สถานที่ที่หร่านซวี่จืออยู่ขณะนี้คือทีม V5 ของกองทหารชั้นยอด ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนั้นชื่อปิงโหยวจี้ ลีวาย เป็หัวหน้าทีมของกองทหารชั้นยอดทีมนี้
การจะเดินทางจากเติร์กเมนิสถานไปยังหน่วยฝึกสอนของหน่วยบัญชาการนั้นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์ของทีม V5 ก็ได้รับความเสียหายจากซอมบี้ระดับ HB มาก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถทนได้นานนัก
พอตกกลางคืน เฮลิคอปเตอร์ก็ร่อนลงมาจอดข้างๆ ดงต้นไม้ขนาดเล็ก เมื่อหาจุดที่ก่อไฟได้ ทุกคนก็ล้อมวงกันกินบาร์ธัญพืช
บาร์ธัญพืชเป็อาหารที่เพิ่มพลังงานของกองทหารพิเศษ มีรสชาติคล้ายกับน้ำผลไม้รวม หร่านซวี่จือได้มาสองแท่ง หลังจากที่เขาหามุมอับได้ก็นั่งลง
“ดอกเตอร์ซวี๋ฮ่าวล่ะ? ทำไมไม่ออกมากินข้าว? ” คนที่เอ่ยถามคือรองหัวหน้าเควิน ใบหน้าของเขาค่อนข้างหล่อเหลา มองไปแล้วน่าเข้าหากว่าหัวหน้าปิงโหยวจี้มาก
มีอัลฟ่าคนหนึ่งตอบว่า “ดอกเตอร์กำลังทำวิจัย บอกว่าอีกเดี๋ยวค่อยตามมา”
ขณะนี้ ในเต็นท์มีคนเปิดม่านออก ใบหน้าจิ้มลิ้มของซวี๋ฮ่าวยื่นออกมา “คือว่า พวกนายใครสักคนช่วยเข้ามานี่หน่อย ทางนี้ฉัน…”
คำพูดของเขายังไม่ทันจบ นอกจากปิงโหยวจี้ เควินและหร่านซวี่จือ คนทั้งหมดก็แทบจะพุ่งตัวเข้าไป
เควินหยอกล้อปิงโหยวจี้ “ลีวาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอเมก้าหลงมาสักคน ฉันว่าเขาก็ดูสนใจนายนะ นายจะไม่ลองพิจารณาหน่อยหรือ? ”
ปิงโหยวจี้แววตาเ็า เขาหลับตาลงครึ่งหนึ่ง “เื่แบบนี้ ต้องดูว่าคนอื่นคิดอย่างไร”
หร่านซวี่จือที่จัดการกับอาหารของตนเองเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เขาหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดปาก จากนั้นก็หยิบปืนสองกระบอกที่อยู่บนหลังของตนเองลงมาแล้วใช้ผ้าเช็ด
ไม่ใช่ว่าจะได้ใช้ปืนสไนเปอร์อยู่ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าปิงโหยวจี้จะเกลียดชังเขาเล็กน้อย แต่ก็ยังหาปืนพกให้เขาไว้คุ้มกันตัว
เทคโนโลยีของตอนนี้นั้นก้าวไกลถึงขั้นสามารถประดิษฐ์ดาบนิวเคลียร์ที่ใช้สำหรับา ทว่านี่คือเทคโนโลยีขั้นสูง มีเพียงหัวหน้าเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับการได้ใช้ของเหล่านี้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้แต่ใช้อาวุธอย่างอื่น
ั้แ่กินข้าวจนถึงตอนนี้ แทบจะไม่มีใครสนใจหร่านซวี่จือเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เป็เื่ปกติ เพราะถึงอย่างไร หร่านซวี่จือก็เป็เพียงเบต้าคนหนึ่ง และต่อหน้าคนที่ความสามารถโดดเด่นอย่างกลุ่มอัลฟ่านั้น อย่างมากสุดเบต้าก็เป็ได้แค่ลูกน้อง
หร่านซวี่จือกำลังหมุนปืนของตนเองกลับไปกลับมา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วแล้วมองออกไป
ขณะเดียวกัน ปิงโหยวจี้กับเควินเองก็เหมือนจะรับรู้ถึงจุดที่น่าสงสัยนั่น ทั้งสองสบตากันแล้วแยกออกไปกันคนละทาง
หร่านซวี่จือแบกปืนไว้ด้านหลังแล้วรีบลุกขึ้นมา ตบมือ จากนั้นเขาก็แอบตามหลังเควินอย่างระมัดระวัง
ไม่ไกลออกไปมีซอมบี้หลายตัวที่เหมือนกำลังล้อมอะไรบางอย่างอยู่แล้วก็กัดกินอย่างมูมมาม ซอมบี้เ่าั้ส่งเสียงที่น่าขนลุกและขยะแขยงออกมา กลิ่นที่ลอยคลุ้งบนอากาศก็น่าอาเจียนเสียเหลือเกิน
เควินยกปืนขึ้นเล็งหนึ่งในซอมบี้
เพียงแต่ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น หร่านซวี่จือพุ่งตัวไปและพลิกตัวแล้วเอาเท้ายันข้างเอวของเควิน ถีบเขาเข้าไปในโพรงหญ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เควินไม่ทันตั้งตัวจึงถลาตัวเข้าไปในนั้น เขาลุกขึ้นด้วยความเดือดดาลแต่กลับต้องสะดุ้ง
สถานที่ที่เขาอยู่เมื่อครู่ ตรงด้านหลังโพรงหญ้า มีซอมบี้ HB ที่ซุ่มตัวซ่อนอยู่นานพุ่งตะครุบมาทางหร่านซวี่จือ
เบต้าตรงหน้าหยืบปืนไรเฟิลจู่โจมจากทางด้านหลังด้วยท่าทางชำนาญ จากนั้นก็คุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับบรรจุะุ เมื่อบวกกับเสียงดังแกร๊บ ปลายกระบอกปืนสีดำก็ปรากฏแสงไฟจากะุ ทันใดนั้นก็พุ่งทะลวงกะโหลกของ HB ตัวนั้น
เสียงที่ดังกึกก้องนั้นก็ดึงดูดซอมบี้ที่กำลังกินอาหารไม่กี่ตัว ท่าทางของพวกมันคืบคลานมาทางนี้อย่างเชื่องช้า หร่านซวี่จือเล็งหัวของพวกมันอย่างเร็วพลัน ในวินาทีสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็ปืนบาร์เร็ตขนาดใหญ่และเล็งไปที่ศีรษะของเควิน
“ไม่! เดี๋ยวก่อน! นายจะทำอะไร…” เควินเบิกตากว้าง
ไม่ทันรอให้เควินได้พูดคำต่อไป หร่านซวี่จือก็หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เขาเหนี่ยวไกแล้วะุของปืนบาร์เร็ตก็พุ่งเฉียดลำคอของเควินไปเจาะเข้ากลางกะโหลกของซอมบี้ตัวนั้นที่กำลังพุ่งมาจากด้านหลัง
น้ำเหลืองสีเข้มปนกับเืสีดำเหม็นกระจายออกมา สาดลงบนพื้น
ท่ามกลางความนิ่งเงียบ หร่านซวี่จือเก็บปืนทั้งหมดแล้วใช้สายรัดไว้แน่น จากนั้นเขาก็ชำเลืองมองอัลฟ่าที่นั่งตะลึงอยู่กับพื้น ในแววตานั้นปนความเย้ยหยันอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็กลับไปทางเดิม
ปืนสองกระบอกที่หร่านซวี่จือถืออยู่ในมือล้วนเป็ปืนไรเฟิลที่ค่อนข้างเก่า เสียงที่ส่งออกมาจึงค่อนข้างดัง ซวี๋ฮ่าวกับอัลฟ่าที่ช่วยทำการทดลองเ่าั้ก็รีบวิ่งออกมาและกวาดตามองรอบทิศ
ปิงโหยวจี้เดินออกมาจากความมืด เขาล้วงผ้าออกมาเช็ดดาบนิวเคลียร์ที่เปื้อนเืแล้วโยนลงบนพื้น
“ลูกพี่ เกิดเื่อะไรขึ้น? ” อัลฟ่าคนหนึ่งถาม
ปิงโหยวจี้ขมวดคิ้วและตอบว่า “ละแวกนี้มีฝูงซอมบี้ เมื่อครู่พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทุกคนพักผ่อนแล้ว เราต้องรีบออกเดินทางต่อ”
ขณะที่ปิงโหยวจี้พูด เควินก็ถือกิ่งไม้พยุงเดินออกมา เพราะะุนัดนั้นของหร่านซวี่จือทำเขาสะดุ้งเหลือเกินและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น
เควินมองมาทางหร่านซวี่จือด้วยสายตาแปลกประหลาด หร่านซวี่จือกำลังกอดปืนไว้แล้วแกล้งหลับ ดูๆ แล้วเหมือนอ่อนแอไม่ได้เื่ ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าคนเมื่อครู่นั่นคือคนที่ถูกผีเข้าสิงหรือไม่
กลางคืน่ที่นอนหลับมีการสลับเวรยามกัน เควินเดินหาวขณะที่เดิน เขากำลังเตรียมเข้านอนในเต็นท์ของตนเอง พลันเหลือบเห็นเบต้าคนนั้นกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินในป่า ในมือถือคุกกี้อัดแท่งแล้วเคี้ยวอยู่ในปาก
“คือว่า…” เควินเดินไป เอ่ยปาก “เื่เมื่อครู่ขอบใจนะ”
หร่านซวี่จือหันศีรษะมา
เบต้าคนนี้หน้าตาของเขานั้นถือว่าอ่อนโยน แต่ขณะนี้แสงจันทร์สาดส่องลงมาทำให้ดูเ็าจากปกติ “ขอบใจฉันเื่อะไร? ”
“หากไม่ใช่นาย…” เควินรวบรวมความกล้า “เป็ไปได้ว่าฉันคงถูกซอมบี้ฆ่าตายไปแล้ว”
หร่านซวี่จือเองก็ตะลึงเล็กน้อย พลันรู้สึกว่าอัลฟ่าคนนี้ก็ไม่เลวทีเดียว เขาจึงลุกขึ้นจากก้อนหินแล้วปัดฝุ่นบนขา พลางโยนกล่องที่ใส่คุกกี้อัดแท่งลงบนพื้น ขณะที่เดินผ่านเควินและตบไหล่ของเขา “ไม่ต้องเกรงใจ ฉันก็แค่เบต้าคนหนึ่ง ไม่จำเป็ต้องขอบใจฉันหรอก”
เควินเบิกตาโต เขาหันหลังเดินตามหร่านซวี่จือและรีบอธิบาย “ไม่ คือว่า ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…”
ขณะเขาพูดก็วางมือกดบนไหล่ของหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือตัวแข็งเกร็ง ในขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว วินาทีถัดมาอัลฟ่าที่อยู่ด้านหลังก็ถูกเขาจับกดบนพื้นอย่างรุนแรงแล้ว
หร่านซวี่จือมีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า: “นี่มันอะไรกัน? เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น??? ”
ระบบ: “บางทีคงเป็ปฏิกิริยาโต้ตอบของร่างเดิมครับ”
หร่านซวี่จือ: “โอ้โห รุนแรงขนาดนี้เลยหรือ??? ทังเหวยเขาเจอเื่อะไรมากันแน่???”
เควินเจ็บจนจุกไปหมด เพียงแต่ว่าขาของเบต้าบนตัวกำลังหนีบเอวของเขาไว้แน่น ความร้อนนั้นส่งผ่านเนื้อผ้าชุดเครื่องแบบมาไม่หยุด ทำให้คนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับใครมาก่อนอย่างเควินถึงกับหน้าแดงขึ้นทันใด