ในขณะที่เหล่าคุณชายผู้ร่ำรวยกำลังพูดคุยกันว่าใครจะเป็ผู้ชนะในพิธีประชันสาวงาม อวิ๋นจื่อก็ออกจากหอจุ้ยฮวนแล้ว
นางมาถึงจวนผู้ว่าการใน่กลางดึกและนอนหลับทันทีหลังจากนั้น
เมื่อนางลืมตาตื่น แสงแดดก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว
ม่านเตียงสีอ่อนแลดูไม่คุ้นเคย ทำให้นางเหม่อลอยเล็กน้อย
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน นางไม่ใช่แม่นางปี้เหยียนในหอคณิกาอีกต่อไป แต่เป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนผู้ว่าการ
นางหัวเราะเยาะตัวเอง
‘ตอนนี้ข้ากลับให้ความสำคัญกับตัวตนของตนเองเสียแล้ว นี่เป็สิ่งที่ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น’
กลับกลายเป็ว่าสิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดกลับเกิดขึ้นแล้ว
ไป๋จื่อและหงหลิงเข้ามาปรนนิบัตินางเช่นเคย
บ่าวรับใช้ในจวนทุกคนรู้เพียงว่าคุณหนูใหญ่ที่เติบโตในเมืองหลวงได้เดินทางกลับมาเมื่อคืนนี้ พวกเขาล้วนมองเข้าไปในเรือนอย่างมีความสุข สาวใช้ที่ทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารต่างทำงานอย่างขะมักเขม้น
เมื่อไป๋จื่อและหงหลิงเห็นเช่นนี้จึงมอบเหรียญเงินให้พวกนางหนึ่งกำมือ หลังจากจัดเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกนางก็จากไปอย่างมีความสุข
อวิ๋นจื่อมองไปยังอาหารรสเลิศที่ไม่คุ้นเคยและเหล่าสาวใช้ที่ไม่คุ้นตา นางรู้สึกว่าความสนใจของนางกำลังจางหายไป ชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกว่าการกลืนอาหารแต่ละคำเป็เื่ยากลำบากมาก ไม่นานสาวใช้ก็เข้ามารายงานว่าคุณชายซูมาถึงแล้ว
ทันทีที่ซูเจินเข้ามาก็เห็นท่าทางไร้ชีวิตชีวาของนาง ดวงตาดอกท้ออันเป็ประกายระยิบระยับของเขาจ้องมาที่นาง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสาว เ้าชอบอาหารที่นี่หรือไม่? ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหาแม่ครัวจากทางเหนือ เ้าไม่ชอบหรือ?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า “ไม่เลย ข้าเพียงไม่คุ้นชินเท่านั้น”
ซูเจินสั่งให้สาวใช้เก็บอาหารที่เหลืออยู่จากนั้นก็ไล่พวกนางออกไป เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เ้าเป็คณิกาที่ลึกลับที่สุดในหอจุ้ยฮวน?”
สีหน้าของอวิ๋นจื่อยังคงสับสน นางกล่าวว่า “แล้วอย่างไร?”
ซูเจินยังคงยิ้ม “นายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นมองว่าเ้าทำเงินให้หอจุ้ยฮวนมากมาย อันที่จริงมากยิ่งกว่ารายได้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเสียอีก เ้าถือเป็คณิกาที่ทำกำไรได้มากที่สุด ข้าไม่รู้ว่ามีกี่คนที่้าตัวเ้า ข้าเดาว่าอีกสักครู่ป้าอวิ๋นของเ้าก็คงจะมา”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ท่านช่วยจัดการทีเถิด ถึงบอกเื่นี้กับข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด”
นางดื่มชาด้วยท่าทีราวกับมีตัวอักษรแปะอยู่บนหน้าผากว่า “อย่าเข้าใกล้ข้า”
ซูเจินยิ้มก่อนจะหยอกล้ออวิ๋นจื่อด้วยการกล่าวว่า “ข้าเรียกเ้าว่าน้องสาวเชียวนะ เ้าจะปฏิบัติกับพี่ชายแบบนี้หรือ? เอาเถอะ หากข้าไม่ให้เ้าพบนายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นเห็นทีจะมีข่าวลือว่าข้าเป็พี่ชายที่หวงน้องสาวมากเกินไป แล้วคนอื่นจะคิดอย่างไร? ข้าว่าเราสองพี่น้องควรทำข้อตกลงกันดีหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อไม่สนใจ นางกล่าวว่า “คุณชายไม่ได้บอกว่าจะให้ข้าไปที่สำนักชิงซานเพื่อฝึกกระบี่หรือ? ข้าจะไปได้เมื่อไหร่?”
ซูเจินถามด้วยความสงสัย “นั่นคือเหตุผลที่เ้าอยากไปสำนักชิงซานหรือ?"
อวิ๋นจื่อถอนหายใจยาว “ซูเจิน ข้า้ามีชีวิตใหม่”
แม้นางไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็อย่างไร แต่นางก็คิดถึงชีวิตในเมืองอวิ๋นเมิ่ง นางเคยเสียใจที่ไม่สามารถคว้าอะไรไว้ได้ แต่ชีวิตในหอจุ้ยฮวนช่างน่าหดหู่ใจจริงๆ
นางเกลียดชีวิตแบบนั้น
“เ้า้าชีวิตแบบใด?” ซูเจินถาม
แบบใดน่ะหรือ?
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าในใจของนางมีภาพที่ดูเลือนลาง นางไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามันคืออะไรกันแน่
นางลุกขึ้นและกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “ข้าไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจว่าในอนาคตชีวิตของข้าจะต้องดีกว่าตอนนี้แน่นอน”
ทันใดนั้นซูเจินก็หัวเราะ
เสียงหัวเราะที่ฟังดูขมขื่นกับดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายดูไม่เข้ากันอย่างสิ้นเชิง แต่น่าแปลกที่มันกลับเป็ภาพที่งดงาม
อวิ๋นจื่อรู้สึกละอายใจ นางไม่เคยเห็นซูเจินเป็แบบนี้มาก่อน
ซูเจินในความทรงจำของนางคือคุณชายเ้าสำราญผู้อ่อนโยน
ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจื่อยังรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็หญิงสาวผู้ร่ำรวย
รอยยิ้มของซูเจินค่อยๆ จางหายไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็จริงจังและกล่าวว่า “เ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเ้า้าชีวิตแบบใด แต่เ้ากลับพูดว่า้ามีชีวิตใหม่ ปี้เหยียนเ้ารู้หรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา”
หลังจากที่พูดจบเขาก็กระแทกประตูและจากไปทันที
เขาโกรธมาก
อวิ๋นจื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย
นางไม่รู้ว่าเขาโกรธอะไร หรือเขาไม่เต็มใจให้นางมีชีวิตใหม่
นางยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยไม่ใช่หรือ?
เหตุใดเขาจึงเข้าใจยากเสียจริง?
อวิ๋นจื่อตกอยู่ในความงุนงงเป็เวลานานก่อนที่นางจะตระหนักถึงคำพูดของซูเจิน
‘เ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเ้า้าชีวิตแบบใด’
‘แล้วข้า้าชีวิตแบบใด?’ อวิ๋นจื่อครุ่นคิด
คำพูดไม่กี่คำของซูเจินเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงลงกลางใจของอวิ๋นจื่อ
ดูเหมือนจะเจ็บแต่ก็ไม่เจ็บ มีเพียงความรู้สึกชาๆ เท่านั้น
ชีวิตที่นาง้าคือการกลับไปที่ตำหนักเหวินฮวาและชิงทุกอย่างที่เป็ของตระกูลอวิ๋นกลับคืนมาไม่ใช่หรือ?
นั่นคือชีวิตที่นาง้า
นั่นคือคำสาบานของนางตอนที่นางจากตำหนักเหวินฮวามา
นางเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตเช่นนั้น
นั่นคือชะตาชีวิตของนาง
เมื่อนึกได้เช่นนี้ จู่ๆ น้ำตาของนางก็ไหลออกมา
ตอนข้ามาถึงหยงโจวครั้งแรก ข้าไม่รู้อะไรเลย ข้าเพียง้าแก้แค้น แต่ความโศกเศร้าจากการสูญเสียผู้เป็ที่รักเปรียบได้กับเงามืดขนาดใหญ่ที่อยู่ในใจข้า ตอนนั้นข้าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ข้าปล่อยให้เวลาผ่านไปทีละน้อยและปล่อยให้รากฐานของราชวงศ์ใหม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ’
ตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่า้าชีวิตแบบใด
แต่ตอนนี้นางต้องให้ความสำคัญกับตระกูลอวิ๋น
นางมีสายเืของตระกูลอวิ๋น นางจึงต้องฟื้นฟูตระกูลอวิ๋น ทั้งยังต้องลงโทษขุนนางทรยศและฏชั่วช้าเ่าั้!
ย้อนกลับไปตอนที่เสด็จอาประทับอยู่ที่ชายแดน ท่านเป็แม่ทัพหนุ่มที่มีชื่อเสียงในการสู้รบและเป็ผู้ดูแลรากฐานของตระกูลอวิ๋นมาหลายปี แม้นางจะจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ลางๆ แต่นางรู้แน่ชัดว่าเืของตระกูลอวิ๋นไหลเวียนอยู่ในตัวนาง
นางต้องไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง
ชีวิตของนางคือการต่อสู้เพื่อตระกูลอวิ๋น
หลังจากซูเจินจากไปอวิ๋นจื่อก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย ไม่ว่าจะเป็คัดอักษร อ่านหนังสือ หรือเล่นกู่ฉิน นอกจากนี้ นางยังไม่ได้พบใครอีกนอกจากซูเจิน นางนั่งเงียบๆ ในศาลาทรงหกเหลี่ยมที่อยู่ในลานบ้าน จากนั้นก็ดื่มชาและสนทนากับไป๋จื่อและหงหลิง
วันเวลาในหอจุ้ยฮวนจะหายไปตลอดกาล
นางต้องพักผ่อนให้เพียงพอและออกเดินทางไปสำนักชิงซาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้