึ้นและคิดว่าจะเข้าเมืองใหญ่สักแห่ง หากเขาสามารถปรุงยาทลายคอขวดได้ ฐานการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นทันที
“เดี๋ยวก่อน! ใครกำลังเรียกข้า ไม่ๆ กำลังเรียกิญญายุทธ์ในร่างของข้าต่างหาก!” ถังเหล่ยรู้สึกสับสนและพึมพำกับตัวเอง
……