“หลินเยว่ ฉันจะฆ่านาย!” ฉินเหยาเหยาะโเสียงดังใส่หลินเยว่ มือทั้งสองข้างของเธอกางออกและเริ่มทำท่าเตรียมง้างขึ้นอย่างเต็มที่
เสียงพูดประโยคนี้ของเธอทำให้หลินเยว่สะดุ้งจนตัวสั่น มือของเขาจึงรีบเช็ดอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะเขาไม่้าให้เธอตัวสกปรกเลอะเทอะ
เอ๊ะ? นิ่มจัง? นี่คืออะไร?
หลินเยว่รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาอ่อนนุ่ม และก็มีความอบอุ่นด้วย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจับดู พลัน... เขาเกิดอาการราวกับถูกสายฟ้าฟาดและนิ่งงันอยู่ในท่านั้นทันที เขาคิดออกแล้วว่าตำแหน่งตรงนั้นคืออะไร
มันคือ “หน้าอก” ของฉินเหยาเหยา!!!
ฉินเหยาเหยาก็แน่นิ่งอยู่กับที่เช่นกัน เสียงในห้องรับแขกพลันหายไปอย่างกะทันหัน เกิดเป็ความเงียบสนิทจนน่าใ บรรยากาศในห้องรับแขกก็กลายเป็บรรยากาศอันแสนประหลาด!
หลินเยว่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แต่ฉินเหยาเหยากลับค่อยๆ ก้มหน้าลง การกระทำของพวกเขาทั้งคู่เหมือนหุ่นยนต์ที่ทำงานอย่างติดขัด จังหวะที่ดวงตาของพวกเขาทั้งสองสบกันกลางอากาศ หลินเยว่พลันะโลุกขึ้นพรวดพราดราวกับเ้าเหมียวที่ถูกเหยียบหาง หลังจากนั้นเขาจึงเผ่นแน่บเข้าห้องส่วนตัวด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาทำได้ พร้อมทั้งปิดประตูลงทันที
จังหวะที่ประตูกำลังปิดลงนั้นก็มีเสียงของหลินเยว่ลอยออกมาจากภายในห้อง เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนกระวนกระวาย “ขอโทษ! ผมไม่ได้ตั้งใจ!”
เมื่อเห็นท่าทางตะขิดตะขวงใจของหลินเยว่ ฉินเหยาเหยาก็เริ่มได้สติกลับมา เธอมองประตูที่ปิดสนิทบานนั้น มุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อย พร้อมทั้งส่งเสียงหึในลำคอ เธอพึมพำเสียงต่ำ “ช่างเป็ผู้ชายที่มีจิตใจเหมือนโจร แต่ใจกลับไม่กล้าเหมือนโจรเลย!”
หลินเยว่ยืนพิงบานประตูพร้อมกับหายใจหอบไม่หยุด นิ้วมือของเขายังคงหลงเหลือความรู้สึกอ่อนนุ่มและอบอุ่นเมื่อสักครู่อยู่
อืม ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวจริงๆ!
เขารอฟังเสียงจากภายนอกอยู่เป็นาน แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย หลินเยว่เกิดความรู้สึกลุ้นระทึกอยู่ในใจ เขาแอบพึมพำ “เธอคงไม่ได้หยิบมีดอีโต้ยืนรอผมอยู่ด้านนอกหรอกมั้ง คงไม่ต้องทำกันถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? ผมก็แค่ลูบหน้าอกเธอครั้งเดียวเอง อืม...... ให้ผมลูบสัก 10 ครั้งก็ไม่มีปัญหา!”
รอต่อไปอีกสักพัก หลินเยว่ก็เปิดประตูห้อง หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ก้าวเท้าเดินย่องออกมา ระหว่างที่เดิน เขาก็สังเกตคู่ต่อสู้ไปด้วย เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกแล้ว เขากลับไม่พบฉินเหยาเหยา และในเวลาเดียวกันนี้เองเขาจึงเห็นว่าประตูห้องของฉินเหยาเหยากำลังเปิดแง้มเป็ช่องเล็กๆ อยู่ ดังนั้น เขาจึงเดินเข้าไปตรงจุดนั้นอย่างระมัดระวัง
เธอกำลังทำอะไรหรอ? คงไม่ได้เก็บเสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อเตรียมย้ายบ้านหรอกมั้ง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยว่ก็เกิดอาการร้อนใจทันที
เขามาถึงตรงหน้าห้องของฉินเหยาเหยา และมองลอดช่องเล็กๆ ที่เปิดแง้มอยู่นั้นเข้าไปยังด้านใน แต่ทว่าภาพเหตุการณ์ภายในห้องพลันทำให้เืในร่างกายของเขาเกิดอาการพลุ่งพล่าน!
ทำไมถึงน้ำมูกไหลได้ล่ะ? เขาไม่ได้เป็หวัดเสียหน่อย?
หลินเยว่ลูบตรง่จมูกของตัวเองอย่างอัตโนมัติ หลังจากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นดู มีเืเต็มมือไปหมด! เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่ยกใบหน้าขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ่ที่กำลังจะหมุนตัวนั้น เขายังเหลือบมองตรงช่องเล็กๆ ตรงประตูห้องของฉินเหยาเหยาอีกครั้งหนึ่ง
ฉินเหยาเหยาได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง เธอจึงหันหน้ากลับมาทันที หลังจากนั้นจึงรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอเดินออกมาตรงประตูห้อง ขณะที่เปิดประตู เธอกำลังก้มหน้าอยู่พอดีจึงเห็นรอยเืหยดหนึ่งอยู่บนพื้น หลังจากนั้นจึงได้ยินเสียงน้ำไหลดังลอยมาจากทางห้องน้ำ ในเวลาเดียวกันเธอก็ย้อนคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งเปลี่ยนชุดเมื่อสักครู่ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นอย่างกะทันหัน
“ไอ้หลินเยว่ตัวร้าย ทำเป็หนุ่มถ้ำมองแอบดูฉันด้วยนะ เดี๋ยวเจอดีแน่ คอยดูนะว่าฉันจะจัดการกับนายอย่างไร!”
ฉินเหยาเหยาใบหน้าแดงจัด เธอแอบว่าหลินเยว่ด้วยเสียงต่ำ หลังจากนั้นจึงปิดประตูให้สนิทอย่างไม่รอช้า!
ในที่สุดหลินเยว่ก็ห้ามเืที่จมูกได้แล้ว เขาเดินออกมาจากห้องน้ำและเหลือบมองห้องของฉินเหยาเหยาด้วยความรู้สึกผิด ณ เวลานี้ เขาจึงพบว่าห้องของเธอปิดสนิทเสียแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
ทำไมถึงได้เืกำเดาไหลไม่ถูกเวลาอย่างนี้ล่ะ!
หลินเยว่ได้แต่รำพึงรำพัน เขาเดินกลับห้องของตัวเองด้วยใบหน้าผิดหวัง
วันถัดมา ตอนแรกหลินเยว่คิดว่าเขาจะตื่นแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เสร็จ หลังจากนั้นก็จะรีบหนีออกไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้! แต่ทว่าเขาคาดไม่ถึงว่ายังมีคนที่ตื่นเช้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก เพราะขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องนั้น ฉินเหยาเหยาก็สวมชุดเรียบร้อยพร้อมกับนั่งรอเขาอยู่บนโซฟา
เขารีบถอนสายตากลับมา แกล้งทำเป็ทักทายฉินเหยาเหยาด้วยท่าทางที่ดูเป็ธรรมชาติ “อรุณสวัสดิ์นะ ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง?”
“รอนาย!”
ฉินเหยาเหยามองหลินเยว่ด้วยสายตาเรียบเย็น เมื่อสักครู่ที่หลินเยว่ััได้ถึงความหนาวเย็นนั้นก็มาจากสายตาของเธอนั่นเอง
“รอผม? ทำไมผมถึงได้รับเกียรติเช่นนี้ล่ะ?” ขณะที่หลินเยว่พูด เขาก็เคลื่อนตัวไปทางประตูหน้าห้อง
“ใช่สิ นายได้รับเกียรติอย่างสูง มานี่ซิ พวกเรามานั่งคุยกันดีๆ หน่อย” ฉินเหยาเหยาพลันยิ้มหวานออกมา เธอพูดพร้อมกับใส่จริตในแบบผู้หญิงลงไปด้วย
เมื่อเห็นว่าฉินเหยาเหยามีสีหน้าเปลี่ยนไป หลินเยว่ก็รู้สึกกริ่งเกรง เขารู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย สีหน้าของเขาจึงดูไม่ค่อยดีนัก “ผม...... ผมมีธุระด่วนรออยู่ เอาอย่างงี้ดีไหม...... ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง?”
“มานี่!” ฉินเหยาเหยาะโใส่หลินเยว่ รอยยิ้มเมื่อสักครู่พลันมลายหายไป เหลือแต่เพียงเสียงตะคอกเท่านั้น
หลินเยว่ใสะดุ้งเฮือก เขาเดินเข้าไปหาทางฉินเหยาเหยาด้วยใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นระริก หลังจากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาอีกด้าน ซึ่งเป็ตำแหน่งที่ห่างจากฉินเหยาเหยามากที่สุดเท่าที่เป็ไปได้
หลินเยว่พูดขึ้น “ผมมีธุระด่วน เธอมีเื่อะไรก็รีบพูดมาเลย”
“มาใกล้ๆ ฉันหน่อยซิคะ ฉันไม่ได้เป็เสือสางสักหน่อยนะ”
ฉินเหยาเหยาพูดด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งทำให้หลินเยว่เกิดอาการขนลุก แต่ทว่ายิ่งฉินเหยาเหยาทำเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็กังวลกับชะตาชีวิตของตัวเอง เขาจึงทำท่าทางราวกับว่าถึงจะตายก็ไม่เป็ไรพร้อมทั้งเงยหน้าสบตากับฉินเหยาเหยาตรงๆ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณฉินเหยาเหยา ผมขอบอกกับคุณอย่างจริงจังว่า ผมมีธุระด่วนจริงๆ หากคุณมีเื่อะไรก็ให้รีบพูดออกมาเร็วๆ อย่าทำให้ผมต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“อย่างงั้นหรอคะ? จะไม่อยู่เป็เพื่อนฉันอีกสักหน่อยหรอคะ?” ร่างของฉินเหยาเหยาพลันโผเข้าซบที่ตัวหลินเยว่ เธอกอดแขนของหลินเยว่ไว้และวางมือข้างหนึ่งลงบนหน้าอกของเขา เธอพูดจางุ้งงิ้งที่ข้างหูพร้อมกับพ่นลมหายใจอุ่นๆ ใส่เขา
หลินเยว่รู้สึกขนลุกซู่บริเวณข้างหูและหน้าอกทันที และยังมีเนื้อนวลสาวก้อนนิ่มๆ ที่แนบสนิทอยู่ตรงบริเวณหลังของเขา ทำให้เขาหัวใจหวั่นไหวและเริ่มไม่มีสติ ตรงท้องน้อยรู้สึกราวกับมีกองไฟลุกโชติ่ แต่ทว่าเขาก็ยังพยายามยืนหยัดในความมั่นคงของตัวเอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง “ใช่ คุณฉินเหยาเหยา ยังมีอีกหนึ่งเื่ก็คือ ขอความกรุณาทำตัวให้สำรวมหน่อย”
“อย่าโหดกันฉันนักสิคะ ฉันรู้สึกกลัวจนหัวใจเต้นตุบๆ เลยนะ ถ้าฉันทำตัวไม่สำรวม คุณจะทำอย่างไรหรอ?” ฉินเหยาเหยาเบียดก้อนนุ่มๆ ลงบนตัวของหลินเยว่และขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้เกิดการเสียดสีพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ทำอย่างไร? หึ! เธออย่างรู้จริงๆ หรอ?”
“ลองบอกดูสิคะ ฉันอยากรู้จริงๆ นะ” เธอเสียดสีขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นนักพรตอย่างผมคงต้องยอมทำตามคำขอร้องของท่านผู้หญิงเสียแล้วล่ะ” หลินเยว่พลิกตัวกลับมาและเข้ากอดฉินเหยาเหยาด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์
ฉินเหยาเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอจึงกรีดร้องเสียงดังและพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของหลินเยว่ เมื่อหลุดออกมาได้เธอจึงหยิบกระเป๋าถือขึ้นแล้ววิ่งออกไปทางประตูอย่างไม่รอช้า สภาพด้านหลังของเธอดูทุลักทุเลเป็อย่างมาก
ภายในห้องรับแขกที่อยู่ทางด้านหลังของเธอพลันมีเสียงหัวเราะดังสนั่นของหลินเยว่
“สาวน้อย ริจะสู้กับผมรึ เ้ายังไร้เดียงสาเกินไปนะ!” หลินเยว่ฮัมเพลงเบาๆ ด้วยความภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องครัว