ภายใต้แสงจันทร์ร่วมฟ้าเดียวกัน เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังไม่หลับ
หากเป็ปรกติวันเวลานี้เธอควรหลับฝันหวานไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ได้แต่หาวหวอด พยายามข่มกลั้นความง่วงเอาไว้
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
ก็เป็เพราะใครบางเพิ่งหัดเล่นผู่เค่อไม่นานก็ติดงอมแงมเสียจนทำไพ่กระดาษซึ่งไม่หนาเท่าไรพังหมดน่ะสิ
ดังนั้น ผูหยางชิงหลันจึงรีบให้คนไปซื้อกระดาษหนาที่สุดกลับมา
ท่านหญิงหย่งเจียกับพวกอูหลันฮวาล้วนมารวมตัวกันที่ห้องของเธอ เพื่อทำไพ่ผู่เค่อชุดใหม่
ค่ำคืนเริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากหาวพลางเสนอให้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน ก็เลยได้แต่ต้องฝืนทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าอยู่เป็เพื่อนพวกนาง
เธอรับผิดชอบหน้าที่ร่างแบบไพ่ด้วยดินสอถ่าน มีไพ่โพธิ์ดำ โพธิ์แดง ดอกจิก ข้าวหลามตัด แล้วก็ไพ่โจ๊กเกอร์
ไพ่โพธิ์แดงกับข้าวหลามตัดครั้งก่อนเธอปล่อยว่างๆ ไม่ระบายสี แต่ครั้งนี้มีท่านหญิงหย่งเจียอยู่ด้วย นางจึงรับหน้าที่ระบายสีลงไป
ไพ่โจ๊กเกอร์เธอก็ถือโอกาสเปลี่ยนมาเป็รูปผี โดยวาดรูปหัวกะโหลกสวมหมวกลงไป
ตัวอักษรภาษาอังกฤษ เธอคร้านจะแก้ จึงให้พวกเขาท่องจำกันเอาเอง
ส่วนรายละเอียดความหมาย เธอบอกแค่ว่ามันเป็เพียงสัญลักษณ์ มิได้สื่อถึงสิ่งใด
ความสามารถในการยอมรับสิ่งใหม่ๆ ของทุกคนนับว่าดีเยี่ยม หลังจากเล่นกันอยู่สองวัน แม้แต่คนหัวช้าอย่างอูหลันฮวาก็ยังคิดพลิกแพลงการเล่นไปได้อีกหลายวิธี
เล่นกันจนติดงอมแงม ตอนนี้เธอกับเสี่ยวเหล่ยกำลังง่วนอยู่กับการตัดกระดาษ เตรียมทำไพ่ผู่เค่อชุดที่สอง
อาเหลยก็เข้ามาร่วมวงครึกครื้นไม่หลับไม่นอน นั่งเล่นเศษกระดาษอยู่ด้านข้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือหนึ่งเท้าคาง อีกมือจับดินสอถ่านวาดๆ เขียนๆ บนแผ่นกระดาษ ท่านหญิงหย่งเจียรับหน้าที่ระบายสีต่อจากเธอ
"กระดาษแบบนี้บางเกินไป"
ยกขึ้นมาเขย่าๆ ไม่ได้มีความแข็งแรงเลยสักนิด แค่ถือไม่ระวังหน่อยก็ยับเสียแล้ว
"นี่น่าจะเป็กระดาษชนิดหนาที่สุดแล้ว" ท่านหญิงหย่งเจียใช้พู่กันขนแพะจุ่มสีชาดก่อนร่างเป็รูปโพธิ์แดงคล้ายหัวใจ แล้วระบายสีเติมให้เต็ม
สีหน้าของนางจริงจังมาก แต่ละเส้นที่จรดพู่กันลงไปพิถีพิถันราวกับกำลังวาดภาพขุนเขาเขียวขจี
วันนี้ผูหยางชิงหลันอดใจไม่ไหวแล่นมาเล่นผู่เค่อกับพวกนาง ทำให้ท่านหญิงหย่งเจียดีใจอย่างมาก
แน่นอนว่านางไม่แสดงออกทางสีหน้า เดิมทีแค่อยากจะเรียนรู้การละเล่นใหม่ๆ แต่กลับกลายเป็จริงจังขึ้นมา
"จะหนาที่สุดได้อย่างไร เห็นชัดอยู่ว่าหนากว่ากระดาษเซวียนจื่อไม่เท่าไรเอง" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก "ไม่รู้ว่าที่ไหนมีโรงกระดาษ หากสามารถไปสั่งทำกระดาษชนิดหนามาลองดูก็คงจะดี"
ท่านหญิงหย่งเจียได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นดวงตาทอประกายวาว "เสี่ยวหรั่น เ้าอยากสั่งทำกระดาษรึ? ข้ามีโรงกระดาษในนามข้าอยู่แห่งหนึ่ง แต่ที่นั่นมีแต่กระดาษประเภทเซวียนจื่อ ส่าจินจื่อ [1] แล้วก็ฮวั่นฮวาเจียน [2] ไม่เคยทำกระดาษหนามาก่อนเลย"
่สองสามวันมานี้ นางแล่นมานั่งรถม้าคันเดียวกับเซวียเสี่ยวหรั่น จึงเปลี่ยนมาเป็เรียกชื่อให้ดูสนิทสนมกันมากขึ้น
ตอนแรกเซวียเสี่ยวหรั่นยังไม่เข้าใจว่านางมีความคิดอย่างไร พอหลายครั้งเข้า เธอจะไม่เข้าใจความหมายของนางได้อย่างไร
ั้แ่ท่านหญิงหย่งเจียมาหา ผูหยางชิงหลันก็ไม่มาสนทนากับเธอเหมือนเคย เซวียเสี่ยวหรั่นได้แต่นึกเสียดาย เห็นชัดอยู่ว่าสองคนนี้ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน
แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรขวางกั้นอยู่ตรงกลาง ถึงได้เล่นแง่ปั้นปึ่งใส่กันเช่นนี้
เธอเป็เพียงคนนอกพูดอะไรไม่สะดวก สุดแล้วแต่พวกเขาก็แล้วกัน
อย่างไรเสียไม่ว่าใครมา เธอก็พร้อมคุยเป็เพื่อนอยู่แล้ว
เพียงแต่เธอยังไม่คุ้นเคยกับท่านหญิงหย่งเจียเท่าไร หัวข้อสนทนาของทั้งสองจึงดูแห้งแล้งอยู่บ้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดมาคิดไป จึงหาของเล่นสนุกๆ มาฆ่าเวลา ครั้นแล้วจึงนำกระดาษมาตัดเป็ไพ่ผู่เค่อ แล้วสอนให้พวกนางเล่น
เดิมทีนึกว่าพวกนางคงรับการละเล่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแบบนี้ไม่ไหว ที่ไหนได้จะหนึ่งคนสองคนล้วนติดกันงอมแงม
ยามได้ยินว่าท่านหญิงหย่งเจียมีโรงกระดาษภายใต้นาม ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นก็ทอประกายวาว "วิธีทำกระดาษส่วนใหญ่จะเหมือนกัน แตกต่างกันเพียงรายละเอียดปลีกย่อย แต่ไม่เกินขอบเขตเื่วัตถุดิบกับวิธีการ ดังนั้นเพียงแค่รู้หลักการพื้นฐาน ก็คงไม่ยากที่จะผลิตออกมา"
"เช่นนั้น ข้าจะให้คนส่งสารกลับไป ให้พวกเขาลองดู" ท่านหญิงหย่งเจียแลดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
"อื้ม แต่ก็ไม่ควรให้พวกเขาเสียแรงเปล่าๆ การตั้งรางวัลก็ช่วยกระตุ้นให้พวกเขามีความกระตือรือร้นมากขึ้น" เซวียเสี่ยวหรั่นวาดรูปเอดอกจิก พลางกล่าวเสนอความคิดเห็น "กระดาษแข็ง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ต่อไปพวกเ้าสามารถทำเป็ธุรกิจได้"
ท่านหญิงหย่งเจียมองเซวียเสี่ยวหรั่น แววตกตะลึงแกมประหลาดใจผุดวาบในดวงตา ดูเหมือนนางจะเข้าใจเหตุผลที่ผูหยางชิงหลันชอบมาสนทนากับอีกฝ่ายแล้ว
"เอามาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างล่ะ"
"เอ้อ... ขอข้าคิดดูก่อน ส่วนใหญ่ก็ใช้เป็กล่องบรรจุสิ่งของ กระดาษแข็งสามารถนำมาทำเป็กล่องกระดาษใบเล็กสวยๆ ตอนที่เ้าไปซื้อของ ถ้าคนขายมีกล่องใบเล็กใส่ของให้ ก็สะดวกสบายขึ้นมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามนึกว่ากระดาษแข็งสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง
"ก็มีกล่องไม้อยู่แล้วมิใช่หรือ" ท่านหญิงหย่งเจียเข้าใจความหมายของนาง
"ต้นทุนของกล่องไม้สูงกว่ากระดาษมาก นอกจากนี้ก็มีของบางอย่างที่ไม่สะดวกใส่กล่องไม้ เช่นขนมอบ ผลไม้แห้ง ขนมเปี๊ยะน้ำตาล" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ย
"ของเ่าั้ใช้กระดาษน้ำมันห่อเอาก็ได้" อูหลันฮวาอดไม่ได้เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง
"อื้อ ส่วนใหญ่ใช้กระดาษน้ำมัน แต่ถ้าเป็ร้านค้าที่มีระดับ การใช้กล่องกระดาษจะช่วยให้ดูมีราคากว่าอย่างเห็นได้ชัด" เซวียเสี่ยวหรั่นอธิบาย
"ปรกติพวกขนมและผลไม้แห้งจะใส่ในกล่องฉวนเหอ แลดูงดงาม" ท่านหญิงหย่งเจียเตือนอีกประโยค
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงันไป มือที่วาดภาพอยู่ก็หยุดชะงัก
เอาเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่ควรละเลยภูมิปัญญาของคนโบราณ
"อืม... กล่องกระดาษมีความประณีตกว่ากระดาษน้ำมัน และราคาถูกกว่ากล่องฉวนเหอ ก็น่าจะมีคนชอบบ้างล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหน้าผาก นึกไม่ออกว่ากระดาษแข็งจะเอามาทำอะไรได้อีก
องค์หญิงหย่งเจียเม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ "เอาไว้ทำออกมาได้ก่อนค่อยว่ากัน ยังไม่รู้เลยว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า"
"น่าจะทำได้แหละ แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นขยี้ตา ก่อนขยับดินสอต่อไป
"หลันฮวา ข้าวาดพวกนี้เสร็จเมื่อไรก็จะเข้านอนแล้วนะ พวกเ้าค่อยเอาไปเล่นพรุ่งนี้เถอะ"
"คิกๆ คุณหนู คือว่าเดี๋ยวพวกเราจะเล่นกันต่อเ้าค่ะ" อูหลันฮวาขยิบตากับเซวียเสี่ยวเหล่ย
"ได้ แล้วแต่พวกเ้าเลย แต่อย่านอนดึกนักล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ห้ามพวกเขา
ทั้งสองรีบพยักหน้า
ดวงจันทร์ด้านนอกลอยขึ้นสูง แสงจันทร์สีนวลกระจ่างสาดส่องลงมายังประตูหน้าต่างที่เปิดอยู่
แสงตะเกียงจากเรือนฝั่งตรงข้ามยังคงสว่างไสว
ผูหยางชิงหลันยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองบรรยากาศครึกครื้นของห้องฝั่งตรงข้าม แต่สีหน้ากลับดำทะมึน
เหตุใดตนเองถึงขาดความยับยั้งชั่งใจ ต้องแล่นไปเล่นไพ่อะไรนั่นให้ได้
ต่อจากนี้ไปคิดจะวางสีหน้าเ็าใส่ก็คงยากแล้ว
ผูหยางชิงหลันยังทำหน้าบึ้งตึงต่อไป
เสียงหัวเราะคิกคักจากห้องตรงข้ามดังมาระลอกหนึ่ง ยามมองออกไป เห็นดวงหน้าแฉล้มทอยิ้มไปจนถึงหางตา
ผูหยางชิงหลันมิอาจถอนสายตาไปไหนชั่วขณะ
นางไม่ได้ยิ้มเบิกบานเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว
หัวใจของเขาสั่นไหว ดวงตาฉายแววยินดีเจือหม่นเศร้า ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่เป็นานสองนาน
...
[1] ส่าจินจื่อ ( 洒金纸) คือกระดาษสาที่มีผงทองแทรกอยู่ มักใช้เป็กระดาษสำหรับเขียนคำอวยพรในงานมงคลต่างๆ มีทั้งพื้นออกขาวเหลือง และพื้นสีแดง
[2] ฮวั่นฮวาเจียน (浣花笺) เป็ชื่อกระดาษชนิดหนึ่งซึ่งเป็กระดาษที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มักตัดให้มีขนาดเล็ก เหมาะกับการเขียนบทกวี คิดค้นโดยกวีหญิงชื่อเซวียเถา สมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็ยุคที่งานวรรณกรรมเฟื่องฟู เล่ากันว่า บ้านของเซวียเถาทำกระดาษหวนฮวาเจียนสิบสี โดยใช้วัตถุดิบชั้นยอดจากเมืองเฉิงตู ทำให้เนื้อกระดาษคงความสดใสไม่หม่นลงไปตามกาลเวลาเหมือนกระดาษชนิดอื่นๆ
