“พี่ใหญ่ บัดนี้พวกเราพี่น้องได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ท่านไม่ต้องเป็ห่วงข้า ข้าก็ไม่ต้องเป็ห่วงท่าน ต่อไปนี้พวกเราต่างใช้ชีวิตให้ดี ทำทุกวันให้มีความสุข ท่านแม่ที่อยู่บน์จะได้สบายใจ” อวิ๋นโส่วจงปลอบใจ
กล่าวจบสามพี่น้องก็ชนจอกดื่มสุราด้วยกัน พร้อมกับตกลงกำหนดหน้าที่ในการทำงานด้วยกัน อีกไม่นานก็จะถึงวันชุนเฟิน [1] แล้ว ควรจะเริ่มเพาะเมล็ดไถนา เตรียมตัวเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิได้แล้ว
หลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว ตกลงกันว่าอวิ๋นโส่วกวงเป็คนดูแลเื่การเพาะปลูก อวิ๋นโส่วเย่าเป็คนดูแลเื่การจ้างคนงาน ดูแลปศุสัตว์ และเครื่องมือการเกษตร
ส่วนฉี่ชิ่งกับฉี่เสียงตอนนี้ยังไม่ต้องเข้ามายุ่ง เพียงแค่เพาะปลูกในที่ดินส่วนที่พวกเขาเช่าไว้ก็พอ จากนั้นอวิ๋นโส่วจงก็มอบหมายงานอีกอย่างให้อวิ๋นฉี่เสียง ซึ่งนั่นก็คือช่วยดูแลวัวทั้งห้าตัว โดยมอบหมายให้อวิ๋นฉี่เสียงเป็คนเลี้ยงวัว ส่วนอวิ๋นโส่วจงจะให้ค่าจ้างเดือนละหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ [2]
ไม่ใช่ว่าอวิ๋นโส่วจงไม่อยากให้มากกว่านี้ แต่ในยุคนี้คนเลี้ยงวัวส่วนใหญ่ล้วนเป็ทาสหรือคนงานที่ทำงานให้กับเ้าของที่ดินทั้งนั้น ไม่เคยได้ยินว่ามีบ้านไหนจ่ายค่าจ้างให้กับคนเลี้ยงวัว
ยิ่งไปกว่านั้น ที่อวิ๋นโส่วจงให้อวิ๋นฉี่เสียงเลี้ยงวัวก็เพราะเขาคิดมาอย่างดีแล้ว ที่ดินที่เขาให้บ้านพี่ใหญ่เช่านั้นอยู่ติดกับเนินเขา มีทุ่งหญ้าเขียวขจี ไม่รบกวนเวลาทำงานในไร่นาของอวิ๋นฉี่เสียง
ที่สำคัญที่สุดคือ ในใจของอวิ๋นโส่วจง เงินของบ้านพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็เงินที่อวิ๋นเจียวหามาได้ เขาจะนำเงินของบุตรสาวมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ อนาคตเมื่อบุตรสาวออกเรือนไป ทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านจะต้องเก็บไว้เป็สินสอดทองหมั้นให้กับนาง
งานนี้ไม่รบกวนเวลาทำงาน แล้วยังได้เงินเพิ่มอีกต่างหาก ฉี่เสียงดีใจจนเนื้อเต้น รีบหันไปบอกจ้าวซื่อ “ท่านแม่ รอข้าได้เงินแล้วจะซื้อดอกไม้สวยๆ มาให้ท่าน ซื้อเนื้ออร่อยๆ มาให้ท่านกิน!”
จ้าวซื่อยิ้มอย่างเขินอาย “ท่านแม่แก่แล้ว ประดับดอกไม้ไปก็เท่านั้น เงินที่อาสองของเ้าให้น่ะ เ้าเก็บไว้เองเถิด ต่อไปแต่งงานแล้วก็เอาไปให้ภรรยาของเ้าดูแล!”
อวิ๋นฉี่เสียงพูดว่า “เช่นนั้นข้ายกเงินให้ท่านแม่เก็บไว้ก่อน ตอนนี้ข้ายังไม่ได้แต่งงานนี่ขอรับ!” คำพูดของอวิ๋นฉี่เสียงทำให้ทุกคนพากันหัวเราะออกมา หลังจากหยอกล้อกันสักพัก ทุกคนก็ขอตัวกลับบ้าน
พอชีวิตมีความหวัง พวกเขาก็กระตือรือร้นอยากจะตั้งใจทำงานให้ดี จึงไม่ได้อยู่พูดคุยนานนัก ต่างก็แยกย้ายกลับบ้านไปพักผ่อน เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำงานให้อวิ๋นโส่วจงในวันรุ่งขึ้น
วันต่อมา พอฟ้าสางอวิ๋นโส่วเย่าก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูล อวิ๋นโส่วจง้าจ้างคนงาน จึงต้องแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลทราบเสียก่อน
เื่ที่อวิ๋นโส่วจงซื้อที่ดิน ผู้ใหญ่บ้านรู้เื่อยู่แล้ว ดังนั้นตอนที่อวิ๋นโส่วเย่าไปหา เขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไร ส่วนหัวหน้าตระกูลอวิ๋นใจนพูดไม่ออกอยู่นาน ที่แท้ตระกูลอวิ๋นของพวกเขาก็มีเศรษฐีเ้าของที่ดินแล้วหรือนี่?
น่าเสียดายที่ลูกหลานที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ กลับไม่ได้อยู่ในบันทึกผังตระกูล แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกยินดีอยู่บ้าง อย่างน้อยอวิ๋นโส่วจงก็อยากจะเลือกคนงานที่เขาแนะนำ
ในตระกูล มีคนไม่น้อยที่ขัดสนไม่มีข้าวกินและไม่มีที่ดินทำกิน “...พี่รองของข้าบอกว่าเื่อื่นไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือต้องซื่อสัตย์ ขยันทำงาน พวกคดโกง ี้เี ไม่รับเข้าทำงานเด็ดขาด”
“ส่วนค่าจ้าง มีข้าววันละสองมื้อ เสบียงปีละแปดต้าน [3]!”
ทันทีที่อวิ๋นโส่วเย่าพูดจบ ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลก็ใอีกครั้ง ข้าววันละสองมื้อ เสบียงปีละแปดต้าน สวัสดิการดีขนาดนี้เชียวหรือ? มากกว่าคนงานของบ้านอื่นๆ ตั้งสองต้าน! แม้แต่พวกเขายังอดใจไม่ไหว ข้าวแปดต้านต่อปี สามารถเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวได้แล้ว!
ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าโส่วจงจะจ้างคนงานกี่คน?”
อวิ๋นโส่วเย่าตอบ “เนื่องจากพี่รองของข้าจะเก็บที่ดินไว้เพาะปลูกเองเพียงหนึ่งร้อยหมู่ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยหมู่จะให้เช่า ดังนั้นข้าคิดว่าจ้างคนงานห้าคนก็เพียงพอแล้ว หาก่ฤดูเพาะปลูกคนงานไม่พอ ก็ค่อยจ้างคนงานชั่วคราวมาเพิ่มได้ขอรับ”
หัวหน้าตระกูลพยักหน้า “นั่นสินะ ตอนนี้ข้าจะไปหาคนให้เ้าก่อน จากนั้นเ้าค่อยเลือกดูอีกที” กล่าวจบหัวหน้าตระกูลก็ตบไหล่อวิ๋นโส่วเย่า “โส่วเย่า เ้าเป็คนฉลาด ติดตามพี่รองของเ้าไว้ให้ดี เมื่อไหร่ที่เขาอยู่ดีกินดี เ้าก็จะได้สบายไปด้วย พ่อแม่ของเ้าบางครั้งก็ไม่ค่อยมีเหตุผล อย่าให้พวกเขามีอิทธิพลต่อเ้าเชียว!”
อวิ๋นโส่วเย่ารู้ดีว่าหัวหน้าตระกูลพูดก็เพราะหวังดี จึงรีบกล่าว “ขอบคุณท่านลุงใหญ่ที่เตือน ข้าจะจำคำพูดของท่านไว้ อ้อ ส่วนที่ดินอีกหนึ่งร้อยหมู่ ก็รบกวนท่านลุงใหญ่กับผู้ใหญ่บ้านช่วยหาคนซื่อสัตย์ขยันขันแข็งมาเช่าไปเพาะปลูกด้วยนะขอรับ”
“อืม พวกเราจะรีบกระจายข่าวนี้ออกไป รับรองว่าวันนี้เ้าจะต้องจัดการเื่นี้ให้กับพี่รองของเ้าจนแล้วเสร็จได้แน่นอน” อวิ๋นโส่วเย่าได้ยินดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก รีบประสานมือคำนับขอบคุณ
ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูล ในที่สุดเื่ทุกอย่างก็เรียบร้อยก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ที่ดินหนึ่งร้อยหมู่ถูกแบ่งเช่าให้หกครอบครัว ล้วนเป็ครอบครัวในหมู่บ้านที่ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง และมีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น พอรุ่งสางอวิ๋นโส่วกวงก็พาพวกคนงานลงไปทำงานในไร่แล้ว ที่ดินหนึ่งร้อยหมู่นี้ ต้องรีบไถให้เสร็จโดยเร็ว ต่อจากนี้ไปงานจะต้องรัดตัวขึ้นมาก ทั้งต้องหมักปุ๋ย ใส่ปุ๋ย เพาะเมล็ด แยกต้นกล้า ปักดำ เพาะต้นอ่อน...
เื่พวกนี้อวิ๋นเจียวไม่เข้าใจเลยสักนิด! จึงไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย! หลังจากที่บ้านของนางจ้างคนงานห้าคน คะแนนเถาเป่าของนางก็เพิ่มขึ้นสิบคะแนน
จากนั้นไม่กี่วัน คะแนนเถาเป่าของนางก็เพิ่มขึ้นอีกห้าคะแนน อวิ๋นเจียวยังไม่ทันจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถังสุ่ยก็แบกกวางหนึ่งตัวมาที่บ้านของนาง โดยเขาตั้งใจจะมาขอบคุณ!
แม้ว่ายาที่อวิ๋นเจียวให้ จะกินพร้อมกับยาที่เขาไปซื้อมา แต่ถังสุ่ยไม่ใช่คนโง่ ยาที่เขาไปซื้อมา ไม่ต่างจากยาที่เคยกินก่อนหน้านี้เท่าไรนัก ปู่ของเขาป่วยมานาน เขารู้จักยาพวกนั้นดี ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำให้ปู่ของเขามีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็คือยาที่อวิ๋นเจียวให้!
ถังสุ่ยไม่ใช่คนพูดจาไพเราะอ่อนหวานนัก เมื่อเขาวางกวางไว้ในห้องครัวของบ้านตระกูลอวิ๋นเสร็จแล้ว จากนั้นก็กล่าวทักทายคนในครอบครัวของอวิ๋นเจียวไม่กี่คำแล้วจากไปทันที
ฟางซื่อวิ่งไล่ตามเขาไปแต่ก็ไม่ทัน ท่านปู่ถังหายป่วยแล้ว นางจึงได้คะแนนเถาเป่าห้าคะแนน แล้วอีกสิบคะแนนก่อนหน้านี้ได้มาอย่างไรกันแน่นะ?
หรือว่าเป็เพราะบ้านนางจ้างคนงานห้าคน ช่วยแก้ปัญหาการว่างงานได้ห้าตำแหน่ง เถาเป่าจึงให้คะแนนคนละสองคะแนนงั้นหรือ? เพราะที่ดินผืนนั้น นางใช้เงินที่ขายสบู่ผลึกแก้วที่ซื้อจากเถาเป่าไปซื้อมา!
อวิ๋นเจียวพอจะเดาออกบ้างแล้ว ถึงกระนั้นนางก็ยังอยากพิสูจน์ให้รู้ชัด แต่ในเวลานี้ จู่ๆ ในหัวของนางก็มีเสียงดังขึ้นกะทันหัน
‘เพิ่มฟังก์ชันใหม่ ้าเปิดใช้งานหรือไม่?’ อวิ๋นเจียวรีบกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็จดจ่ออยู่กับภาพในหัว
อวิ๋นเจียว “ฟังก์ชันอะไร? เปิดใช้งานยังไง?”
ระบบเถาเป่า ‘พื้นที่มิติเก็บของถาวรหนึ่งตารางเมตร เปิดใช้งานด้วยคะแนนสิบคะแนน!’
อวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนแทบเต้น พื้นที่มิติเก็บของหรือ ดีจริงๆ หากมีพื้นที่มิติเก็บของ นางก็สามารถเก็บพวกของที่ซื้อจากเถาเป่า ที่ไม่สามารถให้คนอื่นเห็นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังใส่ของจำเป็สำหรับใช้ในยามฉุกเฉินลงไปได้ด้วย!
อวิ๋นเจียวรีบเลือกเปิดใช้งานด้วยความตื่นเต้น จากนั้นหน้าจอในหัวก็กะพริบขึ้นมา ที่ตำแหน่งของคะแนนก็ลดลงจากสิบเจ็ดคะแนนเหลือเจ็ดคะแนนทันที
ที่มุมล่างซ้ายของระบบ มีสัญลักษณ์รูปประตูเพิ่มขึ้นมา อวิ๋นเจียวใช้ความคิดกดเปิด ก็เห็นพื้นที่มิติเก็บของทรงลูกบาศก์ขนาดหนึ่งตารางเมตรปรากฏอยู่ตรงหน้า
นางรีบใช้พลังจิตจับจ้องไปที่ผ้าห่มบนเตียงอุ่น เพียงแค่คิด ผ้าห่มบนเตียงก็หายวับไป แล้วปรากฏขึ้นในพื้นที่มิติเก็บของตรงหน้านางทันที
เมื่อเห็นดังนั้น อวิ๋นเจียวก็ดีใจจนแทบะโโลดเต้น มหัศจรรย์จริงๆ ในที่สุดนางก็มีพื้นที่มิติเก็บของส่วนตัวแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] ชุนเฟิน (春分) เป็่ที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ตรงกับวันที่ 20 หรือ 21 มีนาคม ถือเป็จุดกึ่งกลางของฤดูใบไม้ผลิ เป็สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่และการเติบโต
[2] อีแปะ (铜钱) เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงของจีนในสมัยโบราณ มีลักษณะกลมและมีรูตรงกลางเพื่อสะดวกในการร้อยเก็บหรือพกพา
[3] ต้าน (石) ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ข้าวหนึ่งต้านมีน้ำหนักประมาณห้าสิบเก้ากิโลกรัม เท่ากับประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบจิน ข้าวแปดต้าน เท่ากับเก้าร้อยกว่าจิน ในสมัยโบราณเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวได้อย่างแน่นอน