อลังค์ตอบ
“ช่างบังเอิญ… ที่นี่กำลัง้าผู้ชายแข็งแรง ยิ่งมีความรู้ทางด้านเกษตรจะยิ่งดี เพราะว่าเรามีไร่องุ่นและกาแฟเกือบพันไร่… เรากำลัง้าคนดูแล”
ศรีออนรีบเสริม สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลา หล่อนชอบหัวไหล่ใหญ่ๆ ปั้นไหล่หนาๆ และกล้ามอกแน่นๆ และต้นแขนที่ปกคลุมไว้ด้วยเส้นขนแบบนี้แหละเข้าตำรา… เขาว่าแซ่บนัก
“อยากมาอยู่กับเราไหม?”
ตองนวลถาม สายตาจับจ้องอยู่ที่แผงหนวดสีดำเป็แพหนาเหนือริมฝีปากของอลังค์ แค่มองเส้นหนวดหยาบแข็ง หล่อนก็รู้สึกร้อนวูบวาบ ความสยิวแล่นพล่านเข้ามาที่ยอดอก ทำเอาหัวนมแข็งโด่เสียดสีอยู่ภายใต้เนื้อผ้ามัสลินพลิ้วบางๆ เมื่อแอบจินตนาการไปถึงตอนที่ร่างกายเปล่าเปลือยของหล่อนโดนจูบไซ้ด้วยหนวดเคราของชายหนุ่มตรงหน้า
“จะจ้างผมทำงานที่นี่ใช่ไหมครับ”
อลังค์ถาม เพราะสงสัยกับคำว่า ‘มาอยู่กับเรา’ ที่นายใหญ่ของบ้านกล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นมีความหมายยังไง?
“ที่ว่ามาอยู่กับเรา… ฉันหมายถึงมาเป็เขยของบ้าน… ถ้าเธอไม่ขัดข้องที่จะแต่งงานกับยัยฝ้ายหลานสาวของฉัน”
ตองนวลเฉลยข้อสงสัย สิ่งที่ได้ยินทำเอาอลังค์ใ คุณพระช่วย… จู่ๆ เขาก็จะได้แต่งงานกับผู้หญิงสวยที่ผู้ชายทั้งโลกต้องอิจฉา
“เอ่อ… นี่พูดเล่นใช่ไหมครับ”
อลังค์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะคิดว่าจะได้ยินข้อเสนอนี้
“พูดจริง… บอกตรงๆ ว่าพวกเราอยากได้เธอมาเป็เขย... ”
สุ้มเสียงจริงจัง นายใหญ่ของบ้านกล่าวกับชายหนุ่ม หากแต่สายตาก็เหลือบมองไปยังฝ้ายคำผู้เป็หลานสาวเหมือนขอความเห็น
“ว่ายังไงล่ะยัยฝ้าย… ตอบให้ชัดๆ ว่าหนูอยากได้ผู้ชายคนนี้มาเป็สามี”
ตองนวลจ้องหน้าหลานสาว ฝ้ายคำไม่เคยขัดใจผู้เป็ย่า หล่อนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนในบ้านมีความสุขร่วมกัน
“ค่ะ… ย่าตอง… หนูอยากได้ผู้ชายคนนี้มาเป็สามีค่ะ”
หญิงสาวกล่าวโดยไม่ต้องคิด ราวกับว่าทุกอย่างได้ถูกชะตากำหนดไว้แล้ว
“เอ่อ… นี่เอาจริงหรือครับ”
อลังค์ดีใจและตื่นเต้น แบบนี้เค้าเรียกว่าหนูตกถังข้าวสารชัดๆ หากแต่อีกใจก็ยอมรับว่ารู้สึกกลัวว่าค่าสินสอดที่ครอบครัวของฝ้ายคำเรียกร้อง อาจจะมากมายเกินรับไหว เพราะว่าอลังค์เพิ่งเรียนจบ เื่เงินเก็บออมก็ยังไม่มี
และดูเหมือนว่าตองนวลจะล่วงรู้ถึงความกังวลของชายหนุ่ม หล่อนจึงกล่าวออกมาให้เขาสบายใจ
“อย่ากังวลเื่สินสอด พวกเราไม่ได้้าเงิน แต่สิ่งที่พวกเรา้าก็คือความซื่อสัตย์… ความสุข… การปรนเปรอ ถ้าเธอคิดว่าไม่มีปัญหา… สามารถทำได้ทั้ง ‘งานในไร่’ และ ‘งานในเรือน’ พวกเราก็พร้อมรับเธอเข้ามาเป็เขยโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น”
ตองนวลกล่าวจริงจัง อลังค์ยังใไม่หาย ทว่าไม่ทันที่เขาจะกล่าวอะไร ตองนวลก็ถามขึ้นอีกประโยค
“ว่ายังไง… เธอจะตกลงไหม เรา้าคำตอบตอนนี้เลย”
ตองนวลจ้องหน้าอลังค์ ด้วยความรู้สึกร้อนแรงอันประหลาดราวกับมีมวลคลื่นพิศวาสลี้ลับส่งผ่านมาทางสายตาที่มองสบกันไปมา ทำให้อลังค์ตอบออกมาเหมือนต้องมนต์สะกด
“ตกลงครับ… ”
อลังค์ตอบเสียงหนักแน่น คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปจากชีวิต
“ดี… ฉันเชื่อว่าเธอจะมีความสุขกับการได้อยู่ที่นี่ กับพวกเรา พวกเราทุกคนในบ้านหลังนี้รักกันมาก เราสาบานว่าจะมีความสุขร่วมกัน จะแบ่งปันทุกข์สุขร่วมกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในทุกๆ เื่”
ตองนวลกล่าวประโยคทิ้งท้ายเอาไว้ให้ชายหนุ่มแอบครุ่นคิดด้วยความสงสัย กับคำว่า ‘เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในทุกๆ เื่’ นั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจงถึงสิ่งใดเป็พิเศษหรือไม่?
จากนั้นตองนวลก็สั่งให้ฝ้ายคำพาชายหนุ่มเดินเที่ยวชมส่วนต่างๆ ของบ้าน เพื่อสร้างความคุ้นเคยต่อกัน ด้วยหนุ่มสาวสองคนนี้เพิ่งได้เจอกันเป็ครั้งที่สอง แต่ชะตาก็ผลิกพัน ให้ต้องมาแต่งงานกันอย่างที่อลังค์ก็ไม่คิดไม่ฝันว่าการที่ตัวเองตัดสินใจเข้าช่วยเหลือฝ้ายคำตอนโดนโจรวิ่งราวกระเป๋าสตางค์เมื่อวันนั้น จะเปลี่ยนอนาคตของตัวเองไปตลอดกาล
ในเวลาต่อมา หลังจากฝ้ายคำพาชายหนุ่มเดินชมบ้านจนทั่ว ก็ถึงเวลาที่ลุงอินทร์จะเข้ามารับ่ พาอลังค์เข้าไปชมไร่องุ่นและกาแฟทอดยาวไปถึงหลังเขา
“ยัยหนู... ช่วยโทรตามนายอินทร์ให้ที”
