หลี่ชิงหยุนไม่จำเป็ต้องรีรอ เขาพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าสนดำด้วยความเร็วสูงสุด เขาวิ่งผ่านกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่ละต้นเพื่อทิ้งระยะห่างให้กว้างที่สุด
"ไอ้สารเลว! หยุดเดี๋ยวนี้!" ชายชราก็ไม่ยอมแพ้ มันใช้ทักษะเร่งความเร็วและไล่ตามไปติดๆ ระยะห่างของมันกับหลี่ชิงหยุนอยู่ไม่ไกลกว่า 500 เมตรแล้ว
'ชายชราคนนี้เป็คนของตระกูลเล่ย' หลี่ชิงหยุนเคยได้ัักับทักษะของพี่น้องเล่ยมาก่อน นั่นคือเทคนิคการเคลื่อนไหวแบบเดียวกัน
"หยุดให้โง่เถอะไอ้เฒ่า!" เขาไม่สนใจ ตอนนี้เขาจำเป็ต้องล่อชายชราเข้าไปในส่วนลึกของป่า และได้แต่ภาวนาให้มีบางสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาได้
เมื่อชายชราได้ยินเสียงของหลี่ชิงหยุนดังขึ้น มันก็ประหลาดใจ "เหตุใดจึงเป็เสียงของบุรุษ? ข้ากำลังตามล่าหญิงสาวชุดดำก่อนหน้านี้... แล้วไอ้บ้านี่เป็ใคร!?"
"เ้าไม่ใช่สตรีหรอกหรือ?" จู่ๆชายชราถามหลี่ชิงหยุนในขณะที่ยังไล่ตามติดๆ
"เ้าแก่แล้วเริ่มหูหนวกหรือไม่!?" หลี่ชิงหยุนวิ่งต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับสาปแช่งในขณะหลบหนี
"เวร! ข้าตามล่าผิดคน ดูเหมือนต้องรีบกลับไปแล้ว" ชายชราไม่คิดจะตามหลี่ชิงหยุนอีกต่อไป มันหันหัวกลับไปที่เมืองอาทิตย์สีชาดในทันที เป้าหมายของมันอยู่ที่หญิงสาวชุดดำก่อนหน้านี้เท่านั้น
หลี่ชิงหยุนก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อหันกลับไปมอง ชายชราก็หายตัวไปไกลแล้ว "เมื่อกี้เ้าเฒ่านั่นถามว่าข้าไม่ใช่สตรี? อย่าบอกนะว่าเ้าเฒ่ากำลังรอลอบสังหารองค์หญิงผู้นั้น"
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของชายชราคือองค์หญิงจริงๆ
"เฮ้อ~ ยังไงก็เถอะ หากองค์หญิงไม่ออกนอกข้อจำกัด นางคงจะไม่เป็ไร" หลี่ชิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่หลบหนีจากชายชรามาได้
เขาไม่รอช้าอีกต่อไป เริ่มใช้เนตรปฐมกาลตามหาสมุนไพรต่างๆในทันที
แม้ว่าอายุสมุนไพรจะแค่ไม่กี่ปี แต่ถ้าเขามีเป็สวนเล่า? นั่นคงเอื้ออำนวยต่อเขาในอนาคตอย่างยิ่ง
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของหลี่ชิงหยุนในตอนนี้คือความยากจน แม้ว่าในเมืองอาทิตย์สีชาดเขาจะเป็นายน้อยผู้มั่งคั่ง แต่เมื่อเขาเข้าสู่เขตเมืองหลวง เขาคงจะเป็ได้แค่ขอทานจริงๆ
"เมื่อถึงเมืองหลวงเห็นทีข้าต้องหารายได้เสริมเพิ่มเติม" หลี่ชิงหยุนส่ายหัวพร้อมเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของป่า เขาเดินวนไปรอบป่าเพื่อเก็บสมุนไพรต่างๆเข้าไปในสวนยาของเจดีย์ปฐมกาล และเขายังคงเดินต่อไป
เมื่อเขาเข้าสู่ใจกลางป่าสนดำ เขามองเห็นม่านควันสีดำอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่เมตร ราวกับว่าม่านควันนี้กำลังป้องกันบางสิ่งบางอย่างไม่ให้เข้าและออกไป
"นี่คืออะไร? เหตุใดจึงมีม่านควันสีดำอยู่ตรงนี้?" ด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น เขาเปิดเนตรปฐมกาลเพื่อมองดูสิ่งที่อยู่ด้านในของม่านควัน
"นะ-นี่...เนตรปฐมกาลไม่สามารถมองผ่านเข้าไปได้" เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อมองดู แต่เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากควันแปลกๆ
จู่ๆมีแสงวาบบางอย่างพุ่งตรงใส่ดวงตาของเขา!
"อั๊ก!"
หลี่ชิงหยุนคร่ำครวญเบาๆด้วยความเ็ป ตอนนี้ในดวงตาทั้งสองข้างกลับมีเืไหลออกมาไม่หยุดไม่หย่อน เส้นเืฝอยในดวงตาของเขาเริ่มแตกออกทีละเส้น
เขายกเลิกการใช้งานเนตรปฐมกาลทันที ดูเหมือนว่าดวงตาปฐมกาลก็มีระดับการใช้งานของมันเช่นกัน ถ้ายิ่งฝืนใช้นานๆ เขาอาจจะตาบอดได้จริงๆ
"ระดับของข้ายังต่ำเกินไป ไว้เมื่อไหร่ข้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ ข้าจะแวะมาดูที่นี่อีกครั้ง" หลี่ชิงหยุนตัดใจเกี่ยวกับม่านควันสีดำตรงหน้าเขา พร้อมเช็ดเืในดวงตาและหันหลังจากไปในทันที
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หลี่ชิงหยุนได้ออกมานอกเขตป่าสนดำแล้ว ตอนนี้เขาเปลี่ยนรูปลักษณ์กลับมาเป็นายน้อยของตระกูลหลี่อีกครั้ง เขากำลังเดินทางไปที่อาคารเทียนจิ เพื่อพบชายชราผู้นั้นและอยากจะขอบคุณที่ช่วยร่ายข้อจำกัดลวงตาให้กับครอบครัวของเขา หากเป็ไปได้เขาอยากจะตอบแทนชายชราคนนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เมื่อเขาเดินไปใกล้สถานที่ เขากลับพบว่าสถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็ที่ตั้งของอาคารเทียนจิกลับไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย ทั่วทั้งบริเวณเป็แค่พื้นที่ว่างเปล่าเท่านั้น คราวนี้หลี่ชิงหยุนงงเป็ไก่ตาแตกจริงๆ เขาจำได้อย่างแม่นยำว่านี่คือที่ตั้งของอาคารเทียนจิอย่างแน่นอน
"นี่...อย่าบอกนะว่า อาคารเทียนจิ เป็เพียงสถานที่ลวงตาั้แ่เริ่มต้น" หลี่ชิงหยุนคิดหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เมื่อดูจากความสามารถในการร่ายข้อจำกัดของชายชราเทียนจิที่จัดตั้งไว้ที่บ้านของเขา
ชีวิตที่แล้วเขาไม่เคยสนใจสิ่งที่เกี่ยวกับอักษรรูนและข้อจำกัดเลย ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างมากหากเรียนรู้มันได้สำเร็จ
หลี่ชิงหยุนเริ่มสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับอักษรรูนและข้อจำกัด [ เมื่อถึงเมืองหลวง ข้าจะไปที่ห้องสมุดก่อนสิ่งอื่นใด ]
อักษรรูน : เป็ภาษาที่ใช้ในการร่ายข้อจำกัด สิ่งนี้คล้ายกับรูปแบบค่ายกลอย่างมาก เพียงแต่อักษรรูนนั้นต้องใช้ััิญญาและความรู้ในการเขียนมันขึ้นมาโดยผ่านการฝึกฝนและความชำนาญ ความสามารถของข้อจำกัดนั้นขึ้นอยู่กับระดับของผู้เขียน ผู้เขียนสามารถกำหนดเวลาการร่ายเพื่อปิดการใช้งานข้อจำกัดได้ตลอดเวลา สิ่งนี้สะดวกสบายสำหรับผู้ที่ไม่มีวัสดุเพียงพอหรือผู้ใช้งานที่้าร่ายข้อจำกัดใน่ระยะเวลาสั้นๆ
ซึ่งแตกต่างจากค่ายกล หากมีวัสดุเพียงพอและเงื่อนไขตรงตตามกำหนด ก็จะสามารถจัดตั้งรูปแบบได้ ระดับความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับวัสดุเสียส่วนใหญ่ ยิ่งรูปแบบระดับสูงต้องใช้วัสดุที่มีระดับใกล้เคียงกันเท่านั้น พลังิญญาที่ใช้จัดตั้งรูปแบบมีไว้เพื่อกำหนดแกนกลางของค่ายกลเพียงอย่างเดียว หากไม่มีการปิดการใช้งาน มันก็จะยังคงอยู่ตลอดไปจนกว่าวัสดุที่ใช้จะสูญเสียพลังงานของมันจากการกัดกร่อนของเวลา
นี่คือความแตกต่างระหว่างข้อจำกัดและรูปแบบค่ายกล
"ดูเหมือนว่าหากข้าต้องเดินทางบ่อยๆ การร่ายข้อจำกัดจะสะดวกกว่ามากจริงๆ" เมื่อคิดถึงเื่นี้ความตั้งใจในการเรียนรู้อักษรรูนของหลี่ชิงหยุนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพียงแต่ข้อกำหนดของพลังิญญาต้องสูงมากพอ จึงจะร่ายข้อจำกัดเพื่อใช้งานมันได้
"เอาล่ะ ถึงเวลากลับแล้ว" หลี่ชิงหยุนส่ายหัว เขาค่อยคิดเื่นี้ทีหลัง ตอนนี้เป็เวลาใกล้มืดแล้ว เขาต้องรีบกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
เมื่อกำลังจะถึงหน้าบ้านตระกูลหลี่ กลับมีเสียงบางอย่างจากข้างหลังเขากระซิบมาเบาๆ
"เ้าหนู เ้ามาจากที่ไหน!?" เสียงเบาๆของชายชราดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงนี้ใบหน้าของหลี่ชิงหยุนเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด
[ แกอีกแล้ว! เ้าเฒ่าผายลมที่ไม่มีวันตาย! ]
เขาสาปแช่งผู้เฒ่าผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า