ณ พระราชวังหลวง
"จักรพรรดิพะยะค่ะ คุณชายริค ไวท์ มาขอเข้าเฝ้า"
"ให้เข้ามาได้"
หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเด็กคนนี้ว่าจะเลือกใครกันแน่เพราะเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว หากบางคนรอไม่ไหวจนใช้วิธีการอื่นขึ้นมาจะเป็ปัญหาได้ ถือเป็การแก้ปัญหาที่ดี ในการมาให้คำตอบในวันนี้
"ทำความเคารพ จักรพรรดิ" ไวท์บอกพลางทำความเคารพตามวัฒนธรรมของจักรวรรดิ
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกไวท์ มีเื่อะไรไหนพูดมาสิ" จักรพรรดิเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี
"หม่อมฉันมีเื่จะกราบทูลพะยะค่ะ"
"ว่ามาได้เลย"
"หม่อมฉันเลือกคนที่จะหมั้นหมายด้วยได้แล้วพะยะค่ะ" ไวท์พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตนเอง
"บุคคลที่ข้าเลือกก็คือ...องค์รัชทายาทพะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ" เสียงทุ้มนุ่มตอบด้วยความมั่นใจและหนักแน่น และเหมือนคำตอบของคุณชายในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่หลายคนเลยทีเดียว เพราะว่าในที่ประชุมนี้คือเหล่าบรรดาคนที่อยากจะหมั้นหมายกับไวท์ด้วยกันทั้งสิ้นได้ถูกเชิญตัวมาก่อนหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เลือกที่จะไปแอบอยู่ด้านหลังเพื่อรับฟังสถานการณ์ว่าสรุปแล้วจะเลือกใครกันแน่
"ข้าขอเหตุผลที่เ้าเลือกรัชทายาทว่าเพราะอะไร ในเมื่อไม่ว่าเ้าจะแต่งงานกับใครก็ไม่ได้น้อยหน้าใครทั้งนั้น" จักรพรรดิถามด้วยความอยากรู้และอยากทดสอบอะไรบางอย่างจากเด็กคนนี้ หากคำตอบไม่เป็ที่น่าพอใจล่ะก็...จะให้เป็เ้าชายแทนการเป็จักรพรรดินี
"ข้ารู้สึกสนุกสนานเวลาที่ได้คุยกับรัชทายาทและปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าห่วงหากอยู่กับคนๆ นี้ ไม่รู้ว่าเรียกว่าความรักหรือเปล่า แต่เวลาอยากจะทำอะไรก็จะนึกถึงเป็คนแรก เป็ห่วงเวลาเกิดเื่ไม่ดี เป็เหมือนบุคคลสำคัญเพียงคนเดียวนับั้แ่เดินทางมาที่นี่พะยะค่ะ" สิ่งที่เขาตอบนั้นเป็สิ่งที่คิดทบทวนมาหลายวันแล้ว อยู่กับคนอื่นก็สนุกเหมือนกันแต่ไม่เหมือนเวลาอยู่กับคีย์เลยสักนิดเดียว
"ถ้างั้นก็ให้เ้าคุยกับเ้าตัวเองแล้วกัน ออกมาได้แล้ว...ทุกคนเลย" สิ้นสุดเสียงของจักรพรรดิก็มีบุคคลที่เข้ามาหารือในเื่บ้านเมืองก่อนหน้านี้แล้วทั้งหมดโดยทุกคนทั้งหมดคือคนที่มาสารภาพรักกับตนทั้งสิ้น
"เฮ้ย! " ไวท์อุทานแล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องโถงไปด้วยความเขินอาย ไม่มีใครที่มองไม่เห็นใบหน้าแดงซ่านที่เห็นทุกคนออกมาพร้อมกัน ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง
"ขนาดเขินยังน่ารัก ให้ตายสิ...จะน่ารักอะไรขนาดนี้" คีย์พูดออกมาด้วยความประหม่าไม่แพ้กันเพราะเพิ่งได้รับข่าวดีไปเมื่อสักครู่
"มาเขินกันเองแบบนี้เมื่อไหร่จะได้คุยกัน รีบวิ่งตามไปคุยสิท่านพี่" คลาสบอกพลางพยักหน้าออกไปทางออกของห้อง
"อืม ข้าจะรีบตามไป" ร่างสูงของคีย์วิ่งตามไปด้วยสัญชาติญาณของแวมไพร์เืบริสุทธิ์ น่าจะตามอีกคนทันในไม่ช้า แต่พอมาเห็นหน้าแต่ละคนที่อยู่ในห้องแล้วบรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง
"บอกให้เขาตามไปแต่มาเสียใจเองแบบนี้ ท่านพี่บ้าหรือเปล่า" ครอสถามเสียงสั่นเพราะตนเองก็ชอบเด็กคนนั้นไม่ต่างจากคนอื่น
"เ้าชายเองก็ไม่น่าจะต่างจากพวกเรานักหรอก อกหักกันหมด" สวิตพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ถึงจะไม่ใช่การปฏิเสธที่รุนแรงแต่รู้สึกพ่ายแพ้ให้กับความใจดีของรัชทายาทที่มีต่อเด็กคนนั้นไม่ได้เลย
"ไม่ว่าใครก็แพ้รัชทายาทกันหมด รวมถึงข้าด้วย" มาร์แชลพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ทั้งที่เจอช้ากว่าแค่ไม่กี่วันทำไมถึงทำให้ความรู้สึกของอีกคนเปลี่ยนไม่ได้ คงจะถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่าอกหักจริงๆ สินะ
"ข้าจะให้พวกเ้าทั้งหมดพักงานราชการหนึ่งเดือน ไปหาอะไรทำให้จิตใจสงบซะ แล้วค่อยกลับมารับใช้บ้านเมือง" จักรพรรดิทนดูสถานการณ์หดหู่ไม่ไหวเลยรับสั่งให้ไปพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดในจิตใจลงบ้าง
"พะยะค่ะ จักรพรรดิ"
คลาสไม่ได้พูดอะไรหลังจากออกมาจากห้องโถงเพราะรู้มาตลอดว่าเด็กคนนั้นแค่ไม่รู้ใจตัวเองเฉยๆ ที่ผ่านมาทั้งการแสดงออก สีหน้า ท่าทาง การทำอะไรก็ดูเหมือนจะชอบท่านพี่ไปนานแล้ว เพียงแค่ใช้เวลาทบทวนหน่อยก็จะรู้ว่าตนเองหลงรักใครมาตลอด คิดถูกแล้วที่เลือกสารภาพรักไปั้แ่ตอนที่ยังมีโอกาส จะได้ไม่มาเสียใจภายหลังว่ายังไม่ได้พูดออกไป
ครอสไม่ได้ถูกใจขนาดนั้นที่ไม่ได้เป็ฝ่ายที่ถูกเลือกแต่ก็ดีกว่าไปเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านพี่ เพราะนอกจากเขา ท่านพี่คลาส ท่านพี่คีย์ คนอื่นยังมีนิสัยเสียบางอย่างที่เห็นแก่ตัวมากกว่ารักคนอื่น เด็กคนนั้นเลือกถูกแล้ว
มาร์แชลเดินมาอีกทางเพื่อกลับบ้านของตนเองก็เห็นภาพที่ทั้งสองคนกำลังยืนคุยกันแล้วรู้สึกสั่นไหวในใจอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่รัก ไม่หึง ไม่หวง แต่ในเมื่อการเป็คนรักกันนั้นจะต้องชอบกันทั้งสองฝ่าย เขาจำเป็ต้องตัดใจแล้วเดินหน้ากลับบ้านเกิดไปอย่างเงียบๆ จะเป็การดีกว่า
สวิตเกิดความสงสัยว่าทำไมมาร์แชลถึงหยุดเดินไปพักหนึ่งก็หันไปมองตามก็เห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าทันที ไม่น่าหันไปตามอีกคนเลย เพราะสิ่งที่เห็นน่าจะเป็ภาพบาดตาบาดใจไม่ใช่น้อย
"ทุกคนครับ รบกวนมาหาผมก่อน อย่าเพิ่งกลับเลย" ไวท์ส่งเสียงเรียกทุกคนเอาไว้ก่อนที่จะเดินกันไปคนละทิศคนละทาง ทำให้ทุกคนพากันเดินมาหาทันทีแทนที่จะกลับไปทั้งแบบนั้น
"ผมไม่อยากให้กลับไปโดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ขอบคุณพี่คลาสมากครับ พี่ช่วยเหลือผมทุกอย่าง คอยบอก คอยสอน และให้เกียรติเสมอ"
"ขอบคุณพี่ครอสที่ถึงแม้จะเอาแต่ใจ ขี้แกล้งไปบ้างแต่ผมััถึงความรู้สึกของพี่ได้ว่าพี่ชอบผมจริงๆ "
"ขอบคุณพี่เทรเลอร์ที่ปากเสีย นิสัยเสีย แต่ก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผม"
"ขอบคุณพี่บลัฟเฟอร์ที่เอ็นดูผมั้แ่วันแรกและรู้ชื่อจริงของผมจากโลกเดิมเป็คนที่สอง ผมรับรู้และมองเห็นมาตลอดครับ"
"ขอบคุณทุกคนมากๆ ครับ หวังว่าคงจะไม่ทำอะไรให้ชวนปวดหัวเหมือนแต่ก่อนกันอีกนะครับ อกหักแบบนี้หาอะไรดามใจดีครับ" เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะ
"ถ้าข้าบอกว่าอยากให้เ้าเลือกข้าล่ะ เ้าจะตกลงไหม" ครอสถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
"ไม่ได้ครับ ข้อนี้คงไม่ได้"
"แล้วเ้าจะถามทำไมเล่า กลับแล้ว" ครอสเดินหน้าบึ้งตึงกลับวังของตนเองไปด้วยรอยยิ้มเพราะได้ยินเสียงหัวเราะของคนอายุน้อยกว่าไล่หลังมาติดๆ
"งั้นข้าไปแล้ว มีงานที่ยังค้างก่อนจะหยุดยาว"
"เดินทางดีๆ นะครับพี่คลาส"
"ข้าเองก็จะไปแล้วเหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆ "
"ครับพี่เทรเลอร์ ดูแลตัวเองด้วยครับ"
"ข้าไปก่อนนะจีน ดูแลตัวเองด้วย" คำเรียกชื่อของมาร์แชลที่จู่ๆ ก็เรียกชื่อดั่งเดิมของเ้าตัวทำให้น้ำตาเอ่ยล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างโดยไม่มีสาเหตุ เป็ชื่อที่ชวนคิดถึงมาก
"ขอบคุณครับพี่บลัฟเฟอร์ที่จำชื่อของผมได้... ขอบคุณจริงๆ ครับ" มาร์แชลพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากพระราชวังไป
ไม่ได้ยินชื่อนี้มาเป็เดือนมันเป็ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกว่าเพราะอะไรถึงร้องไห้ออกมาแต่รู้สึกดีใจ ปลื้มใจ ว่าครั้งหนึ่งชื่ออะไรกันแน่แล้วมาจากที่ไหน ไม่เคยลืมว่าตนเองเป็คนที่ไหนมาก่อน ขอบคุณที่ทำให้นึกถึงความทรงจำที่ดีอีกครั้ง
เขาไม่ได้เข้าไปปลอบหรือทำให้อะไรดีขึ้นหรือแย่ไปกว่าเดิมเพราะอยากให้อีกคนได้ใช้ความคิดจัดการกับตนเองสักพัก ยืนอยู่เป็เพื่อนโดยไม่พูดอะไรน่าจะดีที่สุดในตอนนี้
"เป็ยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม" คีย์ถามพลางเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างแ่เบาหลังจากผ่านมาเนิ่นนานจนไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว
"ครับ ดีใจที่ทุกคนรักและเอ็นดูผมมากขนาดนี้ เข้าไปคุยกันด้านในกัน"
ณ ห้องทำงาน
"หลังจากนี้จะทำยังไงกันต่อดีพะยะค่ะ" เมล์ถามทันทีที่เห็นนายของตนเข้ามายังห้องทำงาน
"ข้าจะจัดงานหมั้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ก่อนอื่นต้องเขียนจดหมายขอแต่งงานส่งไปหา ดยุคตระกูลริคก่อน และเดินทางไปคุยด้วยตนเองเพื่อให้มันถูกต้องตามประเพณีของจักรวรรดิ"
"พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นท่านก็เริ่มเขียนเสียตอนนี้เลยเพราะว่าท่านเองก็ได้รับอนุญาตให้พักงานหนึ่งเดือนไปก่อน น่าจะมีเวลามากพอที่จะจัดการเื่ทางนี้เสร็จ" เมล์บอกพลางยื่นเอกสารการได้รับอนุญาตให้พักงานราชการเป็เวลาหนึ่งเดือนเต็ม
"อืม...ได้ ถ้างั้นไวท์ไปทำงานอย่างอื่นก่อนดีไหมแล้วค่อยว่ากันในเื่อื่นอีกที"
"ครับ ตอนนี้มีงานอะไรบ้างเฟลิกซ์"
"ตอนนี้ท่านได้รับบัตรเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงมากมายั้แ่เปิดตัวจนถึงตอนนี้ก็ยังคงถูกส่งมาเช่นเดิม จะจัดการอย่างไรดีขอรับ"
"คัดจดหมายที่กำลังการก่อนหน้าออกไปให้หมด เหลือแต่กำหนดการหลังจากวันนี้สามวันให้แยกไว้อีกทาง ข้าจะตอบรับจดหมายคำเชิญหลังจากนั้น" รู้สึกอยากพักสักสองสามวันก่อนที่จะต้องเข้างานสังคมและทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรเป็
"ไวท์ เปลี่ยนเป็หนึ่งสัปดาห์แทนได้ไหมจะได้พากันไปคุยเื่การหมั้นหมาย" คีย์เอ่ยออกไปโดยยังคงทำงานเก่าที่ค้างไว้เช่นเดิม
"ได้ครับ เฟลิกซ์จัดการเป็หลังจากวันนี้หนึ่งสัปดาห์แทนแล้วกัน" มาถึงจุดที่จะต้องหมั้นแล้วแต่งงานแล้วสินะแต่ว่า...ที่นี่แต่งงานได้ทุกเพศถือว่าเปิดกว้างมากจริงๆ นึกว่าจะให้รับตำแหน่งเฉยๆ แล้วไม่มีงานซะอีก
ณ พระราชวังจักรพรรดินี
"ทำไมถึงไปถามหนูไวท์แบบนั้นล่ะเพคะ แบบนี้จงใจหาเื่เด็กคนนั้นหรือยังไงกัน" จักรพรรดินีถามด้วยความไม่พอใจทันทีเมื่อฟังเื่ทั้งหมดที่เล่ามาจนจบ
"ข้าแค่อยากรู้ความรู้สึกเท่านั้นเองว่าตัดสินใจยังไง เพราะทุกคนล้วนรู้สึกรักจริงหวังแต่งทั้งนั้น ไม่อยากให้ใครมาเสียน้ำตาโดยไม่จำเป็แม้แต่คนเดียว" เพราะว่าความรักเป็เื่บริสุทธิ์มากกว่าจะเกิดโศกนาฏกรรม
มีการประกาศออกมาอย่างไม่เป็ทางการภายในพระราชวังหลวงถึงว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาทระหว่างกำลังทำเื่ให้เป็คู่หมั้นกัน และแน่นอนว่าข่าวนี้แพร่กระจายออกไปทั่วเมืองหลวงให้รับทราบอย่างไม่เป็ทางการจากการพูดปากต่อปากของข้าราชวังหลวง ประชาชนทั้งหลายต่างร่วมยินดีที่เหตุการณ์ทั้งหมดในครั้งนั้นมีคุณชายริค ไวท์ เป็ผู้ช่วยเหลือและกำลังจะเป็ว่าที่จักรพรรดินีในอนาคตอันใกล้นี้
"จดหมายเสร็จหรือยังพะยะค่ะ" เมล์เร่งเพราะใกล้จะถึงวันที่ต้องไปส่งแล้ว
"ข้าส่งไปั้แ่วันที่พูดแล้ว เ้าเบลออะไรกัน ไปนอนอีกรอบไหม" รัชทายาทตอบพลางจะเคลียร์งานที่ค้างให้เสร็จทั้งหมด
"แล้วใครเป็คนเอาจดหมายไปส่งให้ทางพระราชวังพะยะค่ะ ในเมื่อข้ายังไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากที่นี่"
"ข้าให้เฟลิกซ์ไปส่งแล้วเพราะเห็นว่าไปทางเดียวกันพอดี ยังไงจดหมายน่าจะถึงแล้วพวกเราทั้งหมดก็ออกเดินทางกันภายในคืนนี้เลย"
"ทำแบบนั้นแล้วข้าไม่รู้ พาให้คิดว่าท่านลืมนะขอรับ"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ขออนุญาตพะยะค่ะรัชทายาท ข้าเฟลิกซ์"
"เข้ามาสิ"
"เื่จดหมายของท่านไวท์เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ ว่าแต่ทำไมทำหน้าเหมือนกำลังทะเลาะกันอีกแล้ว" เฟลิกซ์ถามพลางมองหน้าบุคคลผู้มียศเยอะกว่าไปมา
"ข้าไม่เคยทะเลาะกับนายตนเองเมื่อใดกันล่ะเฟลิกซ์ มีเื่ให้ปวดหัวทุกวัน"
"แล้วมีข้ารับใช้ที่ไหนกัน กล้าเถียงผู้เป็นายแบบเ้าบ้าง"
