เด็กน้อยกำลังทนความทรมานแสนสาหัสอย่างเห็นได้ชัด
ยามร่างเล็กๆ สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อเม็ดโตก็ผุดออกมาจากหน้าผากของนาง พริบตาเดียวก็ชื้นไปทั้งตัวเหมือนอาบน้ำมา ผ้าห่มบนร่างล้วนฉ่ำไปด้วยน้ำ ภาพตรงหน้านี้น่ากลัวเกินไป เหมือนพลังแข็งกล้าอันจริงแท้กำลังสูบพลังชีวิตของนางออกมาจนหมด
ริ้วลายแดงชาดลุกลามไปทั่วกายนางแล้ว
รูขุมขนบนิัเหมือนถูกบางอย่างรั้งเอาไว้ ้าจะะเิออกมาจากกายเนื้อ บางสิ่งกำลังปีนไต่อยู่ในหลอดเื ตีเส้นเืจนผิวเนื้อแดงชาด
ร่างเล็กเหมือนตกอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น โลกภายนอกเป็อย่างไรนางก็ไม่อาจรับรู้ได้อีกแล้ว
เ่ิูกางมือออก แล้วก็ค่อยๆ คลายลง
เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่หวังเจี้ยนหรูก็ได้มาปรากฏตัวที่ข้างเตียงไม่ให้สุ้มให้เสียง
“พลังมืดยิ่งพวยพุ่งยิ่งเพิ่มขึ้น อีกไม่นานนางก็จะถูกพลังแห่งความมืดในส่วนลึกของชีพจรจ่อมจม กลายเป็สตรีอับแสงเต็มคราบ” หวังเจี้ยนหรูเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและแปลกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็ความเสียดายหรือมีหวังกันแน่ “เ้าไม่ต้องเป็ห่วงเสี่ยวจวินหรอก นางไม่เป็อะไร ชีพจรความมืดคือพลังที่ติดตัวนางมาแต่กำเนิด ไม่มีทางทำลายชีวิตนางได้เด็ดขาด”
“แต่ท่าทางนางตอนนี้ ดูเ็ปมากนะ...” เ่ิูไม่อาจอดกลั้น
หวังเจี้ยนหรูใช้แววตาแปลกประหลาดมองเ่ิู นางตอบ “ที่นางรู้สึกเ็ปก็เพราะนางกำลังขับไล่พลังความมืดอยู่ นางไม่อยากรับพลังเช่นนี้ไว้ ไม่อยากทิ้งรูปกายในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว เด็กคนนี้ไม่มีทางดูโหดร้ายเพียงนี้หรอก...ที่น่าะเืใจก็คือ หากนางไม่ยอมรับพลังนี้ ก็จะยังถูกมนุษย์และปีศาจตามล่าต่อไป เพราะไม่ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจล้วนแล้วแต่ไม่อาจอนุญาตให้ชีวิตอันมีชีพจรนครอันธการไหลเวียนอยู่ในร่างมีลมหายใจอยู่บนโลก”
“หากนางรับพลังความมืดเล่า?” เ่ิูถามอีก
“เช่นนั้นพลังของนางจักเพิ่มพูนเป็พันลี้ ต่อให้ไม่ฝึกฝนอะไรอีก พลังของนางก็จะหลั่งไหลและเพิ่มอย่างบ้าคลั่ง สู่อาณาที่ต่อให้คนอื่นใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจได้มา สำหรับนางแล้ว ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น อาณาน้ำพุิญญา อาณาทะเลระทม อาณาเซียน...นางก็ฝึกสำเร็จได้สบาย” หวังเจี้ยนหรูเอื้อนเอ่ยแ่เบา “หากจะมีปัญหาใดก็ตามก่อนหน้านั้น คงเป็ต้องมีชีวิตรอดก่อนให้ได้”
เ่ิูเงียบไปพักหนึ่งก็ว่า “เช่นนั้นท่านก็ให้นางรับพลังความมืดไว้เถอะ อย่างน้อยจะได้มีพลังไว้ป้องกันตัวเองเพิ่มขึ้นบ้าง”
หวังเจี้ยนหรูมองเ่ิู นางถามอารามใ “เป็คำแนะนำที่คาดไม่ถึงเลยนะ แต่ว่าเ้าไม่คิดบ้างหรือ ว่าหลังจากรับพลังความมืดแล้ว นางจะกลายเป็มารที่เดินทางสายมืด?”
เ่ิูส่ายหน้า “ให้สหายตัวเองกลายเป็ปีศาจมีชีวิตอยู่ต่อไปยังดีเสียกว่าไม่กลายเป็ปีศาจแล้วถูกใครอื่นฆ่า ข้ายินดีจะเลือกอย่างแรก เพราะขอแค่มีชีวิตอยู่ ความหวังก็ยังมีเสมอ”
“น่าสนใจ” หวังเจี้ยนหรูแย้มยิ้ม “เ่ิู ข้าคิดมาตลอดว่าเ้าเป็ศิษย์ที่ไม่เหมือนศิษย์คนไหน จากที่เ้าเอ่ยมา ข้ามองเ้าไม่ผิดจริงแท้”
เ่ิูไม่พูดอะไร
หวังเจี้ยนหรูว่าต่อ “เื่ที่เ้าพูดเมื่อครู่ข้าได้บอกกับเสี่ยวจวินแล้ว แต่นางไม่อยากเป็มารจริงๆ กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยในตอนที่นางยังควบคุมร่างกายและห้วงความคิดตัวเองได้ นางก็ยังอยากจะเป็่เี่ิผู้โง่เขลาและเฉื่อยแฉะ มิใช่่เี่ิที่พลังกล้าแกร่งไร้ใครต้านทาน...เ้ารู้ไหมว่าเพราะเหตุใด?”
เ่ิูส่ายหน้า
“เพราะเ้าไง” หวังเจี้ยนหรูถอนใจเฉลย
“เพราะข้าหรือ?” เ่ิูชะงัก
“ไม่ผิดหรอก มันเป็เพราะเ้า” หวังเจี้ยนหรูว่าชัดถ้อยชัดคำ “หลังกลายเป็มารแล้ว จะตัดขาดจากอดีต เื่ราวเก่าๆ จะห่างหายเหมือนเมฆควัน นางจะลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ขอเพียงชีพจรแห่งมารมืดปะทุ ความทรงจำในชีพจรตื่นรู้ นางจะจดจำเื่ในอดีตได้ แต่จะลืมทุกอย่างในปัจจุบัน รวมทั้งเ้าด้วย”
เป็เช่นนี้หรือ?
เ่ิูนิ่งค้าง
“บางทีเ้าอาจยังไม่รู้ว่าตัวเ้านั้นสำคัญต่อเด็กคนนั้นขนาดไหน หลายปีมานี้ แสงสว่างเดียวของชีวิตนาง ก็คือรอยยิ้มของเ้า นอกจากมารดานางแล้ว เ้าคือครอบครัวที่สนิทกับนางที่สุด” หวังเจี้ยนหรูชำเลืองมองเ่ิู ไม่อาจรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ถึงได้ถอนหายใจอีกรอบ “ทุกสิ่งอย่างได้ถูกกำหนดมาอย่างลับๆ หมดแล้ว และที่นางได้พบกับเ้าโดยบังเอิญในสำนักกวางขาว เหมือนจะเป็พรหมลิขิตของชีวิตนางกระมัง”
เ่ิูสุดจะรู้ว่าควรพูดอย่างไรถึงจะดี
เขารู้ว่าเด็กน้อยยามอยู่กับเขานั้นเบิกบานเป็อย่างมาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเขาจะสำคัญต่อนางถึงเพียงนี้
แม้จะเพิ่งสิบกว่าขวบ แต่การลืมเลือนทุกอย่างในอดีตจนหมดเองก็โหดร้ายไม่ใช่เบา
มิแปลกที่นางจะไม่สมัครใจรับพลังนั้นมา
ทว่าเ่ิูก็ยังคิดเช่นเดิม ว่าหากมีชีวิตอยู่ทุกอย่างก็เป็ไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่ลืมเลือนสามารถระลึกขึ้นมาได้ใหม่ แต่คนตายไม่อาจฟื้นคืน
“มารดาเสี่ยวจวินล่ะ? นางรู้สภาพเสี่ยวจวินไหม?” เ่ิูถาม
หวังเจี้ยนหรูส่ายหน้าแล้วไขข้อสงสัย “นางเป็แค่คนธรรมดา คนธรรมดาที่สุดแสนธรรมดา สำหรับอำนาจที่อยู่เหนือหัวสูงลิ่วแล้ว คนแค่คนเดียวเล็กจนเหยียบย่ำมิได้ หากมิใช่เพราะนางให้กำเนิดลูกสาวที่มีชีพจรมืดอยู่ในกายแล้วล่ะก็ นางหมดหนทางจะอยู่ในสายตาของใคร รอจนเสี่ยวจวินได้พลังมืดมาเถอะ นางจะลืมแม้กระทั่งแม่ตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย”
“แต่นางเป็แม่เสี่ยวจวินนะ แม่ผู้ให้กำเนิด” เ่ิูโต้
หวังเจี้ยนหรูเงียบพักหนึ่งก็ตอบ “รู้ไหม หากมิใช่เพราะเสี่ยวจวินดึงดันจะเป็จะตาย เ้าก็ไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่มีทางได้พบนาง และพวกนางๆ ชนชั้นต้อยต่ำซึ่งถูกตระกูลซ่งหลอกลวงก็จะไม่มีทางรับข้อเสนอนี้ดีๆ หรอก...เ้าเลิกกังวลเถอะ แม่ของเสี่ยวจวินมีคนพาไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว นางจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นโดยไร้ภยันตรายใดๆ”
เ่ิูครุ่นคิดแล้วก็ถาม “เช่นนั้นข้าควรลาไปตอนนี้เลยหรือไม่?”
หวังเจี้ยนหรูเพียงพยักหน้ารับ “เ้าควรไปได้แล้ว เื่ที่เ้าควรรู้ควรเห็นก็ได้รู้ได้เห็นหมดแล้ว ยิ่งเ้าอยู่ตรงนี้นานขึ้นทุกวินาที ก็จะมีอันตรายขึ้นทุกวินาที เ้านึกไม่ออกหรอกว่าศัตรูของนางน่ากลัวเพียงไหน พวกเขาอยู่ในทุกที่ ในภพนี้ ไม่มีที่ใดที่พวกเขาหาไม่พบ แดนม่านหมอกเองก็ใช่จะปกปิดได้ยืนยาว จะช้าจะเร็วก็ต้องถูกเปิดโปง...ว่ากันตามจริง เ่ิู ข้าหวังในตัวเ้า ข้าเชื่อว่าบางทีในอนาคตอันใกล้ เ้าจักเป็คนที่สั่นะเืได้แม้แต่หุบเขาตัดกวางหรือกระทั่งทั้งแคว้นเสวี่ย นี่เป็เหตุผลนอกเหนือจากที่เ้าสนิทกับเสี่ยวจวิน เหตุผลที่ข้าปฏิบัติต่อเ้าเป็พิเศษในสำนัก ไปเถอะ ข้าไม่้าให้ฟ้าประทานเช่นเ้ามาอยู่ในวังวนอันตรายที่เ้ามิได้ก่อ หากมิใช่เพราะเสี่ยวจวินดึงดัน ข้าจักไม่มีทางพาเ้ามาที่นี่”
เ่ิูพยักหน้า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ณ ที่นี้ ทำให้เ่ิูรู้ซึ้งถึงการพลัดพรากราวกับชั่วนิรันดร
ก้าวแต่ละก้าวเหมือนเหยียบบนกาวหนืด พยายามเท่าไรก็ยกขึ้นมาไม่ได้
สายตาของเขามองยังร่างเล็กจ้อยที่สั่นสะท้านและเป็สีแดงชาดทั้งตัวบนเตียงนั้น ใจเหมือนกำลังเืไหล อากาศและเวลาพลันล่องลอย ใบหูได้ยินเสียงแสนไร้เดียงสาดังแว่วมา ‘เ้าคือเ่ิูเหรอ?’
ประโยคนั้น เกิดขึ้นยามเช้าตรู่เมื่อดวงตะวันทอแสง กลิ่นอายเปี่ยมอารมณ์ตลบฟุ้งในอากาศ ที่กลางสวนของสำนักกวางขาว บนถนนสายเล็กข้างแมกไม้ เด็กน้อยที่สะดุดล้มเพราะชุดหลวมโพรกเดินมาทักเขาตรงหน้าพร้อมหัวเราะคิกๆ
คือการพบกันครั้งแรกของคนทั้งคู่ และประโยคแรก
ภาพมากมายผุดขึ้นมาในความคิด แวบวาบไม่หยุด
ตอนถูกกักตัวอยู่ในหอพิจารณ์สีดำ ใครสักคนที่มีชีวิตชีวาเหมือนกระต่าย ปิดขมับตัวเองแล้วพร่ำพูด ‘ข้าคิดถึงท่านสุดๆ เลยล่ะ พี่ชิงหยู...’
ใต้ตึกหอพักหญิง ก็ยังเป็เด็กน้อยที่ะโโลดเต้น โผเข้าอ้อมอกเขาอย่างไม่สนสายตาใครทั้งสิ้น คลอเคลียหน้าผากกับแขนเขา เงยหน้าถามกลั้วหัวเราะ ‘พี่ชิงหยู ท่านมาหาข้าใช่ม้า?’
แล้วยังตอนในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง ที่สังหารทัพมารอักขระทางหนึ่ง พึมพำอย่างเกรี้วกราดอีกทางหนึ่ง ‘พี่ชิงหยูคนโกหก เขาบอกว่าจะมาหาพวกเรา ผลสุดท้ายจนตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาเลย...’
แล้วยัง...
ทุกภาพความทรงจำในทุกแห่งแล่นขึ้นมา พร่าเบลอเหลือเกิน
เ่ิูรู้สึกถึงความชื้นที่ขอบตา
ความรวดร้าวเหมือนสูญเสียครอบครัวคนหนึ่งไป เ่ิูเคยเผชิญมันมาแล้วเมื่อสี่ปีก่อน เขาไม่นึกเลยว่าสี่ปีให้หลัง ตอนที่ปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้ไม่ง่าย เขานึกว่าตนจะไม่มีวันหลั่งน้ำตาอีกแล้ว ทว่าตอนนี้กลับเป็แบบนี้ ถูกความเ็ปบาดขั้วใจแล้วใช่ไหม?
เมื่อหันหลังเดินไปได้ก้าวหนึ่ง เ่ิูก็นึกอะไรออกกะทันหัน เขาเดินกลับมาอีกหน
“เด็กน้อย ข้าให้ของขวัญเ้านะ” เ่ิูเดินมาถึงข้างเตียง หยิบตุ๊กตาหมีที่ซื้อมาวางบนมือเล็กของร่างที่ยังไม่ได้สติ
หากเขารู้ว่าวันนี้จะต้องลิ้มรสการจากลา เ่ิูสาบานจะเลือกของขวัญที่ดีกว่านี้ แพงยิ่งกว่านี้
เขามองดวงหน้าเล็ก แทบจะเรียกได้ว่าจารึกไว้ในจิติญญา ทุกรายละเอียดของใบหน้าห่อเหี่ยวไม่ได้สติ เ่ิูเอ่ยเป็สัตย์สาบาน ทุกถ้อยทุกคำ “เด็กน้อย จงมีชีวิตอยู่ต่อ รับพลังชีพจรของตัวเองเสีย...ข้าจะจำเ้าได้ ไม่ว่าต่อจากนี้เ้าจะเปลี่ยนเป็อย่างไร ข้าก็จะเป็พี่ชิงหยูของเ้า ข้าจะตามหาเ้าจนเจอ ให้เ้าจำข้าได้อีกครั้ง”
เอ่ยจบแล้ว เ่ิูก็มองหวังเจี้ยนหรู เขาว่าเสียงมั่นคง “ข้าอยากรู้ ว่าแม่ของเสี่ยวจวินถูกพาไปไว้ที่ไหน”
หวังเจี้ยนหรูรู้ความนัยของเ่ิูในทันที
นางลังเลครู่หนึ่งก็พยักหน้า “เ้าได้รู้แน่”
เ่ิูกล่าวขอบคุณแล้วก็หันกายจากไป
เขาไม่ถามหวังเจี้ยนหรูว่านางเป็ใคร ทำไมถึงปกป้อง่เี่ิอย่างสุดกำลังเช่นนี้ แล้วก็ไม่ถามด้วยว่านอกจากนางแล้วยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ ไม่ถามแม้แต่ที่ๆ นางจะพานวลนางไป...คำถามพวกนี้ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น
เ่ิูรู้อยู่แก่ใจดี ว่าบนโลกนี้ มีเพียงพลังเท่านั้นที่จะตัดสินได้ทุกสิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้