“เ้าค่ะ แต่ไม่ใช่พระสนมเคยบอกว่า ‘ไม่มีมารดาแบบนี้’ จึงไม่อยากพบหรือเ้าคะ?” ซิ้วเอ๋อร์ถามอย่างระมัดระวัง
นางไม่ได้มีมารดาที่ทำลายอนาคตของนางแบบนี้จริงๆ แต่เื่มาถึงตอนนี้คงไม่อาจนั่งเฉยๆ รอให้ถูกฆ่าตาย ปล่อยให้พระสนมหวินนังสารเลวคนนั้นชิงเอาตำแหน่งฮองเฮาไปต่อหน้าต่อตา
ตำแหน่งฮองเฮาเป็ของนาง ไม่มีใครสามารถนั่งได้ทั้งสิ้น
ในดวงตาของซูจิ้งโหยวมีแววโหดร้ายวาบผ่าน “คนที่มารดาส่งมาขอเข้าเฝ้าเล่า? ยังอยู่หรือไม่?”
“นายหญิงส่งคนมาเจ็ดครั้งแล้ว ทั้งหมดถูกท่านไล่ออกไปจากตำหนัก ต่อมานายหญิงส่งหลินมามามาอีก นางกล่าวว่าดีร้ายอย่างไรหลินมามาก็เป็กึ่งแม่นมของท่าน ให้ท่านเห็นแก่สายสัมพันธ์บางเบานี้พบหลินมามาสักครา แม้ว่าท่านไม่พบ แต่ไม่ได้บอกให้ขับไล่คนไป บ่าวได้แต่ตัดสินใจจัดคนไปไว้ในตำหนักด้านข้างเอง รอท่านสั่งการเ้าค่ะ” ซิ้วเอ๋อร์กล่าวตามความจริง
เมื่อครู่ใจนางคิดแต่เื่ผลสรุปการประชุมว่าราชการยามเช้า ไหนเลยจะนึกถึงหลินมามาคนนี้ได้
แต่ตอนนี้คิดอย่างรอบคอบ จู่ๆ นางแซ่หลี่ส่งคนมากมายมาขอเข้าเฝ้านางต้องมีเื่สำคัญบางอย่าง หรือจะเกี่ยวข้องกับเื่ครั้งนี้?
ตามปกติแล้ว นางแซ่หลี่เป็คนระมัดระวังจริงจังเสมอมา ต่อให้คิดคบชู้ก็ไม่ทำในเรือนเปลี่ยวบ้านตนเองเด็ดขาด หรือเื่นี้จะมีบางอย่างผิดปกติ
เอาเถิด ไม่ว่าจะผิดปกติที่ตรงไหน ตอนนี้นางยังคงมีเื่ต้องใช้นางแซ่หลี่ มิอาจตัดเยื่อใยเฉียบขาดขนาดนี้
“เชิญหลินมามามา” ซูจิ้งโหยวครุ่นคิดสักครู่กล่าวพลาง
“เ้าค่ะ”
ซิ้วเอ๋อร์พาหลินมามาเข้ามาโดยเร็ว เมื่อหลินมามาได้เห็นซูจิ้งโหยวก็คุกเข่าลงน้ำตาไหลพรู “พระสนม ครั้งนี้ท่านต้องช่วยนายหญิงนะเ้าคะ ไม่ว่านายหญิงจะทำอะไรผิดไป แต่ก็ยังเป็มารดาแท้ๆ ที่อุ้มท้องท่านสิบเดือน ท่านมิอาจสลัดมือนางทิ้งได้นะเ้าคะ”
ตระกูลหลี่ได้ยกหลินมามาั้แ่วัยเด็กให้เป็คนรับใช้ของนางแซ่หลี่ หลังจากสามีเสียชีวิตก็พาหยานเอ๋อร์ลูกสาวมาพึ่งนางแซ่หลี่อีก
ความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างเ้านายกับบ่าวนี้มิอาจใช้วาจามาพรรณนาได้
ตอนนี้เห็นนางแซ่หลี่ถูกใส่ร้ายตกทุกข์ได้ยาก ซูจิ้งโหยวซึ่งเป็เพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยนางแซ่หลี่ได้ ยังไม่สนใจเื่นี้ แทบเป็การมองอยู่ในสายตา ทว่าเ็ปในใจ
ซูจิ้งโหยวเห็นเช่นนี้ รีบเปลี่ยนเป็สีหน้าเศร้าโศกพยุงหลินมามาขึ้นจากพื้น “หลินมามากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร อย่างที่เ้าได้กล่าวมา นางเป็ถึงมารดาแท้ๆ ของข้า ข้าจะไม่ไยดีนางได้เชียวหรือ? ความจริงก่อนหน้านี้ข้าทั้งโกรธทั้งร้อนใจ คิดอยากอยู่ลำพังสักพักหนึ่งจึงไม่ได้เรียกเ้าเข้าเฝ้า”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลินมามาก็วางใจลงได้ “บ่าวเฒ่าทราบดีว่าพระสนมไม่ได้เป็คนไร้ความปรานีอกตัญญูแบบนั้น เพียง้าคำตอบจากท่านเท่านั้น ขอพระสนมอย่าได้ตำหนินายหญิงอีกเลยเ้าค่ะ”
สีหน้าของซูจิ้งโหยวพลันเปลี่ยนไป ไร้ความปรานีอกตัญญู? ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายลอบด่านางอยู่หรอกหรือ?
แต่เพราะหลินมามายังคงมีประโยชน์ ดังนั้นนางจึงไม่อาละวาด!
“เกิดเื่เช่นนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าท่านพ่อต้องโมโหโทโสเช่นนั้น อย่าว่าแต่ท่านพ่อเลย ก็กระทั่งตำแหน่งที่ข้าอยู่ในตำหนักก็...” ซูจิ้งโหยวกล่าวจบ อดไม่ได้ที่จะใช้แขนเสื้อซับน้ำตาที่หางตา
ตอนนี้นางไม่คิดสนใจว่านางแซ่หลี่ได้รับการปฏิบัติอย่างไรขณะอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดี ยิ่งกว่านั้น เกิดเื่แบบนี้ซูเต๋อเหยียนต้องโกรธก็เป็เื่ที่อยู่ในความคาดคิด ดังนั้นนางเพียงย้ายหัวเื่มาที่ตนเอง
หลินมามาย่อมไม่ได้มีความคิดมากขนาดนั้น เห็นดังกล่าวก็ร้อนใจทันที “หรือตำแหน่งของพระสนมในพระตำหนักได้รับผลกระทบด้วยหรือเ้าคะ?”
ซูจิ้งโหยวน้ำตาร่วงพยักหน้าน้อยๆ “ขณะประชุมว่าราชการมีขุนนางใหญ่หลายคนยกเื่นี้ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เป็การใหญ่ ขอให้ฮ่องเต้ยกเลิกความคิดในการสถาปนาข้าเป็ฮองเฮา แต่ฮ่องเต้เลิกประชุมตรงไปหาพระสนมหวิน ความหมายนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
“โอ้ ไม่คิดว่านายหญิงกับพระสนมผู้เฉลียวฉลาด ต้องมาเสียทีในมือของซูจิ้งเซียงนังสารเลวนั่น” หลินมามาเคียดแค้นชิงชังเป็อย่างยิ่ง
ซูจิ้งโหยวรีบจับประเด็นหลักในคำพูดของนางทันที นางขมวดคิ้วฉับ “ซูจิ้งเซียง? เื่นี้เกี่ยวอะไรกับนาง?”
“ความจริงนายหญิงให้บ่าวเข้าตำหนัก ก็เพื่อบอกเื่นี้แก่พระสนม เพราะเื่ที่ตำหนักเย็น ซูจิ้งเซียงมีความแค้นใจต่อท่านกับนายหญิง จึงคิดแผนวางยานายหญิง กระทั่งนายหญิงยังสงสัย แม้แต่ข่าวเหล่านี้ที่ส่งออกมาล้วนเป็ซูจิ้งเซียงให้คนส่งออกมา” หลินมามากล่าวตามความสัตย์
“ซูจิ้งเซียง?” หากคนที่พูดแบบนี้กับนางมิใช่เป็หลินมามา ซูจิ้งโหยวคงเชื่อไม่ลง
ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อซูจิ้งเซียง ด้วยสติปัญญาของอีกฝ่าย เป็ไปได้อย่างไรที่จะทำเื่นี้?
หลินมามาพยักหน้า “ตอนนี้ซูจิ้งเซียงกลายเป็พระชายาซีอ๋องแล้ว นายหญิงให้บ่าวเตือนพระสนม ต้องระวังคนนี้ให้มาก”
ซูจิ้งเซียงกลายเป็พระชายาซีอ๋องแล้ว?
ใช่แล้ว เื่ที่ซีอ๋องรับสมรสพระชายา นางเคยได้ยินมาบ้าง เพียงแต่ไม่คิดว่าคนคนนี้จะเป็ซูจิ้งเซียง
เื่ทั้งหมดฟังดูน่าประหลาด ซีอ๋องผู้โลภหลงในความงามของอิสตรี เป็ไปได้อย่างไรถึงสมรสกับคนที่เสียโฉมเป็พระชายา แม้จะรำลึกถึงความสุขสันต์มัจฉาท่องน้ำกับซูจิ้งเซียงคราหนึ่ง รับเข้าไปในตำหนักเป็อนุก็ได้ ทำไมจึง...
“หลินมามา ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับเื่นี้ จงเล่ารายละเอียดมาเถิด” นางไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าเื่นี้จะเป็ซูจิ้งเซียงคนเดียวทำออกมา
ถ้าเดาไม่ผิด ต้องมีคนอยู่เื้ัใช้ซูจิ้งเซียง คิดให้ร้ายนางกับนางแซ่หลี่
แต่ไม่ว่าคนนี้จะมีวัตถุประสงค์ใด คนที่กระทบต่อการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา นางต้องกำจัดให้หมด
“ความจริงเื่นี้ทั้งนายหญิงกับบ่าวเฒ่าต่างยังมึนงงไปทั่วศีรษะ วันนั้นนายหญิงถูกนายท่านจับได้ที่เรือนเปลี่ยว เดิมนายท่านคิดปกปิดเื่นี้ แต่ซูจิ้งเซียงกลับเรียกคนรับใช้ในจวนมาทั้งหมด ยังยอมรับในที่เกิดเหตุว่าเป็นางคิดแผนวางยานายหญิง ต่อมานายท่านจะไล่นางออกจากจวน จู่ๆ ท่านอ๋องเก้าพันปีก็มาถึง นำสินสอดสู่ขอมาสิบหีบ ท่านอ๋องเก้าพันปีให้นายท่านตรวจรับสินสอดสู่ขอ ไม่มีเกี้ยว ไม่มีการกราบไหว้เข้าพิธี ก็พาตัวนางกลับไปด้วยเ้าค่ะ ”
เื่จะบังเอิญได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ซูจิ้งโหยวหรี่ตา
ด้วยฐานะของซูเต๋อเหยียนเป็ไปไม่ได้ที่จะปรากฏตัวในเรือนเปลี่ยว แต่ดันเข้าไปขณะที่นางแซ่หลี่กำลังคบชู้
ทั้งซูจิ้งเซียงยังกล้าสารภาพว่าเป็นางวางยา
ที่แปลกคืออวี้เสวียนจีที่มาได้ประจวบเหมาะ ราวกับมีคนคิดแผนไว้ เชิญเขามาช่วยดับไฟเป็พิเศษ
“ตอนนั้นนอกจากบ่าวไพร่แล้ว ยังมีผู้ใดอีก” เมื่อถามวาจานี้ออกไป ในสมองของซูจิ้งโหยวพลันผุดชื่อคนคนหนึ่ง
แต่แล้วคำพูดของหลินมามาก็ยืนยันความคิดของนางพอดี “ยังมี... ซูเฟยซื่อ ได้ยินว่าซูเฟยซื่อได้พบกับนายหญิงในเรือนเปลี่ยว จึงพานายท่านไปที่นั่นเ้าค่ะ”
หลินมามาคิดๆ ก็กัดฟันกล่าว “แม้จะไม่มีหลักฐาน แต่นายหญิงสงสัยมาตลอดว่าซูจิ้งเซียงเป็เพียงหุ่นเชิด คนที่ทำการเื้ัจริงๆ เป็ซูเฟยซื่อเ้าค่ะ”
“ซูเฟยซื่อ” คิดถึงเงาร่างสีแดงโดดเด่นในพิธีชุมนุมแข่งม้า สิบนิ้วของซูจิ้งโหยวพลันบีบแน่น “ข้ารู้สึกมานานว่ามิอาจปล่อยให้แมลงเม่าอยู่ใกล้กับกองไฟ[1] ไม่ว่าเื่นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่ นางต้องตาย”
……
[1] แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สํานวนสุภาษิตนี้หมายถึงลุ่มหลงในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งคิดว่าเป็สิ่งที่ดี จึงได้หลงผิดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จนทำให้ตนเองได้รับอันตราย