ในยุคที่ชีวิตคนมีค่าประหนึ่งมดเช่นนี้บนร่างโจรแต่ละคนเปื้อนเืคนถึงสิบชีวิตหรืออาจมากกว่าแต่ละเดือนกองโจรบนหลังม้าของพรรคฝูเวยออกปล้นฆ่าวางเพลิงครั้งใหญ่สามครั้งไม่มีเื่ชั่วใดไม่ทำหากพบหมู่บ้านที่ต่อต้านรุนแรงก็แทบจะฆ่าจนเืชโลมไปทั่วหมู่บ้าน
ปีที่ผ่านมาจำนวนครั้งที่ออกปล้นฆ่าวางเพลิงยกกองอย่างน้อยก็มีสามสิบครั้ง
เวลาปกติยามว่างพวกโจรสองคนสามคนก็ยังจับกลุ่มเล็กๆ ออกไปยังที่ห่างไกล ปล้นคนที่ผ่านทางไปมาปล้นทรัพย์กับปล้นสวาทไม่เคยแยกออกจากกัน หากพบผู้หญิงหน้าตางดงามล้วนไม่ปล่อยไป
ขอเพียงร่วมพรรคฝูเวยมากกว่าหนึ่งปี ก็เพียงพอให้บนมือเปื้อนเืคนถึงสิบชีวิต
เสวียนเทียนรู้ดี พวกโจรเหล่านี้รอดไปได้หนึ่งคนสำหรับชาวบ้านทั่วไปก็เป็หายนะอย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงกันประตูค่ายให้โจรพรรคฝูเวยไม่อาจหลบหนีไปได้
วิชาตัวเบาของบรรดาโจรพรรคฝูเวยไม่อาจสู้เสวียนเทียนได้กำแพงสูงสิบห้าเมตร พวกเขาไม่อาจะโทีเดียวข้ามไปได้
แต่ประตูค่ายก็ถูกเสวียนเทียนขวางไว้แล้วตอนนี้แม้แต่ตัวประตูก็ยังคงปิดอยู่ ต่อให้ผ่านเสวียนเทียนไปที่สลักประตูได้ก็ยังต้องเปิดประตูก่อนถึงจะออกไปได้เวลาเท่านี้ก็เพียงพอให้เสวียนเทียนสังหารพวกเขาได้เป็สิบครั้งแล้วจะหนีออกไปทางประตูแทบเป็เื่เป็ไปไม่ได้
แต่จิตสังหารของเสวียนเทียนแรงกล้าเข่นฆ่าโจรพรรคฝูเวย เืไหลเป็แม่น้ำ โจรเหล่านี้ขวัญผวาหมดความกล้ารู้ว่ารั้งอยู่ในค่ายมีแต่ตายสถานเดียว ถึงแม้จะไม่มีปัญญาะโข้ามกำแพงได้ก็ทยอยกันปีนขึ้นไปบนกำแพงแทน
เสวียนเทียนยืนอยู่ที่ประตูค่ายไม่ขยับกระบี่หิมะเหมันต์ในมือส่องแสงเจิดจ้า หนึ่งกระบี่ฟันลงมารัศมีกระบี่สายหนึ่งพลันพุ่งทะยานออกมา โจรคนหนึ่งที่ห่างจากเสวียนเทียนไปสามสิบก้าวเพิ่งปีนขึ้นกำแพงมาได้ก็ถูกรัศมีกระบี่ฟันแขนขาดทั้งสองข้างตกลงมา
ปราณกระบี่เปลี่ยนเป็รัศมีกระบี่เป็ความสามารถของยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ในร่างกายมีปราณแท้ชั้นเบิกนภาใช้ปราณแท้ชั้นเบิกนภาเร่งขับเคลื่อนปราณกระบี่ถึงจะทำได้ พลังโจมตีของรัศมีกระบี่รุนแรงกว่าปราณกระบี่ร้อยเท่า
ปราณกระบี่อย่างไรก็เป็เพียงลมสายหนึ่งเมื่อออกห่างจากกระบี่ พลังโจมตีก็ลดลงไปมาก ยามฟันเข้าร่างคนบางทีอาจตัดผ่านผิวผ่านเนื้อได้ แต่ไม่อาจสะบั้นแขนทั้งแขนให้ขาดได้
แต่รัศมีกระบี่ เป็ปราณกระบี่ที่ควบแน่นจนจับต้องได้าแที่สร้างขึ้นไม่เป็เช่นปราณกระบี่ที่แค่ลมสายหนึ่งวิ่งตัดผ่านแล้วผ่านไปแต่ราวกับกระบี่จริงๆ ฟันเข้าไปในร่าง เป็พลังโจมตีที่มีรูปร่างจับต้องได้เป็รองตัวกระบี่จริงๆเล่นงานอยู่เพียงเล็กน้อย
พลังวัตรของเสวียนเทียนบรรลุถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าปราณเบิกนภาฝึกได้ถึงขั้นหก เหลือเพียงอีกขั้นเดียวก็จะบรรลุโดยสมบูรณ์
ปราณเบิกนภาแม้ว่าจะร้ายกาจแต่เดิมทีต้องฝึกถึงขั้นที่เจ็ดถึงจะมีกลิ่นไอของปราณแท้ชั้นเบิกนภาทำให้ปราณกระบี่แปรเปลี่ยนเป็รัศมีกระบี่ได้ แต่กระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วของเสวียนเทียนเล่มนั้นเห็นได้ชัดว่าทำให้คุณภาพปราณกระบี่ของเสวียนเทียนดีขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ
เหมือนกับที่ตอนเสวียนเทียนมีพลังวัตรอยู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกก็สามารถใช้ปราณกระบี่ออกมาได้ทั้งที่ปราณกระบี่เป็ความสามารถที่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดถึงจะใช้ออกมาได้นี่เห็นได้ชัดว่าเป็เหตุมาจากกระบี่หยกสีขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วเล่มนั้นทำให้พลังภายในของเสวียนเทียนกลายเป็ปราณกระบี่ออกไปโจมตีได้คุณภาพพลังภายในสูงขึ้นกว่าเดิม
ปราณกระบี่ที่เปลี่ยนเป็รัศมีกระบี่ของเสวียนเทียนยังคงจางอยู่มากเลือนราง เช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง เพิ่งแตะขอบผิวของการเปลี่ยนปราณกระบี่ไปสู่รัศมีกระบี่
ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภา ยิ่งพลังวัตรสูงขึ้นปราณกระบี่ก็ยิ่งควบแน่นกลายเป็รัศมีกระบี่มากขึ้นเล่ากันว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาที่ฝีมือแข็งแกร่งสามารถควบแน่นรัศมีกระบี่จนกลายเป็สสารแทบจะมีพลังโจมตีเท่ากับตัวกระบี่จริงๆ ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย หนึ่งกระบี่ฟันออกไปรัศมีกระบี่ส่งออกไปได้ไกลถึงพันก้าว เด็ดชีวิตศัตรูได้ไกลกว่าพันก้าว
เสวียนเทียนยืนอยู่ที่ประตูค่าย นิ่งไม่ขยับ แต่กระบี่หิมะเหมันต์หนึ่งกระบี่ฟันออกไปปราณกระบี่ล้วนควบแน่นกลายเป็รัศมีกระบี่ ที่ซึ่งรัศมีกระบี่ตัดผ่าน โจรที่ปีนกำแพงอยู่ไม่แขนทั้งสองขาดก็ถูกฟันขาสองข้างขาดสะบั้น ไม่ก็ร่างขาดเป็สองท่อนไปเลย ร่วงตกลงมาจากกำแพง
ประตูค่ายตั้งอยู่ตรงกลางของกำแพงจุดที่ห่างออกไปทางซ้ายและทางขวา ล้วนไม่เกินร้อยก้าว หลังจากที่โจรบนกำแพงใกล้ๆ โดนฟันร่วงลงมาหมดแล้วรัศมีกระบี่ที่เสวียนเทียนฟันออกมาก็ยิ่งไกลขึ้น ท้ายที่สุดก็ถึงสุดขอบกำแพงโจรที่อยู่ห่างออกไปร้อยก้าวก็ถูกฟันตกลงมา
รัศมีกระบี่ไปได้ไกลถึงห้าหกสิบก้าวก็เริ่มแตกกระจายแล้วพอห่างออกไปร้อยก้าวก็แทบเลือนรางไปจนหมดกลายเป็ปราณกระบี่ไปแต่พลังโจมตีก็ไม่ได้ต่ำต้อยต่อให้ไม่ตัดแขนขาโจรขาดสะบั้นก็ฟันตัดผ่านเนื้อหนังจนเป็แผลให้โจราเ็ไปไม่น้อย
ปราณกระบี่ฟันไปได้ไกลเกินกว่าร้อยก้าวนี่ก็เป็ความสามารถที่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาถึงจะทำได้
ไม่ว่าจะเป็ปราณกระบี่กลายเป็รัศมีกระบี่ หรือเป็ปราณกระบี่ก็ฟันได้ไกลกว่าร้อยก้าวความสามารถเหล่านี้แทบจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาแล้ว
ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ผู้ที่เข้าสู่ชั้นเบิกนภาได้ ความสามารถต่างกับชั้นผู้ฝึกยุทธ์ราวฟ้ากับดินดังนั้นจึงมักเรียกผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาว่ายอดฝีมือชั้นเบิกนภา
การทำให้ปราณกระบี่กลายเป็รัศมีกระบี่เป็สิ่งที่สิ้นเปลืองพลังภายในอย่างมาก ต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาในร่างมีปราณแท้ของชั้นเบิกนภาก็ไม่สามารถใช้รัศมีกระบี่โจมตีต่อเนื่องออกมาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้รัศมีกระบี่โจมตีระยะไกล ยิ่งไกลก็ยิ่งสิ้นเปลืองหนักขึ้น
เสวียนเทียนใช้ปราณกระบี่เปลี่ยนเป็รัศมีกระบี่โจมตีโจรร่วงตกไปถึงสี่สิบกว่าคน ก็เริ่มรู้สึกว่าพลังภายในร่างไม่เต็มเปี่ยมแล้วไม่สามารถใช้รัศมีกระบี่โจมตีได้อีกไม่อย่างนั้นแล้วเกรงว่าจะทำให้ตัวเองเหนื่อยตายเสียก่อน กลายเป็หมดเรี่ยวแรงแทน
กำแพงด้านหนึ่งโจรที่ปีนขึ้นไปโดนเสวียนเทียนฟันตกลงมาหมดแล้วอีกฝั่งหนึ่งยังมีโจรหลายสิบคนกำลังปีนกำแพงอยู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นพลังวัตรขั้นเก้าสองคนถึงกับะโข้ามกำแพงออกไปแล้ว
เสวียนเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งกดลงไปที่จุดตันเถียน สองขากระทืบพื้น ทั้งร่างลอยขึ้นไปบนอากาศพริบตาะโขึ้นไปสิบกว่าเมตร
เทียบกับตอนที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดพลังภายในของเสวียนเทียนตอนนี้เหลือเพียงสองสามส่วน ความสามารถใช้ออกมาได้ประมาณเจ็ดส่วนไม่อาจะโข้ามกำแพงในอึดใจเดียวได้แต่เสวียนเทียนยังข้ามกำแพงได้เร็วกว่าพวกโจรเ่าั้อยู่มาก
สองขาเหยียบบนกำแพง หยิบยืมพลังร่างกายก็พุ่งขึ้นไปอีกครั้งอีกสามเมตรกว่า หลังจากนั้นก็ยืมพลังอีกครั้งหนึ่งก็ะโข้ามกำแพงได้ วิ่งทะยานไปหาโจรพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าสองคนเหมือนดั่งเสือชีตาห์วิ่งทะยาน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าสองคนใจนขวัญหายสติกระเจิง รีบร้อนแยกกัน พุ่งไปทางป่าเขาสองข้าง
ผ่านไปเกือบสิบกว่าลมหายใจเสวียนเทียนก็ตามคนที่หนึ่งทัน แสงกระบี่ฉายวาบ คนผู้นั้นหลบหลีกไม่ทันโดนหนึ่งกระบี่แทงทะลุหน้าอก ค่อยหันกลับหลังมองหาอีกคนหนึ่งเขาพุ่งเข้าไปในป่าเขาอีกด้านหนึ่งหายไปไม่เห็นแล้ว
น่าเสียดาย ในที่สุดก็หนีรอดไปคนหนึ่งจนได้!
อย่าบีบคนจนตรอกเสวียนเทียนรู้หลักการนี้อย่างลึกซึ้ง ฝ่ายตรงข้ามวิ่งเข้าไปในป่าแล้วต่อให้ให้วิชาตัวเบาของเสวียนเทียนแกร่งกว่าเขาโอกาสที่จะตามไปทันก็ยังน้อยยิ่งกว่าน้อย
เสือชีตาห์เหมาะที่จะวิ่งทะยานอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างเมื่อเข้าไปในป่า ความเร็วก็จะถูกจำกัด ศาสตร์เงาพยัคฆ์ก็เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโจรจำนวนมากกว่าข้ามกำแพงหนีออกมาจากค่าย
เงาร่างของเสวียนเทียนพริบตาก็หายไปมุ่งไปสังหารโจรที่กำลังหนีออกมา ปราณกระบี่ฟาดฟัน แสงสว่างตวัดวาบโจรที่เพิ่งข้ามกำแพงมาทยอยจบชีวิตใต้คมกระบี่ของเสวียนเทียน
ยังมีโจรอีกหลายคนอยู่บนกำแพงพอเห็นสภาพก็ใจนขาอ่อน ตกลงมาเอง เสวียนเทียนทะยานเข้าไปที่ประตูค่ายกระบี่หนึ่งฟันออกมา ไม้ยาวที่กั้นประตูค่ายอยู่ส่งเสียงหักครึ่งเสวียนเทียนถีบทีหนึ่ง ประตูค่ายก็เปิดออก
โจรหลายคนที่ยังเหลือในค่ายใจนปัสสาวะไหลออกมา วิ่งได้ก็หนี
คนเหล่านี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดไม่อย่างนั้นปีนข้ามกำแพงคงไม่ช้าจนตกมาอยู่ท้ายแถวเช่นนี้พูดถึงความเร็วแล้วจะมาเทียบกับเสวียนเทียนได้อย่างไร?
เสียงกรีดร้องหลายเสียงดังขึ้น ไม่นาน นอกจากโจรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่งที่ล้มกองอยู่ที่พื้นโจรทั้งหมดก็จบชีวิตลงปรโลก
เสวียนเทียนมองพื้นที่เกลื่อนศพเท้าของเสวียนเทียนรู้สึกเบาหวิวจนเดินโซเซ การต่อสู้ครั้งนี้โจรพรรคฝูเวยสองร้อยกว่าชีวิต แทบทั้งหมดจบชีวิตลงในมือของเสวียนเทียนถึงแม้ความสามารถของเสวียนเทียนจะแกร่งเกินโจรทั้งหลายอยู่มาก แต่ก็ฆ่าจนแขนล้าพลังภายในแทบจะใช้ไปจนหมด
ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือยังมีโจรคนหนึ่งที่หนีรอดไปได้ไม่อาจกำจัดภัยนี้ให้หมดสิ้นได้
แต่พรรคฝูเวยก็นับว่าถูกถอนรากถอนโคนแล้วจากนี้หมดสิ้นชื่อ โจรคนหนึ่งที่หนีรอดไป ถ้าไม่ไปพึ่งพากลุ่มอำนาจอื่นก็ยากที่จะสร้างเื่เดือดร้อนใหญ่โตอะไรได้อีกชาวบ้านแถวนี้นับว่าปลอดภัยอีกพักหนึ่งแล้ว
เสวียนเทียนกินยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณชั้นกลางอย่างละหนึ่งเม็ดเข้าไปนั่งลงกับพื้น หลับตาสงบลมหายใจทันที
ผ่านไปครึ่งชั่วยามเสวียนเทียนถึงลืมตายืนขึ้นมา ความเหนื่อยล้าทั่วร่างหายไปหมดพลังภายในก็ฟื้นกลับมาแล้วโจรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนนั้นที่ถูกเล่นงานล้มกองอยู่กับพื้นในใจเคร่งเครียดพลันร่างกายก็สั่นขึ้นมา ท่อนล่างปัสสาวะไหลพรากออกมาเปียกกางเกงเป็ดวงใหญ่ แต่ตัวเองเหมือนไม่รู้ตัว
เสวียนเทียนไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาตรงๆกลับตรงไปที่ศพของโจรใกล้ๆ ควานหายาพลังปราณ ตั๋วเงิน หรือของมีค่า แล้วเก็บขึ้นมา
ที่ทุ่งม้าป่าคนที่เสวียนเทียนสังหารล้วนเป็ลูกพรรคชั้นสูงของพรรคฝูเวยโจรเ่าั้พลังวัตรค่อนข้างสูง ดังนั้นตั๋วเงินที่ตัวก็ค่อนข้างเยอะโจรที่รั้งอยู่ในค่าย บนตัวยากไร้อยู่บ้างมีตั๋วเงินแค่พันสองพันตำลึงกับยาพลังปราณจำนวนนิดหน่อย
แต่โจรในค่ายมีจำนวนมากอีกทั้งยังมีโจรบางส่วนเป็พวกที่หนีกลับมาจากทุ่งม้าป่า โดยทั่วไปเป็พวกพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดตั๋วเงินบนตัวมีเท่าๆ กับโจรที่เขาฆ่าที่ทุ่งม้าป่า มีเงินอย่างน้อยหลายพันตำลึงมากหน่อยก็ถึงหมื่นตำลึง
ผ่านไปไม่นานเสวียนเทียนก็ค้นศพของโจรทั้งหมดจนสิ้น เก็บตั๋วเงินได้อีกหกแสนกว่าตำลึงทั้งยังได้ยาพลังปราณมาอีกกองใหญ่ ต้องใช้ถุงมาใส่ไว้มูลค่าทั้งหมดมากกว่าสามแสนสองหมื่นตำลึง
หลังทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นเสวียนเทียนถึงมาตรงหน้าของโจรที่ถูกสกัดจุดผู้นั้นเค้นถามรายละเอียดทั้งหมดของพรรคฝูเวย อย่างเช่น โกดังเก็บข้าวของ หรือคลังที่เก็บเงินไว้โดยเฉพาะที่อยู่ของหัวหน้าใหญ่ หัวหน้ารอง หัวหน้าสามเป็ต้นสถานที่เหล่านี้อาจจะเก็บสมบัติจำนวนมหาศาลเอาไว้
โจรผู้นี้ปัสสาวะอุจจาระราดหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็เื่ที่เสวียนเทียนถามหรือเื่ที่เสวียนเทียนไม่ได้ถามทุกสิ่งเกี่ยวกับพรรคฝูเวย เขาล้วนตัวสั่นหลุดเล่าออกมา
เสวียนเทียนไม่ได้ยินยังพอว่า แต่พอได้ยินก็โกรธจัดที่แท้พรรคฝูเวยนี้ถึงกับสร้างห้องขังไว้กักขังเด็กสาวและหญิงสาวชาวบ้านไว้เพื่อให้โจรเหล่านี้ดับกระสันเวลาปกติ คนที่ถูกขังมีจำนวนถึงร้อยคน
เสวียนเทียนจบชีวิตโจรผู้นั้นในหนึ่งกระบี่ไม่ทันได้ไปเสาะหาสมบัติก็ตรงไปที่ห้องขัง วันนี้พรรคฝูเวยเจอภัยร้ายโจรทั้งหมดล้วนแต่มุ่งออกมาหนีเอาตัวรอด ในค่ายแทบไม่มีโจรเหลืออยู่เสวียนเทียนเปิดห้องขังที่คุมขังหญิงสาวชาวบ้านไว้ ปล่อยคนทั้งหมดออกมาพาพวกนางไปที่คอกม้า จูงม้าออกมาให้พวกนางคนละตัว แบ่งตั๋วเงินให้จำนวนหนึ่ง ให้พวกนางขึ้นม้าแยกกันกลับไปยังหมู่บ้านของตัวเองตามหาญาติของตนเอง
รอจนหญิงสาวชาวบ้านเ่าั้จากไปอย่างซาบซึ้งบุญคุณแล้วเสวียนเทียนก็มุ่งกลับไปยังคลังสมบัติที่เก็บข้าวของและเงินทองของพรรคฝูเวย