“ท่าไม่ดีแล้ว รีบหนีเร็วเข้า!”
เมื่อหวังต้งได้ยินเสียงกรีดร้องของหวังเยวี่ย เขาก็รู้ทันทีว่ามีเื่ไม่ดีเกิดขึ้น แล้วรีบชักจูงพรรคพวกให้หนีไป
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! กล้าทำร้ายญาติผู้น้องของข้าแล้วยังไม่คุกเข่ารอรับความตายอีก!” หวังต้งเป็ยอดฝีมือเก้าเส้นลมปราณอายุยี่สิบห้าปี ปัจจุบันอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหก
“ญาติผู้พี่ เขาทำลายรากจิติญญาของข้า ท่านต้องสังหารเขาเพื่อล้างแค้นให้ข้านะ!” น้ำเสียงของหวังเยวี่ยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทั้งยังส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
“อะไรนะ? ทำลายรากจิติญญา เ้าเด็กนี่ชั่วร้ายเกินไปแล้ว!” หลี่ซือกล่าวขึ้น เขาอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าและค่อนข้างสนิทสนมกับหวังต้ง
หวังเยวี่ยจ้องหนิงเทียนแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “บังอาจทำลายรากจิติญญาของข้า แม้แต่าา์ก็ไม่อาจช่วยเ้าได้ วันนี้เ้าต้องตาย! ต้องตายอย่างอนาถยิ่ง!”
“ไร้สาระเสียจริง” หนิงเทียนไม่สนใจเขาเลยสักนิดและเพ่งสายตาไปทางหวังต้ง
ความผันผวนที่ปล่อยออกมาจากจิตหยั่งลึกขั้นหก ทำให้หนิงเทียนกังวลเล็กน้อย
“เ้าหูหนวกหรือ? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
ศิษย์ฝ่ายในสองคนะโขู่หนิงเทียนอย่างเกรี้ยวโกรธเพื่อเอาใจหวังต้ง
หลี่ซือคำราม “ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับมัน! รีบลงมือเสียเถิด”
“ศิษย์พี่หลี่โปรดวางใจ ท่านรอชมได้เลย”
พลันศิษย์ฝ่ายในสองคนผู้อยู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสี่ปรากฏตัวขึ้น ต้นไม้สี่ต้นลอยอยู่ข้างกายและดูดพลังฟ้าดิน เพื่อก่อตัวเป็กระแสน้ำวนแห่งพลังิญญา ซึ่งเป็ที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
“คุกเข่าลงเสียเ้าหนู!” ทั้งสองคนมีใบหน้าที่น่ากลัว ทั้งยังแสดงท่าทางโหดร้าย
หนิงเทียนเลิกคิ้วกระบี่ บงกชสีมรกตลอยอยู่นอกร่าง แผนที่จิติญญาแปรปรวนอย่างคาดเดาไม่ได้ และด้วยความช่วยเหลือของยุทธศาสตร์ครอง์ พลังทั่วร่างจึงมหาศาลท่วมท้นูเาและแม่น้ำ ทั้งยังเฉียบคมราวกับสายรุ้ง[1]
“ทะลวงพันชั้น!” หนิงเทียนเคลื่อนไหวฉับไวดุจกระต่ายป่า มือทั้งสองข้างประสานกัน พร้อมขยับฝีเท้าอย่างไม่อาจคาดเดาได้ เหมือนแม่น้ำเชี่ยวกรากที่ซัดสาดคลื่นั์นับพันลูก
“นะ...นั่นอะไร?” หวังต้งและหลี่ซือต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้
หนิงเทียนสามารถคว้ากำปั้นของศัตรูไว้ได้ ยุทธศาสตร์ครอง์หยั่งรากลึกในทุกสิ่ง ช่างเผด็จการเสียจริง
ศิษย์ฝ่ายในทั้งสองคนต่อต้านอย่างสิ้นหวัง พวกเขาพยายามสร้างเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งให้เส้นลมปราณ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อกรกับทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ของหนิงเทียนได้
กระบวนท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกตในแผนที่จิติญญา นับเป็สิ่งที่มีพลังแก่กล้าในการไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม
ร่างของคู่ต่อสู้ทั้งสองคนลอยออกไปในชั่วพริบตาพร้อมเสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง และรากจิติญญาทั้งสี่ของพวกเขาก็ถูกหนิงเทียนพรากไปด้วย
ลมพายุแห่งความพิโรธโหมกระหน่ำผ่านร่างหนิงเทียน เสื้อผ้าของเขาปลิวไสว บงกชสีมรกตข้างกายผุดผ่องราวกับเป็อิสระจากเศษธุลี
“บ้าเอ๊ย!” หลี่ซือคำรามด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะแผ่คลื่นฝ่ามือทรงอานุภาพดุจฟ้าคะนองที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งอัสนี
ดวงตาของหนิงเทียนกระตุกพร้อมปล่อยดอกไม้บินพุ่งออกไป ทว่าแรงมืออันหนักหน่วงกลับทำให้คมมีดแตกกระจาย จนหนิงเทียนต้องจำใจเคลื่อนตัวหลบ
หนิงเทียนใเล็กน้อยกับความแข็งแกร่งของหลี่ซือ ชายผู้นี้อาจไม่ใช่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าธรรมดา เพราะเขาเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งยังสามารถปล่อยสายฟ้าจากฝ่ามือได้ ช่างเป็พลังที่น่าทึ่งมาก
หนิงเทียนยกแขนพลางหมุนกาย ดอกไม้บินปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมพลังที่ส่งจากยุทธศาสตร์ครอง์ ดอกไม้สิบหกดอกบานสะพรั่งและเคลื่อนไหวสลับไปมาเพื่อรบกวนการมองเห็น
หลี่ซือหัวเราะเยาะก่อนจะสร้างการป้องกันห้าชั้น ซึ่งสามารถต้านทานการรุกรานของยุทธศาสตร์ครอง์ได้ชั่วคราว
“ตายเสียเถอะ!” หลี่ซือคำราม แสงแห่งจิติญญาส่องสว่างไปทั่วร่าง รากบ่มเพาะปรากฏขึ้นเื้ั ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันคือกล้วยไม้ห้าสี
สิ่งนี้คือรากบ่มเพาะระดับนิลกาฬที่มีความสามารถทรงพลังอย่างยิ่ง
ยุทธศาสตร์ครอง์ของหนิงเทียนถูกปะทะอย่างรุนแรง ขณะที่เขากำลังบุกทะลวงก็ถูกฝ่ามือฟ้าคำรามของหลี่ซือกระแทกกลับ
จื๋อซิวคนอื่นๆ ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าไม่สามารถทำอะไรหนิงเทียนได้แม้แต่ปลายเล็บ ทว่าหลี่ซือผู้นี้ต่างออกไป เขาค่อนข้างมีพลังอันแข็งแกร่ง
หลังจากหวังต้งตรวจสอบอาการาเ็ของศิษย์น้องทั้งสองแล้ว กลิ่นอายสังหารก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“จงตายไปเสียเถอะหนิงเทียน!” หวังต้งแผดเสียงอันดุร้ายและป่าเถื่อน พร้อมเคลื่อนไหวปานสายฟ้า กระแสน้ำวนทั้งหกรอบกายกระจายไปทุกทิศทาง จนเกิดร่องรอยการเคลื่อนย้ายมวลสารที่รวดเร็วเหนือจินตนาการ
หนิงเทียนััได้ถึงอันตรายจึงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับสัตว์ร้ายโบราณที่เผยให้เห็นเพียงสัญชาตญาณอันโเี้
“ทะลวงพันชั้น!” ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ แขนของหนิงเทียนเปรียบเสมือนเทพพันกรที่พุ่งโจมตีหลี่ซือและหวังต้ง จนพวกเขากระเด็นออกจากกัน
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่น หนิงเทียนถูกคลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกลัวพัดปลิวไปไกลหลายจั้ง หลังจากลงถึงพื้นแล้ว เขาก็รีบย่อตัวและวิ่งไปหากลุ่มพืชิญญาตามไหล่เขา
“ทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้เถอะ!” หวังต้งปล่อยหมัดขวาพร้อมใช้ทักษะเงาผกาตามติด เมื่อพลังหมัดหลอมรวมเข้ากับเงาิญญาดอกไม้ ทักษะนี้ก็แข็งแกร่งราวปีศาจ ดอกไม้ทั้งหกไล่ตามดวงจิตและพยายามกลืนกินชีวิตของหนิงเทียน
การโจมตีของเหล่าจื๋อซิวมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ทั้งยังมีรูปแบบที่ชวนให้สับสน
เส้นลมปราณทั้งเก้าของหนิงเทียนสั่นะเื แผนที่จิติญญาปั่นป่วน บงกชสีมรกตหยั่งรากลงในดิน จนเหล่าปีศาจดอกไม้และต้นไม้โดยรอบตื่นตระหนก ก่อนจะพุ่งกิ่งก้านเถาวัลย์ออกมา แล้วพัฒนาเป็หอกและกระบี่ิญญาเข้าขวางหวังต้ง
นี่คือการประยุกต์ใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ เขาสามารถกดขี่ข่มเหงดวงิญญาที่อ่อนแอกว่าให้เชื่อฟังคำสั่งของตนได้
แม้เขาจะไม่สามารถทำให้พลังคงอยู่นานกว่านี้ได้ แต่ผลของการก่อกวนก็มีประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องสงสัย
บริเวณรอบบ่อน้ำทิพย์มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่ากว่าสิบคนได้รับาเ็สาหัส หนิงเทียนจึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งเข้าไป
หวังต้งและหลี่ซือไล่ตามมาด้วยความอาฆาตแค้นต่อหนิงเทียน แต่เมื่อเข้ามาใกล้ตีนเขา ทั้งสองคนก็เห็นว่ามีบ่อน้ำทิพย์อยู่ไม่ไกล
“โอกาสมาแล้ว! เร็วเข้า!”
พวกเขาสบตากันอย่างเข้าใจ การไล่ล่าหนิงเทียนกลายเป็เื่รองไปโดยปริยาย เวลานี้การยึดครองบ่อน้ำทิพย์เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
ต้นไม้ใหญ่โบกกิ่งก้านโจมตีหนิงเทียนหวังต้ง และหลี่ซือ
กิ่งก้านเ่าั้ไม่ต่างจากแส้ศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่จนทำให้คมมีดของหนิงเทียนแตกร้าว
หวังต้งและหลี่ซือร่วมมือกันหักกิ่งก้านและมุ่งเข้าป่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งดึงดูดความสนใจของศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่าเป็อย่างมาก
“รีบไปขวางไว้! อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้าใกล้บ่อน้ำทิพย์”
นี่เป็การค้นพบของบรรดาศิษย์สำนักเชียนเฉ่า แล้วจะปล่อยให้สำนักร้อยบุปผา่ชิงไปได้อย่างไร?
หนิงเทียนถอยไปตั้งหลักเงียบๆ และเฝ้าดูอยู่รอบนอกพักหนึ่ง จากนั้นจึงกลับมาหาหวังเยวี่ยและศิษย์ฝ่ายในอีกสองคน
“เ้าหนู เ้าจะทำอะไร? ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะต้อง... อ๊าก!”
“ไร้สาระจริงๆ ข้าเพียงแต่ปล้นเ้า ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเสียหน่อย”
ศิษย์ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสี่ถูกปล้น จำนวนหินิญญาทั้งหมดในมือของพวกเขามีมากกว่าหนึ่งพันก้อน
หนิงเทียนย้อนกลับมาบริเวณบ่อน้ำทิพย์ บงกชสีมรกตหยั่งรากลงดิน หินิญญาลอยว่อนรอบกาย เขากำลังผสานพลังหินิญญาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตน
หลังจากประลองพลังกับหลี่ซือและหวังต้งไปสองกระบวนท่า หนิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกไม่ได้เก่งกาจมากนักเมื่อเทียบกับขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าและหก
จากการวิเคราะห์ของหนิงเทียน หลี่ซือกับหวังต้งค่อนข้างเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้และมีพลังที่น่าสนใจ
จื๋อซิวและหยวนซิวมีความแตกต่างกันบางประการ ตัวอย่างเช่น ใน่ปลายของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า จื๋อซิวสามารถปลุกทักษะโดยกำเนิดได้ หากไปถึงขอบเขตผนึกดาราก็จะได้รับทักษะต่อสู้ และหลังจากเข้าสู่ขอบเขตเหนือเมฆาแล้ว ว่ากันว่าจะได้รับทักษะศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ทักษะโดยกำเนิด ทักษะต่อสู้ และทักษะศักดิ์สิทธิ์ล้วนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็พลังที่ไร้ผู้เปรียบเทียบ
แม้ผู้บำเพ็ญขอบเขตจิตหยั่งลึกจะยังไม่สามารถเข้าใจทักษะต่อสู้จากรากบ่มเพาะของตน ทว่าพวกเขาก็สามารถฝึกฝนวิชาต่อสู้ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ได้
นี่เป็กรณีของหวังต้งและหลี่ซือ วิชาทะยานหลงเงาตัดผกาของหนิงเทียนก็นับเป็ทักษะต่อสู้เช่นกัน ขณะที่ทะลวงพันชั้นถือเป็ทักษะศักดิ์สิทธิ์
ระหว่างใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ หนิงเทียนก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์การต่อสู้บริเวณบ่อน้ำทิพย์ไปด้วย พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแกร่งในการบำเพ็ญของตนอย่างระมัดระวัง
เขากลายเป็ผู้บำเพ็ญยังไม่ถึงหนึ่งเดือน ดังนั้น เขาจึงยังไม่เข้าใจความรู้พื้นฐานบางอย่าง
นอกจากนี้เส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าของเขายังแตกต่างจากผู้บำเพ็ญคนอื่น วิธีการตัดสินความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญทั่วไปจึงไม่เหมาะกับเขา
ขอบเขตจิตหยั่งลึกมีเก้าขั้น แต่ละขั้นแบ่งออกเป็สี่่ ได้แก่ ่ต้น ่กลาง ่ปลาย และ่สมบูรณ์
ตอนนี้หนิงเทียนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก และมีเพียงเส้นลมปราณแรกเท่านั้นที่รวมเข้ากับแผนที่จิติญญา ซึ่งนั่นทำให้เขาโดดเด่นกว่าผู้อื่น
แผนที่จิติญญาเป็สิ่งที่เหนือความคาดหมาย พลังิญญาที่เข้าสู่เส้นลมปราณแรกได้รับการบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง และมีคุณภาพทะยานสูงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนสามารถดำเนินมาถึงระดับที่น่าอัศจรรย์
หนิงเทียนตรวจสอบอย่างระมัดระวังก่อนจะพบว่า หลังจากพลังิญญาเข้าสู่เส้นลมปราณแรกแล้วมันจะค่อยๆ เย็นตัวลงและถูกบีบอัดทั้งหมดเก้าครั้ง การบีบอัดแต่ละครั้งจะมีการหลอมรวมอีกสองครั้ง และหลังจากการบีบอัดครั้งที่เก้าเสร็จสิ้นก็จะถูกบีบเพิ่มอีกห้าร้อยสิบสองครั้ง ซึ่งสิ่งนี้สร้างความใให้หนิงเทียนอย่างมาก
“ข้าก็ว่ามันแปลกๆ ข้าขัดเกลาหินิญญานับพันก้อนและดูดซับรากจิติญญาอีกนับสิบชิ้น ทว่ากลับอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก ที่แท้ก็เป็เพราะเหตุนี้เองหรือ?”
หนิงเทียนไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี เส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าทำให้เส้นลมปราณของเขาใหญ่กว่าคนอื่นหลายพันเท่า อีกทั้งแผนที่จิติญญายังมีความลับสุดยอดอย่างกระบวนท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกต ซึ่งกว่าจะบีบอัดได้ห้าร้อยสิบสองครั้ง เวลาก็ล่วงไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ข้อได้เปรียบอันใหญ่หลวง ทว่า เขาต้องกลืนพลังิญญาอีกเพียงใดจึงจะพัฒนาขอบเขตของตนได้?
หนิงเทียนรู้สึกอับจนหนทาง เขามาถึงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาอีกกี่เดือนหรือกี่ปีถึงจะเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง
“เราควรจะยึดถือการปล้นเป็บรรทัดฐานสินะ? และการปล้นก็คือสิ่งที่ข้ารักเสียด้วย”
ทันทีที่ก้าวขาออกไป ดวงตาของหนิงเทียนก็ลุกเป็ประกาย
เขาอยากต่อสู้ เขาอยากปล้น และเขาก็อยากพัฒนาตนเอง
หนิงเทียนเริ่มใช้วิชาทะลวงพันชั้น ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้แบ่งออกเป็สิบระดับ ซึ่งยามนี้วิชาของเขาอยู่เพียงระดับแรกเท่านั้น มันมีหนึ่งพันยี่สิบสี่กระบวนท่า ทั้งยังมีรูปแบบที่หลากหลายอย่างยิ่ง
บงกชสีมรกตเคลื่อนตัวเหนือพื้นดินเล็กน้อย พร้อมโอบร่างของหนิงเทียนตรงไปยังบ่อน้ำทิพย์ ซึ่งถูกขัดขวางโดยปีศาจดอกไม้และหญ้าิญญาตลอดทาง
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!” หนิงเทียนคำรามอย่างดุดัน ดอกไม้บินสิบหกดอกปรากฏบนปลายนิ้ว ทุกดอกล้วนเป็เงาที่แท้จริง ดอกไม้แต่ละดอกมีกลีบมากกว่าสิบกลีบ ทั้งหมดประกอบด้วยปราณกระบี่ ก่อนจะกลายเป็กงล้อกระบี่ที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งจิติญญา แล้วะเิใส่ต้นไม้ิญญาเ่าั้
ต้นไม้ใบหญ้าในป่ากระเจิดกระเจิง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วทุกแห่งหน พลังิญญาทุกชนิดอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ใบไม้แห้งเหี่ยวปลิดปลิวว่อนนภา
จิติญญาแห่งการต่อสู้ของหนิงเทียนนั้นสูงเสียดฟ้า เขาถือว่านี่คือการฝึกฝนทักษะ ไม่ว่าจะเป็ต้นไม้หรือดอกไม้ิญญา ศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่า แม้แต่หวังต้งหรือหลี่ซือ ก็ล้วนเป็ศัตรูของเขาทั้งสิ้น
“เ้าเด็กบ้านั่นมาจากที่ใด? จงไปเสียให้พ้น”
ศิษย์สำนักเชียนเฉ่าโกรธจัด ทันใดนั้นก็มีคนสองคนวิ่งเข้าไปหาหนิงเทียน ทว่ากลับถูกเขาปัดกระเด็นในพริบตา
“ยุทธศาสตร์ครอง์!”
หนิงเทียนคำรามลั่น ผมยาวสลวยตั้งตรง บงกชสีมรกตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังดูพลิ้วไหวด้วยแสงและเงาของปราณกระบี่
“ฆ่ามัน!”
ต้นไม้ิญญายึดครองอาณาเขตไปจนหมดสิ้น เหล่าลูกศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่า รวมถึงหวังต้งและหลี่ซือจากสำนักร้อยบุปผาต่างก็พยายามอย่างหนักเพื่อบ่อน้ำทิพย์ พวกเขา้าและดื่มกินมันเข้าไป
ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งจู่โจมหนิงเทียนอย่างรุนแรงจนกระบี่ของเขาแตกเป็เสี่ยงๆ ก่อนจะทรุดตัวลงไปและอาเจียนเป็เื
“จะ...จิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด!” สีหน้าของหนิงเทียนมืดมน อีกฝ่ายเป็ยอดฝีมือจากสำนักเชียนเฉ่า และตนเองยังไม่สามารถเทียบเคียงได้
หนิงเทียนตัดสินใจหลีกหนี ดอกไม้บินและทะลวงพันชั้นถูกใช้อย่างต่อเนื่องจนสามารถชนะจิตหยั่งลึกขั้นห้าจากสำนักเชียนเฉ่าได้ ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้หลี่ซือเป็อย่างมาก
“เราเก็บเด็กนี่ไว้ไม่ได้ เขาจะกลายเป็ปัญหาร้ายแรงในภายภาคหน้า”
หวังต้งพึมพำ “วางใจได้ เขาจะไม่มีวันได้ออกจากแดนลับ”
ทุกฝ่ายต่างดิ้นรนต่อสู้ และเสียงกรีดร้องก็ยังคงดำเนินต่อไป
เหล่าพืชิญญาและลูกศิษย์สำนักเชียนเฉ่าค่อยๆ ล้มตายในสนามรบไปทีละร่าง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม บริเวณโดยรอบเหลือผู้รอดชีวิตเพียงเจ็ดคนเท่านั้น และทั้งหมดก็ล้วนมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำทิพย์
---------------------------------------
[1] ราวกับสายรุ้ง (如虹) หมายถึง ทรงพลังหรือแข็งแกร่งอย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้