มู่จื่อหลิงพบว่าความคิดของนางถูกพัดพาไปไกลด้วยความอ่อนโยนของหลงเซี่ยวอวี่ ในขณะนี้ความคิดของนางล่องลอยไปไกลขึ้นเรื่อยๆ...
แน่นอนว่าส่วนอ่อนไหวที่สุดอยู่ภายในอกด้านซ้าย เนื่องด้วยความคิดที่ล่องลอยนี้มันจึงอบอุ่นและนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ไม่รู้ั้แ่เมื่อใดที่มารยาทจากสถานะที่สูงต่ำที่นางควรปฏิบัติต่อหลงเซี่ยวอวี่ได้ค่อยๆ จางหายไป
แม้ว่านางจะไม่ชอบมันเลยก็ตาม แต่นางก็ยังทำ เป็เพราะนางถือว่าเขาเป็เพียงฉีอ๋อง และไม่มีสิ่งใดอื่นอีก
ในเวลานั้น แม้ว่านางและเขาจะอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน พวกเขาไม่ว่าจะมองไปทางใดล้วนพบกันอยู่เสมอ ราวกับว่าพวกเขาไม่มีวันพรากจากกัน
แต่ยามนี้ เมื่อนางพบว่าหลงเซี่ยวอวี่อยู่ข้างกายนาง นางกลับไม่เป็ตัวของตนเองอีกต่อไป
นางพบว่า ก่อนหน้านี้ที่นางไม่ได้พบกับหลงเซี่ยวอวี่เป็เวลากว่าครึ่งเดือน นางมักจะคิดถึงเขาบ่อยครั้งในยามว่าง คิดถึงความดีและความเลวของเขา รวมถึงคิดถึงเื่เล็กๆ น้อยๆ ของเขา
นางพบว่านางไม่เพียงแค่ถือว่าเขาอยู่ในฐานะฉีอ๋องที่ทุกคนเกรงกลัวเหมือนในยามแรกพบอีกต่อไป นั่นก็เพราะนางถือว่าเขาเป็คนที่นางชอบไปเสียแล้ว
ดังนั้น ต่อหน้าคนที่ตนชอบ...
ไม่รู้ั้แ่เมื่อใด ยามอยู่ต่อหน้าเขา นางเริ่มชอบแสดงแสนยานุภาพ [1] ใส่เขา ชอบทะเลาะกับเขา ชอบที่จะต่อกรกับเขา เพียงเพราะนางอยากให้เขาตามใจนาง ยอมอ่อนให้นาง
ไม่รู้ว่ามันเริ่มั้แ่เมื่อใด นางจะโกรธและเล่นตัวเล็กๆ น้อยๆ ยามอยู่ต่อหน้าเขา เพียงเพราะนาง้าได้รับความโปรดปรานและความรักจากเขา
ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นเมื่อใด นาง้าปลดปล่อยความคับข้องใจที่มีในหัวใจของตนต่อหน้าเขาอย่างไร้ยางอาย เพียงเพราะนางโลภมาก โลภมากด้วยความ้าอยากที่จะได้รับการดูแลและความรักจากเขามากขึ้น
ไม่รู้...นางไม่รู้หลายสิ่งมากมาย แต่นางรู้ว่า นางมู่จื่อหลิงผู้นี้ตกหลุมรักหลงเซี่ยวอวี่แล้วจริงๆ
ความรักเช่นนี้ มันแข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก
แข็งแกร่งลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ความรู้สึกค่อยๆ ขยายจนไปสู่ความรู้สึกรัก ไม่ใช่เพียงแค่กำลังจะเป็ความรัก แต่มันกลายเป็ความรักไปแล้ว
ยามนี้นางไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ไม่อาจเถียงได้อีก มู่จื่อหลิงไม่สามารถควบคุมหัวใจได้อีกต่อไป ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆ เพื่อหลบหนีได้อีก ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าใจได้หลุดลอยไปแล้ว
นางรักเขา นางทุ่มความรู้สึกให้เขาจากใจจริง เมล็ดพันธุ์แห่งความรักที่มีต่อเขาได้ฝังลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจที่ว่างเปล่า หยั่งรากลึกในใจของนางอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็งอกเงยผลิบานออกผล
ความรักที่บังเกิดผลนี้ เติมเต็มใจนางจนเต็มเปี่ยมโดยที่นางไม่ทันรู้ตัว ความรักได้หยั่งรากลึก ฝังแน่นลงในกระดูก ยากจะถอนออกมาได้แล้ว
ต่อให้ถอนออกมาได้ สุดท้ายก็จะถูกรากที่ฝังฉีกกระชากจนช้ำไปหมดทุกส่วน จนเต็มไปด้วยาแ กลายเป็ความเ็ปที่ไม่อาจลบเลือนไปจากชีวิตได้ตลอดกาล
การตกหลุมรักใครสักคนไม่ใช่เื่ง่าย การรักคนผู้นี้ยิ่งเป็เื่ยากยิ่งกว่า นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า นางไม่อยากคาดเดาอีกต่อไป
บางทีนางไม่ควรกังวลเกี่ยวกับเื่ในอนาคตหรือตัวตนของเขา ไม่ว่าเขาจะเป็หลงเซี่ยวอวี่หรือฉีอ๋องก็ตาม
ความรักอย่างไรก็คือความรัก นางควรให้โอกาสตนเองได้ดื่มด่ำกับความรักจากเขา
อย่างน้อยในยามนี้ นางก็เป็ภรรยาของเขา อย่างน้อยในยามนี้ นางยังอยู่เคียงข้างเขา อย่างน้อย นางก็ยังสามารถได้รับความอ่อนโยนจากเขาได้
ความอ่อนโยนและความเอาใจใส่ของเขา แวบแรกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สะสมมากขึ้นทีละนิด ค่อยๆ ควบแน่นจนกลายเป็บ่อน้ำพุร้อนอันอบอุ่น จนนางตกลงไปในนั้นอย่างเต็มใจ จมดิ่งจนถอนตัวไม่ขึ้น...
ผมสีเข้มของมู่จื่อหลิงแห้งแล้ว หลงเซี่ยวอวี่กำลังจะโอบอุ้มนางที่อยู่ในอาการง่วงซึมขึ้นมา
ในยามนี้เองที่มู่จื่อหลิงซึ่งก่อนหน้านี้ซบอยู่บนตักของเขา หลับไปแล้วด้วยความงุนงง ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นศีรษะเล็กๆ ของนางก็ถูไถไปมาในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขาสองสามครั้ง ก่อนจะหลับใหลไปในห้วงนิทรา
ด้วยััถึงความใกล้ชิดที่มาจากมู่จื่อหลิง มือของหลงเซี่ยวอวี่ที่กำลังจะยกขึ้นจึงชะงักไป จากนั้นความอบอุ่นก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจของเขา แม้แต่ร่างกายก็อบอุ่นขึ้น
เสียงหายใจยาวและนุ่มนวลของมู่จื่อหลิงในหูของเขา หลงเซี่ยวอวี่ยกมือขึ้นช้าๆ โอบกอดร่างเล็กในอ้อมแขนไว้อย่างอ่อนโยน ราวกับว่าคนที่กำลังโอบกอดคือสมบัติล้ำค่าที่หายากที่สุด
ฝ่ามือกว้างอันอบอุ่นของเขาลูบไล้เส้นผมสีเข้มอ่อนนุ่มของนางอย่างนุ่มนวล
มู่จื่อหลิงกางแขนออกแล้วโอบแขนรอบเอวของเขา แนบแก้มกับอกแน่นแสนอบอุ่น ฟังเสียงหัวใจที่มั่นคงสม่ำเสมอของเขา
สูดกลิ่นลมหายใจดอกเหมยเย็นที่เป็เอกลักษณ์ของเขาอย่างละโมบ มุมปากของมู่จื่อหลิงค่อยๆ ยกขึ้นอย่างมีความสุขและพึงพอใจ ราวกับได้ดื่มด่ำกับความฝันอันสวยงาม...
นางถูแขนของหลงเซี่ยวอวี่อีกสองสามครั้ง ริมฝีปากที่ปิดอยู่ของนางขยับเล็กน้อย พึมพำเบาๆ ว่า “หลงเซี่ยวอวี่”
“หลงเซี่ยวอวี่”
“หลงเซี่ยวอวี่”
......
เสียงของนางแ่เบา ภายในห้องนอนอันเงียบสงบ คำสามคำนี้วนเวียนอยู่ในหูของหลงเซี่ยวอวี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มู่มู่ของเขากำลังฝันถึงเขา ดี! ความสุขเล็กๆ เปล่งประกายผ่านดวงตาสีเข้มที่ปกติมีเพียงแววเฉยชาของหลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่ยกศีรษะขึ้นเหนือศีรษะของมู่จื่อหลิง กดจูบหน้าผากนางอย่างเสน่หา ก้มหน้าลงหอมเส้นผมอ่อนนุ่มของนาง
หลังจากนั้น เขาโอบอุ้มมู่จื่อหลิงขึ้นมาอย่างนุ่มนวล มีความสุขภายใต้ความอบอุ่นอ่อนโยนที่แผ่ซ่าน วางนางลงบนเตียงหยกเหมันต์อย่างเบามือ แล้วตามขึ้นไปนอนข้างกายนาง
เตียงหยกเหมันต์ก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งหมื่นปี ซึ่งหาได้ยากยิ่ง แต่เพื่อให้มู่จื่อหลิงได้นอนหลับอย่างสงบ เตียงหยกเหมันต์จึงถูกคลุมด้วยผ้าฝ้ายหนาหลายชั้น
ความนุ่มนวลที่อยู่บนเตียงหยกเหมันต์ ทำให้นางสามารถนอนได้อย่างสบาย แต่ผ้าฝ้ายหนาก็ไม่สามารถซ่อนความเย็นของเตียงหยกเหมันต์ได้ ยังคงเหน็บหนาว คนทั่วไปไม่อาจรับได้
แต่ในขณะนี้ คนสองคนกำลังนอนกกกอดแนบชิดกันอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ เป็การโอบกอดกันอย่างอ่อนโยน
รุ่งอรุณเบ่งบาน ใน่เวลาที่เงียบสงบ
แสงแห่งรุ่งอรุณแหวกม่านหมอกหนาแน่นในค่ำคืนอันมืดมิดสาดแสงยามเช้าที่สดใสและอ่อนโยน
ในห้องนอนที่เงียบสงบ หลงเซี่ยวอวี่นั่งอยู่บนหัวเตียงโดยเอนหลังพิงพนักพิงอ่อนนุ่ม มู่จื่อหลิงนอนหลับสนิทซุกซบอยู่บนร่างของหลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่ จ้องมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของตนที่กำลังหลับใหลอย่างสงบสุขด้วยความรักใคร่ ก่อนที่เขาจะหลุบตาลง สายตาจ้องมองไปที่แขนซ้ายของมู่จื่อหลิงซึ่งวางอยู่บนหน้าอกของตน
เขาค่อยๆ ดึงแขนของนางขึ้นเบาๆ พับแขนเสื้อขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแขนขาวราวกับหยก
บนแขนเรียวขาวมีรอยประทับรูปดาว หลงเซี่ยวอวี่จ้องมองรูปดาว ความอบอุ่นบนใบหน้าของเขาค่อยๆ จางหายไป ดวงตาที่เดิมมีความอ่อนโยนและรักใคร่หรี่ตาเล็กน้อย มีแสงที่ซับซ้อนที่แวบวาบอยู่ภายใน
เขายกมือขึ้น เหยียดนิ้วชี้นุ่มชุ่มชื่นออกมา ลูบไปมาบนรอยประทับรูปดาว ั์ตาสีหมึกลึกล้ำซับซ้อนยากจะเข้าใจ......
-
หลังจากมู่อี๋เสวี่ย วิ่งออกมาจากสวนจิ้งซินด้วยความตื่นตระหนก นางก็เดินไปอย่างไร้จุดหมาย
ไม่ต่างจากศพเดินได้ นางเดินโซเซไปมาอย่างสับสน จากกลางวันกลายเป็กลางคืน และจากกลางคืนกลายเป็อีกวัน [2]
ยามนี้มู่อี๋เสวี่ยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเ็ปที่ถักทอผสานกัน
ความคิดทั้งสองนี้ ดูเหมือนจะพันกันกลายเป็เงื่อนตาย ไม่อาจแก้ออกได้ พันรัดทุกส่วนในร่างกายของนางแ่า อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ขณะที่เดินไป มู่อี๋เสวี่ยเดินเข้าไปในป่าลึกที่ดูไม่ธรรมดา
ในป่าไม่มีเสียงอื่นใดอีก นอกจากเสียงลมหวีดหวิว เสียงใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม
มู่อี๋เสวี่ยพยุงกายกับต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน หลังจากหอบหายใจเข้าออกสองสามครั้ง นางก็นั่งลงกับพื้น เอนหลังพิงกับลำต้นของต้นไม้ มือทั้งสองข้างโอบกอดตนเองไว้ ฝังใบหน้าลงกับเข่า ร้องไห้เสียงดัง
นางหลงรักฉีอ๋อง แต่เพราะมู่จื่อหลิง เขาถึงทำร้ายนางอย่างโหดร้าย ทำลายรูปลักษณ์ของนางจนแหลกเหลว
ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดที่รักที่สุดในโลกนี้ เพราะเื่ของมู่จื่อหลิง จึงได้ตักเตือนนางครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังแสร้งเฉยเมยไม่ได้ยินเสียงที่คร่ำครวญจากความเ็ปของนาง
สุดท้ายนางฝากความหวังเดียวไว้กับ ‘ท่านพ่อ’ ผู้ที่รักนางมาั้แ่ยังเล็ก
แต่ในท้ายที่สุดก็เป็เพราะมู่จื่อหลิง ดุด่านางแบบต่อหน้า บอกว่าจะไม่ลงโทษนางสำหรับสิ่งที่นางเคยทำร้ายมู่จื่อหลิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา...
เสียงร้องของมู่อี๋เสวี่ยหยุดลงชั่วขณะ ท่านพ่อของนาง ไม่ใช่ มู่เจิ้นกั๋วจะมีข้อมูลกองใหญ่เกี่ยวกับการกลั่นแกล้งมู่จื่อหลิงของนางอย่างไร้ที่มาที่ไปได้อย่างไร?
ทุกครั้งที่นางทำให้มู่จื่อหลิงต้องทนทุกข์ ไม่มีใครอื่นนอกจากบ่าวรับใช้ขี้ขลาดของมู่จื่อหลิง นอกจากนี้ก็เป็ไปไม่ได้ที่บ่าวรับใช้ผู้นั้นจะรู้ทุกอย่าง
เป็ไปได้ไหมว่ายังมีผู้ทรงพลังซ่อนอยู่รอบกายมู่จื่อหลิง?
หากเป็เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในยามนั้น...
ฮ่าฮ่า ช่างน่าขำเสียนี่กระไร...เหตุใดนางสารเลวมู่จื่อหลิงผู้นั้นถึงได้รับความโปรดปรานจากผู้คนมากมาย? นางไปทำอะไรมากันแน่!
มู่อี๋เสวี่ยหยุดร้องไห้ไปครู่หนึ่งด้วยความสับสน ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอีกครั้ง
ยิ่งร้องไห้ นางก็ยิ่งเกลียดมากขึ้น ในก้นบึ้งของหัวใจเต็มไปด้วยความอิจฉาที่เพิ่มขึ้นไม่รู้จบ
ในจิตใจที่ปั่นป่วน ปรากฏใบหน้าเ็าราวกับน้ำแข็งของหลงเซี่ยวอวี่ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ใบหน้ากลับทำให้นางไม่อาจตัดใจได้ เปรียบเสมือนวงจรอุบาทว์อันไม่มีที่สิ้นสุดที่ยังคงดำเนินต่อไป
มู่อี๋เสวี่ยไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ จนกระทั่งมีเสียงเ็าของหญิงสาวดังเข้ามาในหูของนาง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูรองมู่ผู้ได้รับการเอาอกเอาใจมาโดยตลอด จะถูกลดสถานะลงขนาดนี้ได้ จุ๊จุ๊ ช่างน่าสงสารจริงๆ”
เสียงร้องของมู่อี๋เสวี่ยชะงักลงทันที นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า เห็นคนชุดดำยืนอยู่ตรงหน้านางผ่านดวงตาที่พร่ามัว
เพราะนางมองเห็นไม่ชัด มู่อี๋เสวี่ยจึงกะพริบตาเพื่อบีบน้ำตาที่เอ่อล้นในดวงตาออกมา ปล่อยให้น้ำตาไหลจากหางตา หลังจากนั้นจึงสามารถเห็นคนตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ไม่ ไม่สามารถพูดได้ว่าเห็นอย่างชัดเจน
เพราะคนที่อยู่ตรงหน้า สวมชุดคลุมสีดำ ทั้งยังมีผ้าคลุมศีรษะสีดำ ทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยความมืด
มีชุดคลุมและหมวกปกปิดอยู่ ผมและใบหน้าของนางถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำอย่างแ่า แม้กระทั่งดวงตาก็ยังถูกปกคลุมด้วยผ้าโปร่งสีดำ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกของนางได้ แต่ยังสามารถััได้ถึงความเ็าจากั์ตาเืเย็นไร้อารมณ์คู่นั้นของนาง
แม้ว่าแสงอรุณจะส่องลงมากระทบนาง แต่ก็ยังทำให้คนมองรู้สึกมืดมน
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] แสดงแสนยานุภาพ (剑拔弩张) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า เมื่อเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียด ก็เตรียมพร้อมที่จะรับมือ ตอบโต้
[2] จากกลางวันกลายเป็กลางคืน และจากกลางคืนกลายเป็อีกวัน (从白天走到黑夜,从黑夜走到了白天) เป็ประโยคจากเพลง 白天黑夜 มีความหมายแฝงว่าระยะเวลาที่ยาวนาน และหนทางยาวไกล