เ้าของร้านไม่คาดคิดว่าเด็กสองคนนี้จะฉลาดไม่ขายสูตร คิดเอาแค่ส่วนแบ่ง
เมื่อเห็นว่าเ้าของร้านเงียบไป หลี่ชิงหลิงก็หัวเราะ "ท่านลุงเ้าของร้าน ท่านน่าจะเคยกินแป้งทอดไข่ของเราแล้ว ท่านลุงก็น่าจะรู้ดี ไม่อย่างนั้นคงไม่อยากซื้อสูตรของเรา ใช่ไหมเ้าคะ?” เ้าของร้านเงียบก็คงเพราะรู้สึกว่าเสียเปรียบ
แต่นางไม่ใช่คนโง่ การขายสูตรเป็การขาดครั้งเดียว และตอนนี้ธุรกิจแป้งทอดไข่ของนางไปได้ดี นางไม่้าได้เงินเพียงครั้งเดียว
แม้จะไม่ร่วมมือกับฝูหมั่นโหลว นางและหลิวจือโม่ก็สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยจากการตั้งแผงขายทุกวัน
เ้าของร้านเอามือลูบคางและมองหลี่ชิงหลิงด้วยแววตาเรียบเฉย "แม่หนู ของพวกนี้กินเยอะไปก็จะเลี่ยน ตอนนี้อาจไปได้ดี แต่อนาคตน่ะไม่แน่” หากมีคนทำเลียนแบบเพิ่มออกมาก็จะยิ่งขายยากขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ชิงหลิงยังคงเหมือนเดิม นางยังคงมองเ้าของร้านด้วยรอยยิ้ม "แป้งทอดไข่นี้ดูง่าย แต่ทำจริงอาจไม่ง่าย” แป้งทอดไข่นางมีน้ำจิติญญา แม้คนอื่นจะเลียนแบบแป้งทอดไข่ได้ก็ไม่สามารถเลียนแบบรสชาติได้ “จะเพิ่มส่วนผสมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นก็ได้ ที่บ้านเรามีส่วนผสมน้อยกว่า แป้งทอดไข่ที่ทำออกมาเลยดูเรียบง่าย ถ้าฝูหมั่นโหลวอยากร่วมมือกับเราจริงๆ ข้าสอนวิธีทำส่วนผสมอื่นๆ ให้พ่อครัวได้"
เื่นี้นางไม่ขี้เหนียวเลย ถ้าร่วมมือกับฝูหมั่นโหลวจริงๆ ยิ่ง ฝูหมั่นโหลวมีรายได้มากเท่าไร นางก็จะได้เงินปันผลมากขึ้นเท่านั้น เท่ากับหาเงินให้ตัวเอง ไม่ต้องลำบาก แค่ให้วิชาก็พอ
เ้าของร้านยันคาง แต่ยังคงแสดงท่าทีลังเล สายตาเหลือบมองไปยังผนังฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ หูที่ไวต่อเสียงของเขาได้ยินเสียงเคาะโต๊ะ
เขาวางมือที่ยันคางลง ยกมุมปากขึ้นแล้วถามหลี่ชิงหลิงว่า้าส่วนแบ่งเท่าไรทันที
แน่นอนว่าส่วนแบ่งน่ะมียิ่งมากยิ่งดี แต่หลี่ชิงหลิงก็คิดถึงสถานการณ์ของครอบครัวจึงไม่กล้าเปิดสูงนัก
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหลือบมองหลิวจือโม่ หลิวจือโม่พยักหน้าให้ ปล่อยให้นางตัดสินใจเอง
“หกต่อสี่ ฝูหมั่นโหลวหก เราสี่”
"ไม่ได้" ทันทีที่หลี่ชิงหลิงพูดจบ เ้าของร้านก็ส่ายหน้า เขาไม่เห็นด้วยกับหกสี่ "แปดสอง" เขามองว่าหลี่ชิงหลิงแค่จ่ายวิชาเล็กน้อย ส่วนอื่นไม่ต้องให้นางช่วยเลย แปดสองก็เพียงพอแล้ว
แปดสอง? กล้าพูดออกมาได้ นางจะยอมตกลงได้ยังไง
หลี่ชิงหลิงกัดฟัน ประนีประนอมเล็กน้อย ใบหน้าแสดงออกว่าเ็ป "เจ็ดสาม นี่ขีดสุดข้าแล้ว ถ้าน้อยกว่านี้อีกก็คงไม่สามารถร่วมมือแล้ว” ถ้าน้อยกว่านี้ นางยอมทำงานหนักขึ้น ตั้งแผงกับหลิวจือโม่ทุกวันดีกว่า
เมื่อได้ยินเสียงเคาะโต๊ะอีกครั้ง เ้าของร้านก็พยักหน้าทันที "ได้ งั้นก็แบ่งเจ็ดสาม!" ครั้งนี้เขาขอให้คนนำกระดาษและหมึกมาเขียนข้อตกลง ให้หลี่ชิงหลิงลงชื่อ
หลี่ชิงหลิงรับกระดาษมา ส่งให้หลิวจือโม่ดู
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของเ้าของร้าน หลี่ชิงหลิงยิ้มโดยไม่ใส่ใจ บอกว่าตนรู้ตัวอักษรไม่มากนัก
นางไม่รู้ตัวอักษรจีนตัวเต็ม บางตัวนางไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ นี่คือข้อเท็จจริง
หลิวจือโม่อ่านอย่างระมัดระวังสองสามครั้ง เมื่อเขารู้สึกว่าไม่มีปัญหาก็พยักหน้าให้หลี่ชิงหลิง
หลี่ชิงหลิงประทับลายนิ้วมือลงบนข้อตกลง จากนั้นส่งให้หลิวจือโม่ประทับ
จากนั้นส่งคืนให้เ้าของร้านและขอให้เขาประทับลายนิ้วมือ ข้อตกลงนี้แบ่งออกเป็สองส่วน ทุกคนจะได้รับสำเนาหนึ่งชุด
หลี่ชิงหลิงได้รับส่วนของนาง และเก็บไว้ใกล้ตัวอย่างดี
"ท่านลุงเ้าของร้าน ที่บ้านเราเลี้ยงไก่ด้วย ไข่ที่ฟักออกมาอร่อยมาก จะร่วมมือกับเรา ใช้ไข่จากบ้านเราด้วยไหม?” หลังจากร่วมมือกับฝูหมั่นโหลวแล้ว นางและหลิวจือโม่ไม่ต้องตั้งแผงจึงมีเวลาเลี้ยงไก่
นางวางแผนที่จะตั้งลานเลี้ยงไก่เพื่อผลิตและขายไข่ให้กับฝูหมั่นโหลว ซึ่งจะกลายเป็รายได้ก้อนโตอีกทางหนึ่ง
เมื่อนึกถึงภาพที่ครอบครัวของพวกเขาจะสร้างรายได้ทุกวันในอนาคต หัวใจของหลี่ชิงหลิงก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากรีบเคลื่อนไหว
"โอ้? อร่อยขนาดนั้นจริงหรือ?" เ้าของร้านเลิกคิ้ว มองหลี่ชิงหลิง แล้วถามว่าไข่ก็มีรสชาติเหมือนกันหมดไม่ใช่หรือ แบ่งได้ด้วยหรือว่าอร่อยหรือไม่?
หลี่ชิงหลิงกลัวว่าเ้าของร้านจะไม่เชื่อจึงพยักหน้าหนักๆ "อร่อยจริงๆ วันหลังข้าจะเอามาให้ลองชิม รับประกันว่าได้กินแล้วจะไม่อยากกินไข่ที่อื่น” ขณะที่พูด นางก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจอีกครั้ง “แค่ว่าครอบครัวของเรามีแม่ไก่ไม่มาก ออกไข่ทีนึงไม่เยอะ แต่ข้าว่าจะซื้อลูกไก่มาเลี้ยงเพิ่ม ถึงตอนนั้น…” พูดยังไม่จบก็มองเ้าของร้านอย่างคาดหวัง
หลังจากได้ยินแบบนี้ เขาก็หัวเราะออกมา เขาสัญญาว่าตราบใดที่ไข่จากบ้านของหลี่ชิงหลิงอร่อยจริงๆ เขาจะซื้อไข่จากบ้านของนางก่อนเป็ลำดับแรก
เมื่อได้ยินคำพูดของเ้าของร้าน ดวงตาของหลี่ชิงหลิงก็เป็ประกาย ขอบคุณเ้าของร้านด้วยรอยยิ้ม
“อย่าเพิ่งดีใจไป ถ้าไข่ของเ้าไม่อร่อยอย่างที่พูด ข้าจะคืนคำทั้งหมด”
หลี่ชิงหลิงยืดตัวอย่างมั่นใจ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ให้โอกาสคืนคำแน่นอน” ตราบใดที่มีน้ำจิติญญา ไข่ของนางจะทำให้ผู้คนติดใจอย่างแน่นอน
เ้าของร้านยิ้มอีกครั้งและเปลี่ยนเื่ขอให้หลี่ชิงหลิงสอนพ่อครัวทำแป้งทอดไข่
หลี่ชิงหลิงยืนขึ้นอย่างมีความสุข เดินตามเ้าของร้านลงไปข้างล่าง มุ่งหน้าไปทางครัวเพื่อสอนพ่อครัวทำแป้งทอดไข่
เมื่อหลิวจือโม่เดินไปจนสุดทาง เขาก็เหลือบเห็นกำแพงฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเคาะโต๊ะหลังผนังตรงนั้น
หลังได้ยินเสียง เ้าของร้านถึงจะพยักหน้าตกลงเซ็นสัญญากับพวกเขา
กำแพงตรงนั้นกลวงหรือ?
แม้ว่าเขาจะสงสัยมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปตรวจดู พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงต้องยับยั้งตัวเอง
หลี่ชิงหลิงไปที่ห้องครัว เ้าของร้านชี้ให้เห็นพ่อครัวสองคน ขอให้พวกเขาเรียนรู้วิธีทำแป้งทอดไข่จากหลี่ชิงหลิง
พ่อครัวทั้งสองก็เคยกินแป้งทอดไข่และลองทำแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถทำรสชาติออกมาได้เหมือน ครั้งนี้หลี่ชิงหลิงจะสอนพวกเขาเอง พวกเขาย่อมมีความสุข
หากเรียนรู้สำเร็จก็เป็วิชา
หลี่ชิงหลิงหยิบแม่พิมพ์ที่นำมา แสดงให้พ่อครัวสองคนดูอย่างละเอียดั้แ่ต้นจนจบ เมื่อทำเสร็จ นางก็ถามพ่อครัวทั้งสองว่าเข้าใจหรือไม่ หากไม่เข้าใจอะไรสามารถบอกนางได้
พ่อครัวทั้งสองส่ายหัว ขั้นตอนของแป้งทอดไข่ค่อนข้างเรียบง่าย แค่ดูครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นพวกท่านก็ทำให้ข้าลองชิมหน่อย" หลี่ชิงหลิงก้าวหลบให้พ่อครัวสองคน "มันอาจดูเหมือนง่าย แต่ถ้าอยากให้มีรสชาติที่อร่อย ความร้อนเป็สิ่งสำคัญมาก ต้องควบคุมไฟให้ดี" หากนางไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ดี แม้ว่าจะผสมน้ำจิติญญา รสชาติก็จะไม่ค่อยดีนัก
พ่อครัวทั้งสองพยักหน้ารับ กลั้นหายใจและเริ่มทำแป้งทอดไข่อย่างจริงจัง
หลี่ชิงหลิงยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร เฝ้าดูเงียบๆ
หลังจากที่พ่อครัวทั้งสองทำเสร็จ และให้เด็กสาวชิม นางก็ชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง และขอให้พวกเขาแก้ไข
ในตอนแรก พ่อครัวทั้งสองแอบดูถูกหลี่ชิงหลิงเล็กน้อยในใจ แต่หลังถูกชี้แนะ ความดูถูกเล็กน้อยในใจของพวกเขาก็หายไปและกลายเป็ความเคารพชื่นชม
หลี่ชิงหลิงอาจจะยังเด็ก แต่การชี้แนะทำให้ผู้คนรู้แจ้ง
พ่อครัวทั้งสองขอบคุณหลี่ชิงหลิงอย่างจริงใจ และเริ่มทำแป้งทอดไข่อีกครั้ง หลังทำให้เสร็จให้นางลองชิมและชี้แนะต่อไป
หลังจากชิมกว่าครึ่งชั่วยาม หลี่ชิงหลิงก็พยักหน้าภายใต้สายตาคาดหวังของพ่อครัวทั้งสอง
เมื่อเห็นนางพยักหน้า ในที่สุดพ่อครัวทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและคำนับหลี่ชิงหลิง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของนาง
หลี่ชิงหลิงหัวเราะ บอกให้พวกเขาตั้งใจฝึกและออกจากครัวไป
หลิวจือโม่เห็นหลี่ชิงหลิงออกมาก็
ก้าวไปหาและถามนางว่าเหนื่อยไหม?"ไม่เหนื่อยหรอก แต่กินจนจุกเลย” กินแป้งทอดไข่จำนวนมากในคราวเดียวแบบนี้ นางอยากจะขย้อนเหลือเกิน
“ไม่เป็ไร เดินกลับช้าๆ ก็ย่อยแล้ว” หลิวจือโม่ปลอบพร้อมหัวเราะ
นางตอบรับ เดินลูบท้องไปหาเ้าของร้าน พูดพลางหัวเราะ “ท่านลุง ลุงพ่อครัวสองคนเชี่ยวชาญทักษะแป้งทอดไข่แล้ว ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามข้าได้นะ" นางให้ที่อยู่เ้าของร้าน
เ้าของร้านตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ท่านลุงเ้าของร้าน เราไปก่อนนะ!”
"อืม ระวังๆ นะ”
เมื่อหลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ออกจากฝูหมั่นโหลว เ้าของร้านก็หันหลังกลับและขึ้นไปชั้นบน
เขาเคาะประตูห้องส่วนตัวข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงบอกให้เข้ามา เขาก็เปิดประตูและเข้าไปข้างใน เขายื่นข้อตกลงให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักด้วยความเคารพ
“นายท่าน นี่เป็ข้อตกลงที่เพิ่งลงนาม”
ชายคนนั้นเอื้อมมือรับมาดู ก่อนจะคืนให้เ้าของร้านและขอให้เขาเก็บมันไว้
“นายท่าน ข้าไม่เข้าใจนิดหน่อย ทำไมท่านถึงยอมร่วมมือกับเด็กสองคนนั้น”
ในมุมมองของเขา การซื้อขาดครั้งเดียวนั้นดีที่สุด
ชายหนุ่มเหลือบมองเ้าของร้านและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ข้าคิดว่าเด็กสาวคนนั้นจะทำให้ข้าประหลาดใจได้มากกว่านี้" ั้แ่เขาเห็นหลี่ชิงหลิง เขาก็รู้สึกถึงสังหรณ์ที่แข็งแกร่ง
และเขาเชื่อสัญชาตญาณของเขาเสมอ
"..." เ้าของร้านไม่เข้าใจว่าเ้านายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงวางหัวข้อนี้ไว้และเปลี่ยนไปคุยหัวข้ออื่น "่นี้เฟิงเว่ยโหลวหาเื่ฝั่งเราตลอด ท่านว่าต้อง…”
ชายหนุ่มโบกมือด้วยสีหน้าเฉยเมย "เล่ห์เหลี่ยมดำมืดแบบนั้นปล่อยให้พวกเขาเล่นไปเถอะ ไม่ต้องสนใจ” เขาหยุดชะงักเล็กน้อย "ไปตรวจสอบรายละเอียดของเด็กสองคนนั้น ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้" เขารู้สึกว่าหน้าตาเด็กหนุ่มดูคุ้นเคยเล็กน้อย
เ้าของร้านพยักหน้าและรายงานอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะจากไปด้วยความเคารพ
