ตอนกลับโจวเฉิงยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อย
เพราะโจวเฉิงต้องติดรถของหน่วยงานไปที่วิทยาลัย วันออกเดินทางเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่มีโอกาสได้ไปส่งโจวเฉิง พอเขาถึงวิทยาลัยแล้วก็ไม่สามารถเจอกันได้อีก ดังนั้นการบอกลาครั้งนี้ เท่ากับทั้งคู่จะไม่ได้เจอหน้ากันอีกนาน
เซี่ยเสี่ยวหลานหิ้วของกลับถึงหอพักก็เลยสามทุ่มแล้ว โจวเฉิงเองก็ต้องรีบกลับก่อนเวลาดับไฟของหน่วยงาน
คุณย่าโจวให้ของกินมาจำนวนไม่น้อย เพราะคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานใช้เงินซื้อบ้านจนหมด และกลัวจะไม่ได้กินอาหารดีๆ ที่มหาวิทยาลัย... จะว่าอย่างไรดี เซี่ยเสี่ยวหลานชอบคุณย่าของโจวเฉิงมากเหลือเกิน หญิงชราผู้ทำสิ่งใดค่อนข้างตามใจตัวเอง และไม่เหมือนกับย่าอวี๋ที่ปากร้าย คุณย่าของโจวเฉิงพูดจาน่าฟังยิ่งนัก
อยู่กับหญิงชราที่มีนิสัยเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่ชอบเล่า
ครอบครัวสันติสุขย่อมทำให้บรรยากาศของทั้งบ้านดูน่าอยู่ และคนในครอบครัวก็จะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น มุ่งหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ
หากที่บ้านมีคนชอบกวนน้ำให้ขุ่นอย่างแม่เฒ่าเซี่ย บ้านนั้นก็จะเต็มไปด้วยการวางแผนร้าย ทั้งบ้านมีแต่ความขัดแย้ง หากเป็เช่นนั้นแล้วจะสามัคคีร่วมใจกันสร้างความร่ำรวยให้กับตระกูลได้อย่างไร!
“ว้าว นี่คือของนำเข้าทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลาน ฉันขอตำหนิเธออย่างร้ายกาจ เธอทำอะไรนำหน้าชาวบ้านเขาอีกแล้วนะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานกลอกตา “ตอนพูด รบกวนคุณชาวบ้านช่วยคายลูกอมรสนมในปากก่อนได้หรือไม่”
ซูจิ้งหัวเราะร่า “ไม่มีทาง”
ทุกคนล้วนรู้ขอบเขตดี ล้อเล่นก็ส่วนล้อเล่น ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเอาของกินอะไรกลับมาพวกเขาก็มักจะพูดหยอกเย้าพอเป็พิธีเท่านั้น นี่คือนิสัยอย่างหนึ่งที่ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานชอบเพื่อนห้อง 307 มากที่สุด แม้ทั้งแปดคนจะมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่ายังไม่เห็นใครชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา และหากไม่ใช่คนเลวร้าย เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอาจจะเป็เพื่อนที่ได้ไปมาหาสู่กันทั้งชีวิต
วันที่โจวเฉิงออกเดินทางไปวิทยาลัยคือวันสอบแข่งขันภาษาอังกฤษรอบคัดเลือกครั้งสุดท้าย
ปักกิ่งในเดือนธันวาคมเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว เซี่ยเสี่ยวหลานสวมชุดขนเป็ดเข้าร่วม ‘การแข่งขันภาษาอังกฤษรอบก่อนชิงชนะเลิศของนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับประเทศ’ ที่ทางกระทรวงศึกษาธิการของกรุงปักกิ่งจัดขึ้น นักศึกษาจากทุกสถาบันในปักกิ่งที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ที่มหาวิทยาลัยจิงเม่า
หลังเซี่ยเสี่ยวหลานไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหัวชิงนี่ก็ผ่านมาแล้วสามเดือนกว่า ทว่าเฉินชิ่งที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยจิงเม่ายังไม่เคยไปหาเธอที่หัวชิงเลยสักครั้ง
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ว่างมาหาเฉินชิ่งเช่นเดียวกัน หลังเข้าเรียนเธอก็ยุ่งมาโดยตลอด วันธรรมดายุ่งกับเื่เรียน พอสุดสัปดาห์ก็มีธุระอื่นให้ต้องสะสาง เดี๋ยวก็ต้องไปหาโจวเฉิง เดี๋ยวก็ต้องไปเผิงเฉิง ไหนจะไปดูบ้าน... ความจริงนี่คือการแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สนิทกับเฉินชิ่งขนาดนั้น คนที่สำคัญจริงๆ ต่อให้งานยุ่งแค่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมสามารถเจียดเวลาไปหาได้ ดั่งเช่นที่เธอไปหาโจวเฉิง
พอยุ่งแล้วลืม แสดงว่าเฉินชิ่งไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด
วันปกติไม่เท่าไร แต่พอมาถึงจิงเม่าแล้วไม่ไปเยี่ยมเฉินชิ่งเสียหน่อยก็คงจะดูไม่งามน่ะสิ
วันนี้ไม่ใช่วันที่อากาศแจ่มใส ทั้งลมแรงและมีฝนตก เซี่ยเสี่ยวหลานสวมเสื้อขนเป็ดยาวคลุมถึงเข่าก็ยังรู้สึกหนาวที่ขา ใบหน้าที่อยู่นอกร่มผ้าก็รู้สึกชาไปหมด เื่แบรนด์เสื้อผ้าของเฉินซีเหลียงนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป แต่การสนิทกับเฉินซีเหลียงก็มีข้อดีเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสั่งผลิตเสื้อผ้าในแบบที่ตัวเองชอบได้ ขั้นต่ำในการผลิตไม่ต้องมากถึงหลายร้อยตัว เพียงหนึ่งร้อยตัวโรงงานผลิตเสื้อผ้าเฉินอวี่ก็ยินดีทำให้เธอแล้ว
ตอนนี้พวกเสื้อขนเป็ดกับเสื้อกันหนาวมักจะสั้นแค่เอวเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจึงคิดถึงเสื้อขนเป็ดแบบยาวมากเหลือเกิน หากใส่มันออกจากบ้านคงเหมือนได้ห่มผ้าไปด้วยแน่นอน
ครั้งนี้หลานเฟิ่งหวงสั่งผลิตเสื้อแบบยาวมากและยาวปานกลาง ความยาวเท่ากับเสื้อนอกขนสัตว์ ปัจจุบันยังไม่มีขนเป็ดสังเคราะห์คุณภาพดีจึงทำได้เพียงใช้ขนเป็ดจริงใส่ในตัวเสื้อทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นตอนเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับเสื้อขนเป็ดยาวคลุมเข่าจากหยางเฉิงเธอก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
เพื่อนร่วมหอพักก็รู้สึกว่าเสื้อของเธอดูอุ่นมากจริงๆ แน่นอนว่าคนเมืองหยางเฉิงอย่างโจวลี่ิ่ผู้ไม่เคยเจอฤดูหนาวของทางเหนือมาก่อน จึงขอสั่งจองกับเซี่ยเสี่ยวหลานหนึ่งชุด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากขยายธุรกิจมายังเพื่อนนักศึกษาจึงให้ราคาทุนกับโจวลี่ิ่ไป เสื้อขนเป็ดแบบเดิมที่ความยาวสั้นแค่เอวมีราคาทุนไม่ถึง 30 หยวน ดังนั้นเมื่อทำให้ความยาวคลุมเข่าเช่นนี้ต้องใช้ขนเป็ดในการผลิตเยอะขึ้น ผ้าที่ใช้ก็มากขึ้น ดังนั้นราคาการสั่งผลิตจากโรงงานจึงเป็ตัวละ 48 หยวน ส่วนแบบยาวปานกลางเหนือหัวเข่า ราคาต้นทุนจะอยู่ที่ 40 หยวน
หลานเฟิ่งหวงสั่งผลิตแบบยาวคลุมเข่ามา 100 ตัว และยาวระดับกลาง 200 ตัว
หากอิงตามหลักบวกเปอร์เซ็นกำไรที่หลานเฟิ่งหวงทำมาโดยตลอด เสื้อขนเป็ดแบบยาวพิเศษเช่นนี้สามารถขายได้ถึงตัวละประมาณ 100 หยวน และแบบยาวปานกลางราคา 80 หยวน
เมื่อเดือนพฤศจิกายน เสื้อนอกสำหรับบุรุษแบบที่โจววั่งจิงสวมใส่ขายดีเป็เทน้ำเทท่า จำนวน 400 ตัวที่สั่งผลิตขายจนเกลี้ยงตลาด กว่าตลาดซางตูจะมีคนลอกเลียนแบบได้ สินค้าในมือหลานเฟิ่งหวงก็ขายไปจนหมดแล้ว แม้ต้นทุนของเสื้อนอกล็อตนี้จะสูง แต่กำไรที่ได้รับก็สูงมากเช่นกัน โดยเสื้อคลุมขนแพะนั้นทำกำไรให้ร้านขายเสื้อผ้าราวๆ สามหมื่นหยวน
เสื้อขนเป็ด 300 ตัว ไม่ว่าจะเป็เซี่ยเสี่ยวหลาน หลี่เฟิ่งเหมยหรือหลิวเฟิน พวกเธอต่างก็มั่นใจว่าจะขายได้หมดภายใน่ฤดูหนาว
หลานเฟิ่งหวงไม่ทำการขายส่ง การขายปลีกมีข้อจำกัดด้านขนาดของร้าน เสื้อขนเป็ด 300 ตัวนี้ใช้ทุนไปแค่หมื่นกว่าหยวนเท่านั้น หากหลานเฟิ่งหวงมีร้านสาขา เซี่ยเสี่ยวหลานถึงจะกล้าสั่งผลิตหลักพันตัว ขอเพียงมีร้านสาขาที่หน้าร้านดีอย่างหลานเฟิ่งหวงก็เพียงพอแล้ว
ชาวปักกิ่งที่จริงแล้วไม่ขาดสถานที่จับจ่ายใช้สอย ที่ถนนหวังฝูจิ่งมีขายทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่ากระเป๋าสตางค์หนักแค่ไหน
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังครุ่นคิดเื่เปิดร้านสาขา และคอยสังเกตอยู่ตลอดว่าสถานที่ใดเหมาะกับการเปิดสาขาใหม่ของหลายเฟิ่งหวง
ถนนหวังฝูจิ่งย่อมเหมาะสมที่สุด แต่เธอจะหาเช่าร้านที่นั่นได้หรือ? แน่นอนว่าแค่คิดก็พอแล้ว!
สถานที่อื่นที่เหลือน่ะหรือ เซี่ยเสี่ยวหลานชอบที่ย่านซีตัน
ที่นั่นเหมือนจัตุรัสเอ้อร์ชีของซางตู ในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะได้รับความนิยมนานกว่ายี่สิบปี
อยากเปิดร้านที่ปักกิ่ง แม้ที่ย่านซีตันจะถูกเวนคืนปรับปรุงที่ดินอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่อย่างน้อยก็ได้รับความนิยมถึงยี่สิบปี
หลักๆ คือปัจจุบันมีผู้คนพลุกพล่าน ย่านซีตันมีห้างสรรพสินค้า คนที่ไปร้านทำผม ร้านถ่ายภาพ โดยพื้นฐานแล้วก็คือกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแฟชั่น ซึ่งเป็กลุ่มลูกค้าเดียวกันกับที่เซี่ยเสี่ยวหลาน้า
พอความคิดตกผลึก จนถึงมหาวิทยาลัยจิงเม่าแล้วเธอก็ยังคิดเื่นี้อยู่
“คิดอะไรอยู่น่ะ รีบเรียกสติกลับมาได้แล้ว!”
ที่หัวชิง บรรดาเด็กปีหนี่งที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก หลิวหัวเจิงรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานเพียงคนเดียว ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินทางมาด้วยกัน
ใกล้จะเข้าสนามสอบแล้ว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงใจลอยอยู่ หลิวหัวเจิงจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาน่ะสิ
“วันนี้เธอต้องทำให้เต็มที่นะ ดูรอบๆ ตัวสิ เต็มไปด้วยคู่แข่งของพวกเราทั้งนั้น พวกเราเป็ถึงตัวแทนของมหาวิทยาลัยหัวชิงเชียวนะ”
นั่นสินะ ผู้ที่มาเข้าร่วมการแข่งขันที่จิงเม่า ล้วนเป็นักศึกษาจากสถาบันทั่วทั้งกรุงปักกิ่ง แม้หัวชิงจะมีคนผ่านเข้ารอบมามากแค่ไหน แต่มีกี่คนกันที่อยากทะลุผ่านเข้าสู่รอบชิง นี่ไม่ใช่แค่เื่ของเกียรติยศส่วนบุคคล ทว่าเกี่ยวข้องไปถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
หัวชิงคือมหาวิทยาลัยที่ดี แต่มหาวิทยาลัยอื่นก็ดีไม่แพ้กัน
อีกอย่างเื่ระดับภาษาอังกฤษจะใช้คะแนนจากการสอบเข้ามาวัดไม่ได้ บางคนสอบเข้าคะแนนไม่สูงมาก แต่วิชาภาษาอังกฤษกลับทำคะแนนได้ดี ไม่ต้องพูดเื่อื่น พวกที่เกิดในครอบครัวนักการทูตอาจจะได้เรียนภาษาอังกฤษั้แ่อายุแค่ไม่กี่ขวบด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้!
“ฉันไม่ประหม่าหรอก เธอก็อย่าประหม่าล่ะ วันนี้เรามาทำให้เต็มที่กันเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหัวเจิงหัวชนกันเพื่อกระซิบกระซาบ แม้จะมีเสื้อขนเป็ดตัวยาวห่อหุ้มตัวราวกับผ้าห่ม แต่ก็ไม่อาจปกคลุมความงามของเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้ได้ เธอยืนรออยู่หน้าสนามสอบรวมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ก็ไม่วายมีคนแอบมองเธอตลอดเวลา
หลิวหัวเจิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ที่จริงฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าจะผ่านรอบนี้ ถ้าเคยอยู่ต่างประเทศมาก่อนเหมือนจี้เจียงหยวนก็คงดีสิ... ฉันนึกว่าหนิงเสวี่ยจะเข้าร่วมการแข่งขันภาษาอังกฤษเสียอีก คาดไม่ถึงเลยว่าเธอไม่แม้แต่ลงชื่อสมัครสอบด้วยซ้ำ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้