บทที่ 26
...
3 สัปดาห์ผ่านไป
ทุกคนย้ายเข้าบ้านกลางทะเลสาบเป็ที่เรียบร้อย บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นราวกับรู้ว่าเ้าของจะคือเธอ การจัดแปลนบ้านรวมถึงห้องหับต่าง ๆ เป็ที่ถูกใจเธอไปเสียทุกจุด บ้านหลังนี้อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็กว้างกว่าหลังก่อนหน้านี้สองเท่าได้ ด้านหน้ามองเห็นเป็เส้นทางที่ออกไปสู่ถนน ด้านซ้าย ด้านหลัง และด้านขวา มองเห็นทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา
“กอหญ้าผมขุนต้นกุหลาบที่บ้านเก่ามาครบหมดแล้ว คุณจะให้ปลูกที่ไหน”
“ฉันจะลงหลังบ้าน คุณราชันย์ช่วยขนไปหลังบ้านให้หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
ราชันย์ไม่รอช้า จัดการขนต้นกุหลาบทั้งหมดไปไว้ที่หลังบ้าน เมื่อขนมาถึงเขาสังเกตว่าพื้นที่ไม่ค่อยน่าจะเหมาะกับการปลูกกุหลาบสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากทำให้กอหญ้าไม่พอใจ เขาจัดการนำกุหลาบทั้งหมดลงจากรถขนคันน้อยทีละต้นช้า ๆ ราวกับกลัวว่ามันจะบอบช้ำ กุหลาบทุกต้นกำลังออกดอกสะพรั่งสวยงาม ส่งกลิ่นหอมออกมาเย้ายวนแมลง ผ่านไปพักใหญ่ ๆ ต้นสุดท้ายก็ถูกวางลงด้านล่างอย่างเบามือ
“ทำไมฉันรู้สึกว่าพื้นที่ไม่ค่อยเหมาะกับการปลูกดอกไม้นะ คุณราชันย์คิดว่าไงคะ”
“ผมก็คิดว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ถ้าเป็ไม้ยืนต้นน่าจะเหมาะกว่า”
“กอหญ้าคิดแบบเดียวกับคุณราชันย์เลยค่ะ งั้น...ฝากคุณราชันย์ขนไปหน้าบ้านให้ทีนะคะ”
ราชันย์ที่ใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโต ทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น เขาค่อย ๆ ยกต้นกุหลาบเกือบยี่สิบต้นที่เพิ่งขนลงไปวางเมื่อสักครู่ ขึ้นรถเข็นอีกครั้ง กอหญ้ามองราชันย์ที่กำลังยกดอกไม้ด้วยใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ เห็นก็สงสารแต่ก็ไม่อยากให้เขาได้ใจ กอหญ้าไม่ได้พูดอะไร เธอเดินเข้าบ้านไปทันทีปล่อยให้ราชันย์จัดการธุระตรงนั้นอย่างพิถีพิถัน
“พี่หญ้าแกล้งคุณราชันย์ทำไม เมื่อเช้าพี่หญ้ายังบอกอยู่เลยว่ากุหลาบจะปลูกหน้าบ้าน”
“นิด ๆ หน่อย ๆ ชีวิตจะได้มีสีสัน”
“ดูสิเหงื่อชุ่มเต็มหน้าหมดแล้ว หนูเอาน้ำไปให้คุณราชันย์ดีกว่า”
“อย่าไปช่วยเขาละ เอาน้ำให้ก็พอ อ่อ...ผ้าเย็นในตู้เย็นไม่มีใครใช้หรอกจะหยิบไปด้วยก็ได้นะ”
เว่ยเอินเบะปากให้กับความเป็ห่วงแต่ปากแข็งของเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบผ้าเย็นตามที่กอหญ้าบอก และน้ำเย็นชื่นใจอีกหนึ่งแก้ว เดินไปหาราชันย์ที่กำลังยกดอกไม้ขึ้นลงอยู่หลังบ้าน เธอเดินไปยื่นผ้าเย็นกับน้ำเย็นให้ ราชันย์ก็รับแก้วน้ำมาดื่มอย่างไม่ขัดเผลอแป๊บเดียวน้ำที่เคยเต็มแก้วก็เหลืออยู่แค่ก้นแก้วเท่านั้น
ซองผ้าเย็นถูกฉีกออกทันที เขาซับไปตามกรอบหน้าและลำคอ เว่ยเอินที่เห็นภาพนั้นได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ราชันย์จะเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินเศษฝุ่น แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ลดความหล่อของเขาลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้สติเว่ยเอินก็กำแก้วน้ำแน่นและเดินเข้าบ้านทันที
“นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย”
“แล้วเธอคิดอะไรละยัยเปี๊ยก”
“ตาเถร! ใหมดนายมาั้แ่เมื่อไหร่เนี่ย”
“แหม! ทำมาเป็ขวัญอ่อน ทำไม คิดอะไรอกุศลอยู่หรือไง”
“นั่นปากหรอ หลบไป เกะกะ”
“จ้า จ้า นั่นซื้อมาให้แล้ว วัตถุดิบทำกับข้าววันนี้”
“เลือกซื้อของก็เป็นิ นึกว่าจะดีแต่ปากซะและ”
“นี่ใครครับ!”
บนโต๊ะอาหารถูกวางไปด้วยอาหารมากมายหลากหลาย ด้วยฝีมือของเว่ยเอินและกอหญ้า ราชันย์ กอหญ้า เว่ยเอิน และธันวา กำลังนั่งทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย และเหมือนวันนี้ อาร์เดนและอลิซเองก็เป็ใจให้ทุกคนได้ทานอาหารรกันอย่างสบายใจ เพราะก่อนหน้านี้กินนมจนเต็มท้อแล้วก็นอนหลับยาว ๆ
หลังจากทานอาหารแล้วเว่ยเอินและธันวาก็เป็คนจัดการเก็บโต๊ะทันที กอหญ้าเดินมานั่งที่โซฟากลางห้องโถงเปิดทีวีดูสารคดีสัตว์ป่า ก็มีราชันย์ตามมานั่งดูทีวีด้วยอีกคน ทั้งสองยังคงนั่งดูสารคดีไปพร้อมกันโดยที่ไม่มีใครปริปากพูดออกมาเลยสักคำ เมื่อบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
ราชันย์ได้แต่ค่อย ๆ ขยับออกห่างกอหญ้าเล็กน้อย เขาเหลือบมองกอหญ้าที่สายตาจับจ้องไปที่จอทีวีขนาดใหญ่อย่างไม่ละสายตา เมื่อกะจังหวะและระยะทางเรียบร้อยแล้วราชันย์ก็ทำการเอนตัวอย่างรวดเร็วไปหนุนตักกอหญ้าทันที เธอใกับการกระทำของราชันย์มาก ได้แต่จ้องเขาตาเขม็งเพราะไม่รู้ว่าราชันย์จะมาไม้ไหน
“ทำอะไรของคุณเนี่ย ลุกขึ้นไปได้แล้วค่ะ”
“ไม่เอา ผมปวดหลังมากเลย วันนี้คุณใช้งานผมหนักมาก ๆ”
“แค่นั้นเอง คุณบ่นแล้วหรอคะ”
“ผมไม่ได้บ่น ผมแค่บอกว่าปวดหลัง ขอนอนพักหลังแป๊บหนึ่ง”
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ไปนอนดี ๆ ที่ห้องละคะ”
“ผมไม่มีห้องหรอก ผมจะนอนโซฟาในห้องคุณ”
“คุณจะไปนอนที่โซฟาอีกทำไม บ้านหลังนี้ห้องเยอะแยะคุณก็ไปเลือกสักห้องสิคะ”
“ไม่เอา เผื่อคุณจะเรียกใช้ผมตอนกลางคืน เผื่อลูกร้อง เผื่อคุณไม่สบาย ผมจะได้ดูแลคุณกับลูกได้ทัน”
กอหญ้าที่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด เพราะรู้แน่ชัดว่าไล่ยังไงราชันย์ก็ไม่ยอมลุกไปแน่ เธอจึงปล่อยให้เขานอนแบบนั้นแบบเลยตามเลย ราชันย์เองก็ไม่เห็นว่ากอหญ้าจะผลักไสไล่ส่งก็ขยับท่านอนให้ถนัด เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ
“มีคนตามหาตัวฉัน เพราะเื่พ่อของฉันอยู่ใช่ไหมคะ”
“หืม!?”
“กอหญ้าได้ยินคุณคุยกับคุณธันวา”
“ไม่มีอะไรหรอก เื่นี้ผมจัดการได้”
“แต่ฉันทำให้คุณเดือดร้อน”
“ถ้ากังวลว่าจะเป็ต้นเหตุให้ผมเดือดร้อน งั้นคุณก็มาแต่งงานกับผมสิ ผมจะได้ดูแลคุณได้สะดวกกว่านี้”
“คุณราชันย์ คุณจะเห็นเป็เื่เล่น ๆ ไปถึงไหนคะ”
“ผมพูดจริงนะกอหญ้า ลูกก็มีด้วยกันแล้ว งั้นเรามาแต่งงานกันเถอะ”
“...”
“ผมไม่ได้เร่งเอาคำตอบหรอกนะ แต่เื่นี้ผมคิดมาดีแล้ว”
“ไม่ค่ะ”
“...”
“กอหญ้าจะไม่แต่งงานกับคุณค่ะ”
“ทำไมละ”
“กอหญ้าขอโทษนะคะคุณราชันย์ ที่ทำให้คุณเดือดร้อน ทั้งที่ฉันคิดมาตลอดว่าพ่อติดหนี้แค่คุณ”
“คุณยังไม่ตอบคำถามผมนะกอหญ้า”
“ขอไม่ตอบนะคะ”
“...”
“คุณราชันย์ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ ฉันจะไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนแล้ว”
ราชันย์ไม่ได้ตอบอะไรเธอแต่ก็ยอมลุกขึ้นตามที่เธอบอกแต่โดยดี ถึงแม้จะเตรียมใจกับคำตอบของเธอไว้แล้ว แต่พอได้ยินจริง ๆ ก็ทำเอาไปไม่เป็เหมือนกันนะ หรือว่าเธอจะยังโกรธเื่ตอนนั้นอยู่ และตอนนี้จะพูดว่าขอโทษกี่พันครั้งก็คงกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ และความรู้สึกของเธอไม่ได้ ทำได้แค่ยอมรับความจริงตรงนี้แล้วทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายแบบเขาจะทำได้
เขามองตามหลังผู้หญิงตัวเล็กที่เดินเข้าห้องไปอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะนอนเหยียดยาวบนโซฟาตัวเดิม ทีวีจอใหญ่ก็ยังคงฉายสารคดีนกหัวขวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ว่าสารคดีจะสนุกแค่ไหน เนื้อหากลับไม่เข้าในสมองของเขาแม้แต่น้อย
“เธอโกรธมากสินะกอหญ้า หรือว่าตอนนี้เธอเกลียดฉันไปแล้ว”
เขานอนคิดทุก ๆ อย่างอยู่ในหัว คำพูดปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยของกอหญ้ายังคงดังวนอยู่ซ้ำ ๆ ราวกับนั่นคือภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้น เปลือกตาที่หนักอึ้งก็ค่อย ๆ ปิดลงมาช้า ๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็ดับลงสู่ห้วงนิทรา
“คุณไม่ได้รักฉันเลยด้วยซ้ำ คุณจะเอาตัวเองมาผูกติดกับการแต่งงานทำไมกันคุณราชันย์…ที่เป็อยู่ตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ?”
“...”
“แบบนี้มันดีต่อฉัน ดีต่อคุณ รวมถึงคุณมาหยาด้วย... มันดีจริง ๆ นะ”
