เจียงไฉกับยายสวีถูกเรียกมาที่ห้องโถง ทั้งคู่คุกเข่ากลัวจนตัวสั่น
เจียงหงหย่วนพูดเสียงทุ้ม “เกิดเื่กับไท่ไท่ เหตุใดไม่ไปตามข้าที่บ่อน?”
“เรียนต้าเหยีย ไท่ไท่สั่งว่าห้ามไปรบกวนท่านขอรับ” เจียงไฉตอบเสียงสั่นเครือ ต้าเหยียน่ากลัวมาก ทำเอาเขาหายใจไม่ออก มิหนำซ้ำ…ถึงเขาจะไม่เงยหน้าก็ััได้ถึงสายตาดุจคมมีดของต้าเหยียที่ทิ่มลงบนตัวเอง รู้สึกเจ็บในทรวงอก
“ไท่ไท่ไม่ให้มา พวกเ้าก็เลยไม่มาเช่นนั้นหรือ…”
“หย่วนเกอ”
เจียงหงหย่วนเพิ่งจะลุกขึ้นอาละวาดก็ได้ยินเสียงภรรยาตัวน้อยดังมาจากด้านนอก
“พวกท่านไปพักเถิด” หลินหวั่นชิวพูดกับยายสวีและเจียงไฉ
สองคนนั้นรีบก้มหน้าถอยออกไป ไม่กล้ามองเจียงหงหย่วนแม้แต่แวบเดียว
เจียงหงหย่วนเดินไปอุ้มหลินหวั่นชิวกลับห้อง วางนางบนเตียงแล้วห่มผ้าให้
“เหตุใดใส่เสื้อผ้าแค่ชั้นเดียวออกมา? เ้าาเ็อยู่ หากเป็ไข้ด้วยจะทำอย่างไร?” เสียงเขาอ่อนโยนมาก ราวกับคนที่แผ่รังสีสังหารและจะพลั้งมือฆ่าคนในห้องโถงเมื่อครู่ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
หลินหวั่นชิวร้อนตัวเล็กน้อย “ขนาดนั้นที่ใดเล่า ข้าออกไปแค่ครู่เดียว” เดิมทีนางจะรอให้เจียงหงหย่วนกลับมาแล้วอธิบายให้เขาฟังทันที สุดท้ายกลับกลายเป็ว่าเผลอหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้
“เกิดกระไรขึ้นกับเ้า? แผลบนศีรษะมาจากที่ใด? หมอว่าอย่างไร? ร้ายแรงมากหรือไม่? ผู้ใดเป็คนรังแกเ้า? เหตุใดไม่ให้คนมาแจ้งข้า?” เจียงหงหย่วนโยนคำถามใส่เป็ชุด ทั้งที่เขาร้อนใจมากแต่กลับพยายามควบคุมอารมณ์ ถามนางอย่างอ่อนโยนที่สุด
ตอนนี้นางเหมือนกระจกแก้วหลิวหลีที่ใกล้แตก เขาต้องประคองด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าหากหายใจแรงแค่นิดเดียวจะทำให้นางแตกสลาย
“ข้าไม่เป็กระไร แผลบนศีรษะเป็ของปลอม เพราะไม่เป็กระไรจึงไม่ได้ให้คนไปแจ้งท่าน” เจียงหงหย่วนมองนางด้วยความเป็ห่วง นางยิ่งเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด เสียใจที่มาถึงอำเภอแล้วไม่ได้ให้เจียงไฉไปแจ้งเขาที่บ่อน
“จริงๆ นะ ข้าแค่แสร้งทำเท่านั้น” นางกลัวเจียงหงหย่วนไม่พอใจ อธิบายไปด้วย คลายผ้าพันแผลไปด้วย
เจียงหงหย่วนตรวจสอบหน้าผากนางอย่างละเอียด พบว่าเป็ดังที่นางพูด บนนั้นไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็ก็โล่งใจ
ทว่า…
ไฟโทสะกลับไหลบ่าเข้ามาทันที
“ทั้งที่ไม่บอกข้า เหตุใดหงป๋อจึงรู้?”
เขาหึง
กินน้ำส้มตอนกลางคืนจะดีจริงๆ หรือ?
หลินหวั่นชิวถูกกลิ่นน้ำส้มของเจียงหงหย่วนรมจนเสียวฟัน
“ข้ามีเื่ให้หงป๋อช่วย ฝากเขานำของไปถามหมอฉู่” นางกลืนน้ำลาย ค่อยๆ ถอยเข้ามุม ตอบอย่างซื่อสัตย์
“รอข้าประเดี๋ยว!” เจียงหงหย่วนทิ้งคำพูดหนึ่งประโยคอย่างสะกดอารมณ์แล้วออกไปหาเจียงหงป๋อ
เจียงหงป๋อยังไม่นอน
“เ้าจัดการเื่ที่พี่สะใภ้ไหว้วานเสร็จหรือยัง?” เข้ามาถึงก็ถามเสียงต่ำ
เจียงหงป๋อพยักหน้า “ของที่พี่สะใภ้ให้มาเรียกว่าชุนเจียว…เป็ยาปลุกกำหนัดที่ไม่มีขายในหมู่คนทั่วไป คนที่มียานี้ในมีแค่สองคน คนหนึ่งนามว่าเจี่ยงจ้งถิง เป็คนของเถียนกุ้ยเฟย อีกคนนามว่ากู่หลิน เป็คนของอ๋องเฉิง”
รูม่านตาเจียงหงหย่วนหดเล็กลง
นึกไม่ถึงว่าจะพัวพันไปถึงราชวงศ์…หรืออย่างน้อยก็ผู้มีบรรดาศักดิ์
เขานึกถึงเื่ราวซับซ้อนยากจะเข้าใจที่เจอเมื่อชาติก่อน รู้สึกว่าใกล้ได้รู้ความจริงแล้ว ทว่าม่านตรงหน้ากลับยิ่งหนาทึบกว่าเดิม
“นอนเถิด” เจียงหงหย่วนพูดจบก็ออกไปล้างหน้า
ชุนเจียว…
เถียนกุ้ยเซียง
อ๋องเฉิง
คนที่อยู่เื้ัเถียนกุ้ยเฟยคือโสวฝู่[1] นามว่าเถียนจวีเต๋อ
ราชสำนัก
วังหลัง
ราชวงศ์
ขุนนาง
เจียงหงหย่วนหลับตาแช่ตัวในอ่าง เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกไร้กำลังทั้งที่มีวรยุทธ์
มีพละกำลัง
ทั้งยังรวบรวมคนในยุทธจักร
แต่ทันทีที่พัวพันถึงราชวงศ์และราชสำนัก เขากลับมืดแปดด้าน
ดูท่าคงถึงเวลาตีตัวเข้าใกล้หลิวเฉียงเพิ่มอีกขั้น เขาเป็ลูกหลานตระกูลขุนนาง อย่างน้อยจะได้รู้ข้อมูลเพิ่มขึ้นหน่อย
อีกเื่ เขาจะละเลยงานที่บ่อนไม่ได้เช่นกัน
เ้าของบ่อนสามารถเข้าออกวังหลวง ได้รับรางวัลจากฮ่องเต้และไทเฮา นั่นหมายความสถานะต้องไม่ธรรมดาและตำแหน่งสูงมากด้วย
ทั้งบ่อนทั้งหลิวเฉียง เขาต้องทำงานหนักเพิ่มทั้งคู่
จากนั้นก็…
เื่เงิน
เขาขาดแคลนเงิน
หากจะให้ผู้อื่นทำงานให้ หากจะซื้อใจพวกคนในราชสำนัก เงินเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้
ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัก[2] เดิมทีเขาอยากค่อยเป็ค่อยไป อยากใช้ชีวิตสงบสุขกับภรรยาตัวน้อย
น่าเสียดาย…
เจียงหงหย่วนลุกขึ้นเช็ดตัวแล้วใส่กางเกงในกลับห้อง
“หย่วนเกอ ข้าช่วยเช็ดผม” หลิวหวั่นชิวเห็นว่าผมที่แผ่ซ่านของเขายังคงเปียกโชกก็รีบวิ่งมาแย่งผ้าจากมือเขา
เจียงหงหย่วนมอบผ้าให้นาง จากนั้นนั่งลงที่ขอบเตียงอย่างองอาจ ปล่อยให้ภรรยาตัวน้อยช่วยเช็ดผม
เขาไม่พูดไม่จา หลินหวั่นชิวนั่งอยู่ด้านหลัง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟังอย่างละเอียด
ตรงไปมาไม่ปิดบัง
นางััได้ว่าชายฉกรรจ์โมโหแล้วจริงๆ
อาจเพราะใมาก ดังนั้นปฏิกิริยาจึงรุนแรง
“ชุนเจียวมาจากจางซื่อ?” หลินหวั่นชิวเพิ่งเล่าถึงตรงนี้ เสียงลึกทุ้มของเจียงหงหย่วนก็ดังขึ้น
“ชุนเจียว?”
“หงป๋อไปสอบถามเื่ที่เ้าไหว้วานมาแล้ว ยานั่นเรียกว่าชุนเจียว ไม่มีขายในหมู่ชาวบ้านทั่วไป มาจากเชื้อพระวงศ์”
คำพูดเรียบง่ายของเจียงหงหย่วนทำให้หลินหวั่นชิวต้องตะลึงงัน
มือนางหยุดชะงัก นั่งเหม่อบนเตียง
แค่ยาปลุกกำหนัดยังเป็ของที่หาซื้อในหมู่คนธรรมดาไม่ได้ จางซื่อช่างพิถีพิถันเสียจริง
แต่ว่า…เชื้อพระวงศ์ นางไปพัวพันกับเชื้อพระวงศ์ได้อย่างไร?
หมู่บ้านเค่าซานอยู่ห่างไกลตั้งขนาดนี้ รกร้างห่างไกลความเจริญ…อีกทั้งบ้านหลินก็เป็ครอบครัวที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรแล้ว
จะไปเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ได้อย่างไร?
“กลัวหรือ?” เจียงหงหย่วนหันมามองนาง
ให้พูดตามตรงก็…กลัวนิดหน่อย เพราะยุคโบราณไม่เหมือนสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายเหมือนยุคปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงเชื้อพระวงศ์ แค่เป็คนที่มีบรรดาศักดิ์หรือขุนนาง หากจะฆ่าคนธรรมดาให้ตายสักคนก็ง่ายราวกับบี้มด
“พวกเรา…หนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว ตั้งตนเป็าา?” หลินหวั่นชิวมองเจียงหงหย่วนพร้อมกับกลืนน้ำลายพูด
เจียงหงหย่วนหันกลับไปสูดลมหายใจเข้าลึก ยังจะให้หนีจนสุดหล้าฟ้าเขียวแล้วตั้งตนเป็าาอีก!
“บัดซบ! ข้าอยากใช้ชีวิตสงบสุขกับเ้า!” พูดจบก็หันมากอดหลินหวั่นชิว พลิกตัวนางคว่ำลงบนตักตัวเอง จากนั้นดึงกางเกงลงและตีก้น
หลินหวั่นชิว “…”
ให้ตาย!
นางอายุขนาดนี้แล้วดันมาโดนเด็กน้อยตีก้นเสียได้!
(เจียงหงหย่วน “หากข้าเอาอายุสองชาติมารวมกันแล้วแก่กว่าเ้าเสียอีก!”)
เชิงอรรถ
[1] โสวฝู่(首辅) ตำแหน่งหัวหน้าราชบัณฑิต
[2] ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัก(树欲静而风不止) ใช้บรรยายว่า สภาพการณ์ไม่เป็ดังใจหวัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้