รสนิยม… พิสดารนัก
คาดคะเนน้ำหนักของเสิ่นม่านด้วยสายตาแล้ว อย่างน้อยก็หนักมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง เมื่อเทียบกับร่างบางของเ้านายแล้ว… จะรับไหวหรือ?
เยี่ยนชีเดินเข้าห้องด้วยความเป็ห่วง เมื่อเห็นนายของตนกำลังจัดแจงเสื้อผ้า เขาก็ต่อสู้กับตนเองในใจชั่วครู่
“คือว่า เ้านาย ่นี้ท่านอยู่ที่นี่จนอัดอั้นเกินไปหรือ ้าระบายไหมขอรับ? วันรุ่งขึ้นข้าพาไปที่หออิ๋งชุนเพื่อหาสตรีโฉมงามสักคน ดีหรือไม่ขอรับ?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ถ้วยชาหนึ่งใบก็ลอยมา เยี่ยนชีไม่กล้าหลบจึงถูกถ้วยชากระแทกใส่เต็มๆ เขาได้แต่กุมศีรษะและสูดลมหายใจลึก
“ออกไป! คืนนี้เ้านอนบนหลังคา!”
หลังคา? ตอนนี้ย่างเข้าฤดูหนาว ด้านนอกลมหนาวพัดเสียดกระดูก นอนบนหลังคาจะไม่เป็หวัดแย่หรือ?
แต่เยี่ยนชีไม่มีตัวเลือก จึงได้แต่หอบผ้าห่มของตนและขึ้นไปบนหลังคา
เสิ่นม่านวิ่งกลับไปที่ห้อง ขณะที่หัวใจยังคงเต้นรัวจนแทบจะะโออกมาเสียให้ได้
ใบหน้าร้อนผ่าว! นางตบหน้าแรงๆ เพื่อข่มใจให้สงบ นานสักพักกว่านางจะดึงสติกลับมาได้
เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่ใช่ชายรักชายหรือ?
เหตุใดจึงต้องพิสูจน์ตัวเอง? พิสูจน์อะไร? ว่าเขาสามารถกินได้ทั้งชายและหญิงหรือ?
เสิ่นม่านสับสนอีกครั้ง นางไม่เข้าใจในตัวหนิงโม่มากขึ้นกว่าเดิม
ชายสถานะลึกลับปรากฏตัวที่บ้านของนาง หลายวันมานี้นางก็ไว้ใจในตัวเขามากเป็พิเศษ ตอนที่รู้ว่าเขามีชายในดวงใจ นางถึงขั้นเห็นเขาเป็พี่สาวน้องสาว?
น่ากลัว!
นอกจากนี้ จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักไป คงไม่ใช่ว่าจะนึกอะไรขึ้นได้หรอกนะ? หากเขาจำเื่ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้ เช่นนั้นก็เท่ากับถึงเวลาตายของนางไม่ใช่หรือ?
อ๊าก!
เสิ่นม่านฟุบศีรษะลงกับผ้าห่ม นางอยากแปลงร่างเป็แมลงมุดเข้าสมองของหนิงโม่เพื่อตรวจดูให้ชัดว่าตกลงเขาคิดอะไรกันแน่!
คืนนี้เป็คืนที่คนทั้งสามมิอาจหลับสนิทลงได้
หนิงโม่ฝันร้าย ในฝันของเขา ท่าทางเวลาเสิ่นม่านยิ้มแย้มนั้นเบิกบานสดใสยิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่นในเดือนห้า เขาถึงขั้นหลงใหลมัน นางในความฝันของเขา มักจะถามคำถามแปลกประหลาด นางซบอยู่บนบ่าของเขาและท้าทายด้วยรอยยิ้ม
“เ้าพยายามจะพิสูจน์กับข้าว่าเ้าไม่ใช่พวกตัดแขนเสื้อไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นวันนี้ก็พิสูจน์กับข้าสักครั้งดีหรือไม่?”
หางเสียงนั้นล่องลอย ดวงตาคู่สวยช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน!
หนิงโม่รู้สึกเพียงว่าลมหายใจของตนเร่าร้อน ในภาพฝัน อารมณ์ที่อัดอั้นมานานถูกะเิออกทันใดหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้
เขาคว้ามือนางแล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมอกพร้อมกับเสียงหัวเราะของนาง ทั้งที่เป็สตรีร่างอวบ แต่เวลากอดกลับอบอุ่นอ่อนโยนถึงเพียงนี้…
กลางดึกลมหนาวพัดโชย หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า บนหลังคาของสกุลเสิ่นมีรูปปั้นนั่งยองๆ อยู่หนึ่งตน
‘รูปปั้น’ นั้นกระชับผ้าห่มผืนเล็กของตนไว้แน่นและแหงนมองฟ้า จากนั้นได้แต่ถอนหายใจ คืนนี้เขาต้องเป็ไข้แน่ๆ
เฮ้อ นายท่านช่างไร้เยื่อใยและไร้เหตุผลเหลือเกิน ขอวิงวอนต่อ์ รีบส่งใครมาปราบเขาทีเถิด
วันรุ่งขึ้น หมู่บ้านถูกย้อมด้วยสีขาว ฟ้าที่มืดครึ้มมาหลายวันในที่สุดก็โปร่งใส ดวงอาทิตย์ออกมาทักทาย ส่องแสงสะท้อนหิมะจนเป็สีทองระยิบระยับ
หลังจากที่เสิ่นม่านออกมาจากห้องพร้อมด้วยขอบตาดำคล้ำสองข้าง ชายหนุ่มที่ห้องปีกตะวันออกก็เปิดประตูพอดี เสิ่นม่านเงยหน้าขึ้นพร้อมกับความละอายใจเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายก็มีขอบตาดำคล้ำเช่นกัน
คนที่เกี่ยวกระหวัดกับเขาทั้งคืนในฝัน วันนี้พอเปิดประตูมาก็เจอ
ใครบางคนเมื่อเจอนางกลับชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นได้ยินเสียงฮึดฮัดในลำคอและเดินไปล้างหน้าล้างตาอย่างหยิ่งยโสที่ด้านหลังบ้าน
เสิ่นม่านเกาศีรษะที่ยุ่งเหยิงด้วยความสงสัย “...”
ชักสีหน้าให้คนอื่นแต่เช้าตรู่นี่มันเป็อะไร? เมื่อคืนเป็เขาต่างหากที่ลงมือก่อน ไม่ใช่หรือ?
ขณะที่กำลังสับสน ทันใดนั้นก็มี ‘ก้อนหิมะ’ ะโลงมาจากหลังคา เยี่ยนชีห่อตัวด้วยผ้าห่มและตัวสั่นราวกับไก่น้อย เขาเอ่ยถามเสิ่นม่านด้วยเสียงสั่นเครือ
“ที่บ้านมีน้ำร้อนหรือไม่?”
เสิ่นม่านตอบ “ด้านหลังโรงงานน่าจะมีคนต้มไว้แล้ว”
เยี่ยนชีห่อตัวด้วยผ้าห่มและเดินไปด้านหลังโรงงาน
เสิ่นม่านพิงขอบประตูและขบริมฝีปากล่าง
อะไรกัน เมื่อคืนสองคนนี้ทะเลาะกันหรือ? ถึงขั้นลงโทษเยี่ยนชีขึ้นไปนอนบนหลังคา หนิงโม่ใจเหี้ยมนัก โบราณว่า อย่าทำให้คนงามเคืองโกรธ มิเช่นนั้นผลลัพธ์แสนหนักหนา…
ดังคาด เยี่ยนชีเป็ไข้ เสิ่นม่านจึงไปเชิญหมอในหมู่บ้านมาดูอาการเขา ส่วนโรงงานก็มีผู้ใหญ่สองคนกับเด็กน้อยสามคนคอยดู เสิ่นม่านจึงไปขายเต้าฮวยที่ตำบล
อากาศหนาวเย็น เต้าฮวยทั้งร้อนกรุ่นและหอมหวาน ช่างเหมาะกับฤดูหนาวยิ่งนัก
วันนี้กิจการดีกว่าปกติ เพียงแต่ผู้ที่มาซื้อเต้าฮวยส่วนมากเป็สตรี
หลังจากเห็นว่าคนขายไม่ใช่หนุ่มรูปงามเมื่อวาน แต่เป็สตรีร่างอวบ น้ำเสียงของหญิงสาวเ่าั้เวลาจ่ายเงินก็แฝงความโกรธเล็กน้อย
เสิ่นม่านยิ้มและไม่ได้พูดสิ่งใด นางแค่อยากขายของให้หมดและรีบกลับบ้าน
หนึ่งชั่วยามถัดมา เต้าฮวยขายหมดแล้ว นางเองก็ได้ยินคนในตำบลพูดคุยถึงเื่อาหารที่ปรุงจากเต้าหู้ที่เพิ่งออกใหม่ของโรงเตี๊ยมเฮ่อเซียนจวี ราคายุติธรรม อีกทั้งรสชาติอร่อยสดใหม่ ทำให้ผู้ที่เคยไปกินในโรงเตี๊ยมเฮ่อเซียนวี อดไม่ได้ที่จะกลับไปอุดหนุนอีกรอบ
เมื่อเป็เช่นนี้ ผู้ที่ชอบกินเต้าหู้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเต้าฮวยของนางก็พลอยมีชื่อเสียงมากขึ้น
นี่คือผลลัพธ์ที่เสิ่นม่าน้า
หลังจากเก็บแผงเรียบร้อย เสิ่นม่านมือเย็นเฉียบจนแข็ง นางตระหนักได้อย่างช้าๆ ว่าการตั้งแผงขายเต้าฮวยลำบากตรากตรำเกินไป อีกทั้งนางยังมีความคิดที่จะขยายแผงเต้าฮวยเป็ร้านเต้าฮวย
แต่หน้าร้านต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา รอเปิดหน้าร้านเสร็จ นางยังคิดจะเปิดโรงงานทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับถั่วเหลืองอีกหนึ่งแห่ง
แม้ว่าเต้าหู้จะได้รับความ้าอย่างมาก แต่ในฤดูหนาวเช่นนี้เต้าหู้ก็เก็บได้เพียงสี่ถึงห้าวัน หากนานกว่านั้นก็จะบูดเสีย พอผ่าน่ตรุษจีนไปอากาศจะอุ่นขึ้นอีก เต้าหู้คงเก็บไว้ได้เพียงแค่หนึ่งถึงสองวันเท่านั้น
หากจะสร้างคลังเก็บของก็ต้องใช้เงินพอๆ กับต้นทุนในการผลิตเต้าหู้ถึงร้อยชั่ง
คงต้องวางแผนแต่เนิ่นๆ เพื่อทำให้เื่การเปิดร้านนี้คืบหน้า
หลังจากเลือกซื้อของในร้านเสื้อผ้าอยู่นานค่อนวัน เสิ่นม่านก็ซื้อถุงมือแสนอบอุ่นให้ทั้งห้าคนในบ้าน ก่อนจะออกจากร้าน พลันถูกชุดบุรุษสีแดงเข้มสุกสว่างตรงมุมหนึ่งดึงดูดสายตา
เถ้าแก่ร้านเห็นนางตาถึง จึงรีบหยิบชุดนั้นออกมาและยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
“แม่นางเสิ่น เ้าช่างตาถึงนัก ผ้าที่ใช้ตัดชุดนี้คือผ้าไหมบางซึ่งเป็ที่นิยมที่สุดตอนนี้ ร้านข้ามีขนาดย่อมจึงตัดได้เพียงหนึ่งชุด ในตำบลคนที่มีปัญญาสวมใส่นั้นไม่มาก เ้าซื้อกลับไปให้สามีตัวน้อยของเ้าสวมสิ! เขาผิวพรรณขาวผ่อง ใส่แล้วต้องดูดีแน่!”
รู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่? ให้ตาย หากไม่ใช่ยุคโบราณ เสิ่นม่านคงสงสัยว่าอีกฝ่ายใส่ชิปสอดแนมอะไรในสมองนางหรือไม่ เสิ่นม่านใกับคำพูดของเถ้าแก่ร้านจนปั่นป่วน จึงพูดจาติดๆ ขัดๆ
“สา...สามีตัวน้อยอะไร! อย่าพูดไร้สาระ นั่นคือญาติผู้พี่ของข้า!”
เ้าของร้านขยิบตาใส่นาง “โอ๊ย! ข้าเข้าใจผิดไปเองหรือนี่! ซื้อชุดให้ญาติผู้พี่ก็ไม่เลว! เ้าดูชุดนี้สิ ดูดียิ่งนัก! ทั้งตำบลจะหาชายรูปงามเท่าเขาได้อีกหรือ? มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควร”
ดูเหมือนว่า… ก็จริง
เสิ่นม่านลูบใบหู จากนั้นเอ่ยถามอย่างไม่เป็ตัวเอง “เท่าไร?”
“ไม่แพง เพียงสิบตำลึง!”
สิบตำลึง?! รายได้จากการขายเต้าฮวยทั้งวันของนางหายไปกว่าครึ่ง!
เสิ่นม่านอยากรีบสาวเท้าหนี แต่ก่อนออกไป ในสมองกลับเฝ้านึกถึงกล้ามเนื้อขาวเนียนดั่งหิมะของหนิงโม่เมื่อคืน ผิวขาวสวมชุดสีแดงเข้มต้องดูดีแน่ๆ ใช่ไหมเล่า?
นางกัดฟันควักเงินออกจากถุง หลังจากนับเรียบร้อยก็วางลงบนโต๊ะเสียงดังตุ้บ
“ห่อให้ข้าที!”
-----
