จางจื่ออี๋หันหลังเดินจากไปคล้ายกับว่าตัวเองมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่วุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็การกันตัวเองออกมาได้อย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด จะให้รู้สึกเื่อะไรล่ะ? ในเมื่อเื่ชวนหัวนี่นางมิได้เป็ตัวตั้งตัวตีเสียหน่อย คนเขาพึ่งลงมาจาูเา ทั่วทั้งร่างสกปรกมอมแมม เสื้อผ้ารึก็มีรอยกิ่งไม้เกี่ยวจนหลุดลุ่ย ผู้ที่มีตาและมองมาอย่างเป็ธรรมหน่อย ก็จะรู้ว่าเด็กกำพร้าอย่างนางสู้ชีวิตขนาดไหน เพราะไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ ถึงต้องไปเสี่ยงตายหายหนทางมีชีวิตรอดบนูเาที่สุดแสนอันตราย
อืม...บางครั้งการทำตัวให้น่าเวทนาเข้าหน่อย มันย่อมมีเื่ดีซ่อนอยู่ในตัว ดูวันนี้สิ ด่าคนก็ด่าไปแล้ว เหลือแต่ไม่ได้ลงมือทุบตีก็เท่านั้น เชื่อว่าคนเกินกว่าครึ่งเลือกยืนอยู่ข้างเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้น่าสงสารเช่นนาง หวงซิ่วเหมยนี่คือความรู้สึกว่าการยกหินทุ่มเท้าตนนั้นเป็เช่นไร
ในขณะที่ในหัวของเด็กหญิงร่างผอมซีดกำลังคิดคำนวณเื่ราวร้อยแปด พลันหยุดชะงักลงกะทันหันด้วยมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญก้าวออกมาขวางทาง ั์ตาหงส์วาดผ่านรอบหนึ่งก็ระบุบตัวผู้มาเยือนได้ในทันที
กรรมของข้า...
“อาหมาน”
ครั้นได้ยินเสียงเรียกนั้นมันทำให้จางจื่ออี๋รู้สึกขนลุกชันไปทั้งร่าง น้ำเสียงนี้ ความหนักเบาที่พอเหมาะพอดี เสนาะไพเราะชวนเคลิบเคลิ้ม ไซเรน คำนี้ผุดขึ้นมาในความคิดของจางจื่ออี๋ ปีศาจในเทพปกรณัมกรีกเสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน* ด้วยรูปลักษณ์งามหยดย้อย น้ำเสียงไพเราะดุจกระดิ่งเงินต้องลม ทำให้หญิงสาวที่กำลังใช้ั์ตาโศกมองมาที่จางจื่ออี๋ดูน่าสนใจขึ้นมาไม่น้อย
“จางเอ้อยา สวัสดี”จางจื่ออี๋ผู้นี้คือใครกัน นี่คือตัวแม่แห่งวงการกวนบาทา ตอนที่มีชีวิตอยู่ในโลกที่จากมา นางคือไอ้ตัวจี๊ดของโครงการ เป็ตัวเปิดของหน่วย ต่อให้ผู้บังคับบัญชาจะยศใหญ่โตสักแค่ไหน ก็ไม่มีผู้ใดรอดพ้น ทุกคนจะได้รับการก่อกวนจากนางไม่มากก็น้อย ตัวนางที่เป็เช่นนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็เป็มาั้แ่เด็กจนโต จะมาแก้เอาตอนแก่ มันจะได้ไหม?
“อะเอ่อ...อาหมาน ข้าเปลี่ยนชื่อนานแล้ว เ้าลืมแล้วหรือ”หญิงสาวร่างบอบบาง ใบหน้าทอแววเอื้ออารีอยู่เป็นิจ บัดนี้แข็งเกร็งอย่างมิอาจควบคุม เื่ชื่อเดิมเป็จุดคำต้องห้ามของนาง นางจะรู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ผู้อื่นเรียกขานนางด้วยชื่อนี้ ไม่รู้ว่าน้องสามเป็อันใดไป ั้แ่ถูกบังคับให้แยกบ้านนางคล้ายจะเปลี่ยนไปเป็คนละคน ยิ่งได้มาพูดคุยกันในวันนี้หญิงสาวยิ่งมั่นใจว่าเด็กสาวตรงหน้าผู้นี้ เปลี่ยนแปลงไป นางไม่เหมือนน้องสามที่แสนเชื่อฟังผู้นั้นอีกต่อไป
“อ่อ...โทษที พอดีลืมน่ะ อย่าโทษข้าเลยนะ จางรั่วอวิ๋น”จางจื่ออี๋กล่าวขออภัยด้วยสีหน้าตายสนิท ทุกส่วนบนร่างของนางสามารถเขียนเป็คำได้ว่า ข้าไม่อยากสนทนาใดๆ กับเ้าแม้ครึ่งคำ แต่ดูเหมือนนางผู้นี้จะทำเป็ไม่รู้เื่ยังจะพ่นวาจาเป็เสียงหึ่งๆ ไม่หยุด
“น้องสาม... น้องสาม!”
“หะหา หือ ว่าอย่างไร?”เ้าตีมึนไยข้าจะทำบ้างไม่ได้ เื่แสดงละคร ใช้มารยา คือคุณสมบัติของตัวร้ายมิใช่หรือ เป็ตัวร้ายก็ต้องร้ายให้ถึงที่สุด
แน่นอนว่าศัตรูอันดับหนึ่งของตัวร้ายฝ่ายหญิงคือใคร...
ก็นางเอกน่ะสิ
“ข้าถามว่า่นี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่”จางรั่วอวิ๋นยังคงน้ำเสียงอ่อนโยนของตนเอาไว้ได้ แม้ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้เผลอชักสีหน้าใส่คนตรงหน้า
โถ โถ โถ แม่คุณเอ๋ย แม่นางดอกบัวขาว เสแสร้ง เสแสร้งเข้าไป
ยิ้ม... จางจื่ออี๋แสยะมุมปากเป็รอยยิ้มสายหนึ่ง เป็ยิ้มแบบตัวร้ายๆ
“ขอบคุณพี่สาวที่ห่วงใย ่นี้ข้ายากลำบากมากจริงๆ ข้าวสารจะกรอกหม้อก็ไม่มี ทุกวันนี้ได้แต่กินต้มมันเทศประทังชีวิต พี่สาวท่านพูดกับข้าเสมอว่าท่านคือพี่สาวแท้ๆ ของข้า อย่างไร... อย่างไร ท่านให้ข้ายืมเงินได้หรือไม่ ข้าสัญญาว่าจะใช้คืนอย่างแน่นอน!”จางจื่ออี๋พูดรัวเร็วราวกับว่าหากพูดช้าถจะถูกอีกฝ่ายเอ่ยขัดจังหวะ พูดเสร็จนางก็ใช้ั์ตาคลอน้ำใสมองไปที่แม่นางเอกจิตใจอารีแห่งยุค
ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเ้าจะทำเช่นไรต่อไป!
“น้องสาวที่น่าสงสรของข้า...พี่สาวมีใจอยากช่วยเหลือเ้าเหลือเกิน แต่เ้าใช่จะไม่รู้ว่าสถานะของข้าที่บ้านเป็เช่นไร ขอโทษ ขอโทษนะ ข้ามันคนไรประโยชน์”จางรั่วอวิ๋นหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเศร้าโศกต่อความอยุติธรรมที่น้องสาวที่นางรักกำลังเผชิญ
ข้าว่าแล้ว!
เห็นไหมล่ะ ซื้อล็อตโตทำไม่ไม่แม่นเหมือนอย่างนี้!
“รู้ว่าตัวเองไร้ประโยชน์แล้วจะเสนอหน้าออกมาทำไม”จางจื่ออี๋เปลี่ยนสีหน้าไม่แย่แสต่อสิ่งใด เป็ความเย็นเยียบในพริบตา
“...!”
“จางรั่วอวิ๋นข้าไม่ใช่คนที่เ้าจะมาหลอกใช้ได้ดังเช่นวันวานอีกต่อไป วันหน้าอยู่ห่างจากข้าหน่อย เห็นหน้าจะเป็จะตายเหมือนว่าคนทั้งโลกรุมทำร้ายเ้า มันทำให้ข้าหงุดหงิด เื่แต่หนหลังข้าจะไม่ถือสา อย่าได้มีครั้งต่อไป”
“ความอดทนข้ามีไม่มากนัก”จางจื่ออี๋ทำเป็ปัดๆ ไปตามชุดกระสอบของตนไปมา ถ้าปัดแรงอีกนิดคิดว่าชุดเปื่อยๆ นี่คงหลุดติดมือออกมา
“ข้ามิใช่บุตรสาวซิ่วไฉอีกต่อไปแล้ว เป็เพียงเด็กกำพร้า เ้าควรวางใจแล้วเดินไปตามทางของตนเสีย เดิมเราสองก็เดินกันคนละเส้นทาง ข้าไปล่ะ”พูดชัดเจนถึงขนาดนี้แล้ว หากอีกฝ่ายยังคิดไม่ได้แล้วมาวุ่นวายไม่เลิก นางก็ไม่รังเกียจเื่การใช้กำลังตัดสินปัญหาซะด้วยสิ
“เดี๋ยวก่อนน้องสาม! แล้วบัณฑิตไป๋ล่ะ เ้าจะไม่สนใจเขาแล้วหรือ”จางรั่วอวิ๋นเปล่งเสียงรั้งคนที่กำลังจากไปด้วยน้ำเสียงแหลมสูง เพราะแรงอารมณ์ที่มิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
“เ้าหมายถึงคนเนรคุณผู้นั้นหรือ... เดิมเ้าก็อยากได้เขามากมิใช่รึ ตอนนี้ทางสะดวกแล้ว ตามสบายเลย”
ไม่รอให้จางรั่วอวิ๋นเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาอีก จางจื่ออี๋ก็เดินจากไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองสีหน้าของคนด้านหลังให้เสียสายตา
บัณฑิตไป๋
ไป๋เจวี๋ย พระเอกของเื่ งงล่ะสิว่าจางจื่ออี๋เหตุใดจึงมีความเกี่ยวข้องกับพระเอกลูกรักพระเ้าของนักเขียนได้ จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครไป๋เจวี๋ยกับจางจื่ออี๋ไม่มีการกล่าวถึงในเนื้อหานิยาย แม้แต่ตัวอักษรเดียวก็ไม่มี นางมารู้เื่ราวความเป็ไประหว่างคนทั้งสองได้จากความทรงจำจากร่างเดิม
จางจื้อหลินรับศิษย์ผู้หนึ่งอย่างเป็ทางการ พร์ของเด็กหนุ่มเทียบเคียงผู้เป็อาจารย์ได้อย่างไม่น้อยหน้า เด็กหนุ่มสกุลไป๋จากหมู่บ้านสกุลไป๋ที่อยู่ห่างออกไปสามสิบลี้ เป็เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เป็ที่หมายปองของบรรดาแม่นางทั้งหลาย แต่พวกนางก็ต้องพับเก็บความเพ้อฝันนั้นกลับไป เมื่อมีข่าวลือว่าจางซิ่วไฉหมายจะให้บุตรสาวของตนหมั้นหมายกับลูกศิษย์อนาคตไกลของตน
ดังนั้นไป๋เจวี๋ยผู้นี้เรียกได้ว่าเป็คู่หมายของจางจื่ออี๋อย่างเป็ทางการ มารดาของนาง หยวนซื่อคนเปรยเื่นี้กับบุตรสาวเอาไว้ ว่าหลังจากที่ไป๋เจวี๋ยกลับมาจากการสอบระดับมณฑล ก็จะให้เขาพาผู้ใหญ่และแม่สื่อมาวากล่าวเื่การหมั้นหมายอย่างเป็ทางการ
ขาดเพียงสามหนังสือหกพิธีการ อีกนิดเดียว...
ทุกอย่างที่กล่าวมาพลันเลือนหายไปราวกับสายหมอกยามเช้า เพราะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นเสียก่อน
ไอ้คนเนรคุณนั่นไปสอบจนถึงตอนนี้ยังไม่โผล่หัวกลับมาด้วยซ้ำ
เหอะ!
พระเอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้