เสียงความคึกคักของเมืองเทียนเฉินดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ในที่สุดระบบแลกเปลี่ยนเงินก็เปิดให้บริการแล้ว เย่เทียนเซี่ยพาซูเฟยเฟยกลับไปส่งที่บ้านหลังน้อยของกั่วกัว หลังจากนั้นเขาก็รีบมุ่งไปที่จวนเ้าเมืองเทียนเฉินอย่างรวดเร็ว เดินไปได้ครึ่งทางเขาก็ได้รับการติดต่อจากจั้วพั่วจวิน
“พี่รอง บัตรเครดิตนั่นมันต้องไปเอาด้วยตัวเองนะพี่ ต่อให้ตอนนี้คนจะเยอะจนน่ากลัวแต่ผมกับเ้าสี่ก็ได้มาก่อนแล้ว เพราะงั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
เย่เทียนเซี่ยตอบกลับสองประโยคจากนั้นก็รีบเดินเข้าไปด้านในจวนเ้าเมือง
“ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?” เมื่อมองเห็นเย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามาเข้าเมืองเทียนเฉินก็ดูประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดออกมา “ผู้กล้าจากต่างแดน เ้าจัดการสังหารสิงโตดาบทองเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นรึ? หรือว่า......”
เย่เทียนเซี่ยหยิบขนสีทองของสิงโตดาบทองออกมาจากในกระเป๋าแล้ววางลงตรงหน้าของเ้าเมืองเทียนเฉิน ทันใดนั้นดวงตาของเ้าเมืองเทียนเฉินก็เปล่งประกาย เขายกยิ้มขึ้นมาด้วยความโล่งใจ “ดีมาก เ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ หากเป็เช่นนี้ก่อนที่จะพูดอะไรข้าจะรีบ..........”
“รอสักครู่ครับ” เย่เทียนเซี่ยโบกมือขัดจังหวะคำพูดของท่านเ้าเมือง จากนั้นเขาก็หยิบ ‘โฉนดที่ดินของหวังฉาย’ ออกมาจากในกระเป๋าด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็วแล้วพูดขึ้นมา “ท่านเ้าเมือง ผมคิดว่าท่านคงต้องให้รางวัลอย่างอื่นกับผมแล้วล่ะครับ”
“นี่คือ............เอ๋? มันคือโฉนดที่ดินที่หวังฉายทำหายไปเมื่อตอนนั้นนี่! ข้าจำโฉนดที่ดินแผ่นนี้ได้ เพราะตอนนั้นข้าเป็คนมอบให้หวังฉายด้วยมือของข้าเอง” เ้าเมืองเทียนเฉินตกตะลึง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความสงสัย “ทำไมโฉนดที่ดินแผ่นนี้ถึงไปอยู่ในมือเ้าได้ล่ะ”
“ท่านเ้าเมือง ตอนนั้นข่าวลือที่ว่าหวังฉายได้พบมอนสเอตร์ชั้นเซียนไม่ใช่เื่โกหกครับ ผมก็บังเอิญพบมอนสเตอร์ชั้นเซียนในป่าเงาปีศาจเหมือนกัน หลังจากที่ฆ่ามันผมก็ได้รับโฉนดที่ดินแผ่นนี้จากร่างของมันครับ”
“มอนสเตอร์ชั้ยเซียน...........อะไรนะ? เ้าได้พบมอนสเตอร์ชั้นเซียนอย่างนั้นรึ แล้วยังสังหารมันไปแล้วอีก?” น้ำเสียงของเ้าเมืองเทียนเฉินสูงขึ้น อารมณ์ของเขากลายเป็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เย่เทียนเซี่ยถอยหลังออกไปสองก้าวแล้วนำซากของราชสีห์อเมทิสต์หกปีกออกมา เ้าเมืองเทียนเฉินมองมอนสเตอร์ชั้นเซียนตัวน้อยนั่นอย่างตกตะลึง อารมณ์บนใบหน้าของเขาแสดงความตื่นเต้นออกมาเรื่อยๆ ผ่านไปครู่ใหญ่มันก็สงบลง เขาถอยหายใจยาว “คิดไม่ถึงเลยว่าในป่าแห่งนั้นจะมีมอนสเตอร์ชั้นเซียนซ่อนตัวอยู่จริงๆ อีกทั้งยังเริ่มถูกเปลี่ยนให้กลายเป็ปีศาจด้วย ถ้าวันไหนมันสูญเสียตัวตนของมันไปแล้วออกมาจากป่าเงาปีศาจ ผลที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้แน่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเ้ามากจริงๆ มีผู้กล้าที่แท้จริงที่เหรียญผู้กล้าเช่นเ้า ข้ารู้สึกขอบคุณเ้าจากใจจริงๆ”
“แล้วโฉนดที่ดินแผ่นนี้?”
“ฮ่าๆ” เ้าเมืองเทียนเฉินเผยรอยยิ้มใจดีออกมา จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “บางที์อาจจะให้รางวัลต่อผู้กล้าอย่างพวกเ้า ในเมื่อโฉนดที่ดินแผ่นนี้อยู่ในมือของเ้าแล้วที่ดินที่อยู่ในรางวัลนั้นก็ให้เ้าควบคุมดูแลได้ทั้งหมดเลยแล้วกัน”
“ติ๊ง! เนื่องจากท่านมี ‘โฉนดที่ดินของหวังฉาย’ และผ่านการเห็นชอบของเ้าเมืองเทียนเฉินแล้ว ท่านจึงได้รับอำนาจทั้งหมดในการดูแลที่ดินของถนนทานเหนือใจกลางเมืองเทียนเฉินเป็เวลา 67 ปี ท่านสามารถใช้งาน ก่อสร้าง รื้อถอน ถ่ายโอน ค้าขาย ได้โดยอิสระ”
“ติ๊ง! ท่าทำภารกิจ ‘สังหารสิงโตดาบทอง บอสขุนนางเลเวล 25 ณ ป่าเงาปีศาจทางทิศตะวันตกของเมืองเทียนเฉิน’ สำเร็จแล้วค่ะ รางวัลภารกิจ : ค่าประสบการณ์ +30,000 , ชื่อเสียง+30, เนื่องจากท่านทำภารกิจย่อยที่แฝงอยู่ในภารกิจชิ้นนี้ได้สำเร็จจึงได้รับรางวัลพิเศษ ค่าประสบการณ์ +50,000 , เหรียญทอง 30,000 , ชื่อเสียง +100, ความประทับใจของเ้าเมืองเทียนเฉิน +10, คำสั่งนิรโทษกรรมของเมืองเทียนเฉิน 1 ฉบับ ได้รับรางวัลลับสุดยอด : อำนาจในการควบคุมดูแลที่ดินของถนนทางเหนือใจกลางเมืองเทียนเฉินเป็เวลา 67 ปี”
ั้แ่เข้ามาใน World of Fate ก็ดูเหมือนว่าโชคจะอยู่ข้างเขาตลอด
ไม่สิ ถ้าไม่มีพลังและความกล้าหาญ โชคดีที่ว่ามาทั้งหมดนี้ก็คงไม่มีแน่ อำนาจในการควบคุมดูแลที่ดินของถนนทางเหนือใจกลางเมืองเทียนเฉินเป็เวลา 67 ปี รางวัลสุดยอดแบบนี้เขาไม่เคยพบเคยเห็นหรือได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย นอกจากนั้นถ้าใช้เงินซื้อมาก็คงจะเป็จำนวนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
“ขอบคุณท่านเ้าเมืองมากครับ ถ้าต่อไปมัปัญหาอะไรก็สามารถเรียกผมมาช่วยได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” เย่เทียนเซี่ยพูดออกไปอย่างมีมารยาท
“แน่นอน ท่านผู้กล้าที่น่าทึ่ง” ความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นมาอีก 10 หน่วย ท่าทางที่เ้าเมืองเทียนเฉินมีต่อเย่เทียนเซี่ยจึงดูอบอุ่นมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เย่เทียนเซี่ยจะเดินออกไปเ้าเมืองก็ยังพูดขึ้นมาอีกประโยค “ผู้กล้าจากต่างแดน ถ้าวันใดระดับของเ้าเกินเลเวล 50 และมีคุณสมบัติมากพอจะเดินทางไปยังเมืองที่สูญหายแล้ว ให้เ้ามาหาข้าก่อนนะ ถึงตอนนั้นข้ามีจดหมายแนะนำฉบับหนึ่งจะให้เ้า มันจะสามารถทำให้เ้าเข้าพบาาสูงสุดของทวีปที่สาบสูญของเราได้”
เมื่อออกมาจากจวนเ้าเมืองเย่เทียนเซี่ยก็ไม่ได้รีบกลับบ้านในโลกนี้ของเขา แต่เขากลับมุ่งหน้าไปที่ถนนการค้าแทน เป้าหมายของเขาก็คือร้านประเมินที่อยู่สุดเขตของพื้นที่และยังเป็ย่านธุรกิจที่เงียบเหงาที่สุดด้วย การเดินทางไปป่าเงาปีศาจในครั้งนี้ทำให้เขามีไอเทมที่้าประเมินมากมาย แต่เนื่องจากเลเวลที่จำกัด ไอเทมเ่าั้จึงไม่ใช่ไอเทมที่ต้องรีบทำการประเมินอย่างเร่งด่วน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเดินมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว....... ไม่ใช่เพื่อประเมิน แต่เพื่อมาพบกับหญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกััอีกครั้ง
มีคนน้อยคนนักที่จะเคยเจออย่างเขามาก่อน และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะรู้ชัดและเข้าใจว่าตอนนั้นแววตาของเธอแสดงความรู้สึกแบบไหนออกมา สิ่งนั้นทำให้เขาเหมือนได้เห็นความรู้สึกที่ตัวเองเคยมี และทำให้เขาไม่อาจลืมเธอไปได้
บริเวณรอบร้านประเมินยังคงมีเหล่านักประเมินที่รอทำการประเมินอยู่ประปราย จำนวนของพวกเขาเมื่อเทียบกับเมื่อวานไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงมีสิบกว่าคนอยู่เหมือนเดิมเห็นได้ชัดว่านักประเมินจำนวนมากรู้แล้วว่าการยืนอยู่ที่นี่ใน่เวลานี้ก็เท่ากับเป็การเสียเวลา ไม่สู้พยายามไปเก็บเลเวลกับอาชีพในชีวิตประจำวันอื่นๆดีกว่า
เมื่อเย่เทียนเซี่ยมาถึงดวงตาของเขาก็มองเห็นหญิงสาวที่เขาพบเมื่อวาน.......... หัวใจที่แตกสลาย เธอยังคงยืนอยู่ที่มุมถนนเงียบๆเหมือนเดิม บางทีอาจจะเป็เพราะเย่เทียนเซี่ยนำความหวังมาให้เธอ ดวงตาของเธอในเวลานี้จึงดูมีชีวิตชีวาชวนใจเต้นมากกว่าเมื่อวาน
ราวกับว่าหัวใจรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง เมื่อเย่เทียนเซี่ยพบเธอเธอก็หันมาพบเย่เทียนเซี่ยพร้อมกัน แววตาสดใสในดวงตาของเธอเปล่งประกาย เมื่อเย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามาถึงตัวเธอเธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน “นายมาแล้ว.......... นายมาประเมินไอเทมหรือเปล่า?”
พูดจบเธอก็ก้มหน้าลงน้อยๆ เธอรู้สึกเสียใจต่อคำพูดของตัวเองนิดหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเย่เทียนเซี่ยจะตอบคำถามของเธอออกมา
“อืม ใช่แล้วล่ะ ฉันได้ไอเทมมานิดหน่อย ดังนั้นก็เลยอยากให้เธอช่วย” เย่เทียนเซี่ยยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับเธอน้ำเสียงของเขาก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เพราะเขาเคยมีแววตาเหมือนกันกับเธอ เรารู้อยู่ลึกๆว่าสิ่งที่เธอ้าที่สุดคืออะไร
“ห๊า?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองมาทางเขาด้วยแววตาแห่งความสุขและความตกตะลึง
“นี่คือไอเทมเงินสามชิ้น รบกวนเธอช่วยฉันประเมินหน่อยสิ” เย่เทียนเซี่ยหยิบไอเทมเงินสามชิ้นที่ได้มาจากสิงโตดาบทองออกมาส่งให้ถึงมือเธอ
เมื่อรับไอเทมเงินสามชิ้นมาเฉินซินก็อึ้งไปพักใหญ่ จากนั้นจึงได้เริ่มเตรียมการประเมินอย่างลนลาน ผ่านไปไม่นานเธอก็กัดริมฝีปากแล้วพูดออกมา “ไอเทมเงินเลเวล 25 สามชิ้น.............. ทั้งหมด 75 เหรียญทอง เรา......พวกเราถือว่า.....ถือว่าเป็เพื่อนกันแล้ว ฉันควรจะช่วยนายประเมินฟรีๆ แต่......แต่ว่าฉัน............”
แต่ว่าเธอ้าเงินมากจริงๆ ้ามากๆ
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย” เย่เทียนเซี่ยส่ายหน้าแล้วพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “เธอให้ฉันเป็เพื่อนของเธอ ฉันก็ดีใจมากแล้ว แต่ฉันไม่อยากเป็หนี้น้ำใจของใคร แล้วมาประเมินกับเธอตรงนี้ก็ถูกกว่าไปประเมินในร้านตั้งเยอะ นี่ก็เท่ากับว่าเธอได้ช่วยฉันแล้ว ถ้าเธอจะประเมินให้ฉันฟรีจริงๆ ต่อไปฉันคงไม่กล้ามาให้เธอประเมินแล้วล่ะ”
“แล้วก็............” เย่เทียนเซี่ยยิ้มน้อยๆ จ้องมองใบหน้าอันงดงามของเธอแล้วพูดขึ้นมา “ในร้านประเมินก็มีแต่คนแก่ๆ ที่มีผิวอย่างกับเปลือกไม้ แต่เธอเป็สาวสวยเหมือนนางฟ้า มองแล้วเจริญหูเจริญตาดี แบบนี้ทำให้หัวใจฉันรู้สึกดีมากกว่า นี่เป็สิ่งที่มีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้หรอกนะ”
ท่ามกลางสายตาของเขาสีหน้าของเฉินซินมีความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่กล้าสู้สายตาของเขาจึงได้ใช้น้ำเสียงจริงใจพูดออกไปอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนายมากนะ”
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้พูดอะไรเขามองเธอใช้ทักษะประเมินเงียบๆ นี่คือหญิงสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างน่าสงสารคนหนึ่ง บางทีสิ่งที่เธอต้องดิ้นรนอาจจะเป็สภาพแวดล้อมที่ทำให้เธอสิ้นหวัง ดวงตาของเธอยังคงมีแววระแวดระวังต่อโลกใบนี้ ความรู้สึกคลุมเครือและความ้าเงินอย่างเร่งด่วนเป็สิ่งที่พิสูจน์ให้เย่เทียนเซี่ยเห็นแล้ว
แต่เขาก็รู้เช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เธอ้าไม่ใช่การบริจาค ดังนั้นเขาจึงได้ช่วยเธอด้วยวิธีการเล็กๆน้อยๆ เหมือนตอนที่เขายังเป็เด็ก............ เขาที่ทั้งหนาวและหิวท่ามกลางพายุได้แต่เฝ้าหวังว่าจะมีใครสักคนมาขอให้เขาช่วยอะไรสักอย่าง...... แม้จะให้เขาขนก้อนหินทั้งวันแล้วให้หมั่นโถวสักสามก้อนหรือโจ๊กสักสามชามก็ยังดี
เทียบกับตอนนั้นที่ทุกวันเขาต้องมีชีวิตอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็และความตาย ผู้หญิงคนนี้.............ยังโชคดีกว่ามากนัก
ไอเทมเงินสามชิ้นถูกประเมินเสร็จเรียบร้อย หลังจากได้รับเงิน 75 เหรียญทองเป็ค่าตอบแทนแล้วเธอก็นำพวกมันคืนให้เย่เทียนเซี่ยด้วยความระมัดระวัง จากนั้นเธอก็พูดกับเขาด้วยใบหน้าเอียงอายทว่าก็ยังมีรอยยิ้มงดงาม เธอรู้ชื่อของเขาแล้ว และดูเหมือนคนทั้งหมดใน World of Fate ก็รู้จักชื่อของเขาเช่นกัน บุรุษที่สร้างตำนาน ณ เมืองเริ่มต้น แต่เธอกลับไม่เคยรู้เลยว่าเขาหน้าตาเป็อย่างไร ดังนั้นเธอจึงเริ่มวาดภาพใบหน้าของเขาเอาไว้ในใจเงียบๆ
เย่เทียนเซี่ยกวาดตามองคุณสมบัติของไอเทมเงินทั้งสามชิ้นแล้วรีบเก็บมันลงไปในกระเป๋า จากนั้นเขาก็หยิบไอเทมทองสามชิ้นที่ได้มาจากราชสีห์อเมทิสต์หกปีกส่งให้เธอ “ยังมีไอเทมทองอีกสามชิ้น รบกวนเธอด้วย”
“อา......ไม่ ไม่รบกวนเลย” เธอยังคงตอบเขากลับไปเหมือนเมื่อวาน แม้ว่าจะรู้แล้วว่าเขาคือเซี่ยเทียนที่อยู่ในอันดับสูงสุดของรายการจัดอันดับเลเวลที่มีความลึกลับและแข็งแกร่ง และเมื่อวานเธอก็ได้เห็นเขาหยิบไอเทมระดับสูงออกมามากมายแล้ว ตอนนี้เมื่อได้เห็นเขาหยิบไอเทมทองที่คนธรรมดาไม่เคยได้เห็นมาก่อนออกมา เธอก็ยังคงกดความตื่นเต้นลงไปในใจได้ยากเหมือนเดิม เธอใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะปรับอารมณ์กลับมาได้ จากนั้นจึงเริ่มประเมินอย่าระมัดระวัง
“ไอเทมทองเลเวล 15 สามชิ้น ทั้งหมด 90 เหรียญทองนะ”
แสงสว่างของทักษะประเมินส่องสว่างขึ้นบนไอเทมทั้งส่ามชิ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยระดับทักษะประเมินของเฉินซินในตอนนี้อัตราการประเมินไอเทมทองของเธอมีอยู่เพียง 30% เท่านั้น มันทำให้เธอสามารถประเมินได้มากสุดสี่ครั้ง หลังจากประเมินครั้งที่สี่หากยังประเมินไม่ได้ ก็คงต้องส่งไปให้นักประเมินในร้านประเมินทำการประเมินออกมาแทน มิเช่นนั้นหากล้มเหลวเป็ครั้งที่ 5 ไอเทมนั้นก็จะเสียหายได้
