บทที่ 194 พลังกระบี่โบราณ
ท้องฟ้าสีครามไร้ที่สิ้นสุด และในจัตุรัสของศาลเ้า แสงสีรุ้งตัดผ่านความว่างเปล่า ราวกับสายฟ้าสีรุ้ง รวดเร็วอย่างไม่มีที่เปรียบ ลวงตา และสวยงาม
หลังเสียง “ฟุ่บ” ก็มีเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น มันเป็พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ชื่อยวน สามารถปรามสายเืของตระกูฉู่เชื้อสายไป๋หยางได้ นอกจากนี้ยังเป็การปรามด้วยเืบริสุทธิ์และมีผลเฉพาะกับคนในตระกูลเดียวกัน
ั้แ่ฉู่อวิ๋นเข้ามาในเมืองชุยเสวี่ย กระบี่ชื่อยวนก็ถูกเก็บไว้ในวงแหวนอวกาศ จนกระทั่งเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีของฉู่เจิ้นหนาน และตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาจึงมีความคิดที่จะลองใช้กระบี่มารับมือดู
แต่ฉู่อวิ๋นไม่คิดว่าหลังจากการฝึกฝนทางิญญาของเขาเพิ่มขึ้น ความสามารถในการควบคุมกระบี่ชื่อยวนก็ดีขึ้นเช่นกัน การปรามิญญาที่เขาใช้ตอนนี้ สามารถเดินทางข้ามความว่างเปล่า ใช้งานจากระยะไกลได้
ต้องรู้ว่า ในอดีต ระยะการใช้งานของกระบี่โบราณนี้ใช่ได้เพียงไม่กี่หมี่เท่านั้น แต่ตอนนี้ใช้ได้ไกลขึ้นแล้ว สำหรับฉู่อวิ๋น นี่เป็ข่าวดี!
นี่ทำให้เขามีทุนในการต่อสู้กับฉู่เจิ้นหนาน!
“เวิ้ง—”
ทันใดนั้น สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ก็กระทบกับฉู่เจิ้นหนานและปล่อยแสงออกมามากมาย จิ้งจอกเฒ่ารู้สึกทันทีว่าร่างกายของเขาแข็งเกร็ง พลังและเืทั่วร่างหยุดนิ่ง ิญญาดูเหมือนจะถูกระงับอย่างสมบูรณ์จนยากจะเคลื่อนไหว
“นี่เป็ความสามารถแปลกๆ ของอาวุธบรรพบุรุษนั่นหรือเปล่า?!”
“น้องหกเขา... เขาตายภายใต้การควบคุมทางจิตนี้หรือ?” ฉู่เจิ้นหนานเหงื่อแตก ใ พยายามรวบรวมพลังปราณและดิ้นรน แต่น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์
แม้ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา จิ้งจอกเฒ่าจะมีบทบาทในเมืองชุยเสวี่ยไม่น้อย แต่ในฐานะผู้นำตระกูล เขายังแลกเปลี่ยนจดหมายกับผู้าุโ รับรู้ข่าวสารที่เกิดขึ้นในการประลองยุทธ์ในเมืองไป๋หยางเมื่อไม่นานมานี้
ผู้าุโหกฉู่เจิ้นหยวน ถูกสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกและบุกเข้าไปในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ แต่ถูกฉู่อวิ๋นจับได้และสังหาร ฉู่เจิ้นหนานยามได้ยินเื่นี้ก็รู้สึกประหลาดใจมากในเวลานั้น
แน่นอนว่าเขาเอะใจมานานแล้วว่าผู้าุโหกมีอะไรแผนการอะไรบางอย่าง เพียงแค่เขาไม่พูดเท่านั้น เขาอยากรอจนกว่าการแต่งงานจะสิ้นสุดลงก่อนแล้วค่อยกลับไปชำระความ
แต่เขาไม่คิดว่าทันทีที่ออกจากเมืองไป๋หยาง ฉู่เจิ้นหยวนจะเริ่มสร้างปัญหา ก่อเื่วุ่นวายในเมือง และเื่ลักขโมยของในสุสานก็ยังคงเป็เื่ที่น่าสงสัยอยู่
“กระบี่เล่มนี้ต้องเป็อาวุธราชันย์ที่สามารถปรามสายเืในตระกูลได้แน่!” ฉู่เจิ้นหนานกะพริบตา จ้องกระบี่โบราณสีแดงในมือของฉู่อวิ๋น ใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง
จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้สนใจการตายของฉู่เจิ้นหยวนมากนัก เพราะมีบางสิ่งที่สมควรสนใจมากกว่า นั่นก็คือกระบี่ชื่อยวน
กระบี่โบราณที่สามารถปรามสายเืในตระกูลได้ ย่อมนำมาซึ่งภัยพิบัติ
เมื่อฉู่เจิ้นหนานรู้ข่าวในเวลานั้น เขาก็สั่งให้คนรีบแจ้งเชื้อสายหลักทันที จนถึงกับขอให้ผู้าุโกลุ่มหนึ่งกักขังฉู่อวิ๋นไว้ในเมืองไป๋หยาง ไม่ให้ปล่อยเขาออกมา ทั้งยังยึดกระบี่ในมือเขาเอาไว้
แต่ฉู่เจิ้นหนานไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะยึดติดกับฉู่ซินเหยาถึงขนาดกล้าเข้าไปในป่าสีเืเพื่อหลบหนีการไล่ล่ามาจนถึงเมืองชุยเสวี่ย
ต่อมา เมื่อเขาได้รู้ข่าวจากคนจวนมู่หรงว่าฉู่อวิ๋นถูกฝังอยู่ในท้องของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตแล้ว ปฏิกิริยาแรกของจิ้งจอกเฒ่าคือตื่นตระหนก!
เขาไม่ได้สนใจชีวิตเป็ตายของฉู่อวิ๋น แต่สนใจกระบี่โบราณนั่น
พึงรู้ว่า ถ้าคนนอกได้รับกระบี่เล่มนี้ไป ไม่สำคัญว่าจะใช้ได้หรือไม่
หากมีใครมาศึกษาหลักการปรามสายเืในตระกูลและสร้างอาวุธที่เป็อันตรายต่อคนในตระกูลฉู่ได้ ทั้งเชื้อสายไป๋หยางและตระกูลฉู่ทั้งหมด คงเหมือนการโดนทัณฑ์จาก์
นี่อาจเป็ผลให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เมื่อนึกถึงเื่ราวอันร้ายแรงนี้ ฉู่เจิ้นหนานจึงส่งคนไปตามหากระบี่ชื่อยวนในป่าสีเืทันที
น่าเสียดายที่เขากลับมามือเปล่า ทั้งยังถูกเชื้อสายหลักตำหนิในเื่นี้
ใครจะไปคิดว่าฉู่อวิ๋นที่เข้าไปในพื้นที่ของิญญาศักดิ์สิทธิ์จะพกกระบี่ชื่อยวนไปด้วย?
แน่นอนว่า ในยามนี้ ฉู่เจิ้นหนานย่อมใเมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นยังไม่ตาย แต่เขาก็โล่งใจเช่นกันเพราะพบว่ากระบี่แปลกๆ นั่นยังอยู่ในมือของฉู่อวิ๋น!
“คนทรยศ! หากเ้าเต็มใจมอบกระบี่ในมือออกมา ข้าฉู่เจิ้นหนานสัญญาว่าจะไม่มีวันทำร้ายเ้า!” แม้ว่าพลังและเืของเขาจะหยุดนิ่ง แต่ฉู่เจิ้นหนานยังคงมีความเป็ผู้นำตระกูล เริ่มเจรจาต่อรอง
แต่ฉู่อวิ๋นกลับหัวเราะเยาะ เขาวางกระบี่ในแนวนอน “สุนัขเฒ่า เ้ายังกล้าพูดเื่ไร้สาระกับข้าอีกหรือ? เต็มปากเ้ามีแต่มูล ใครเล่าจะไปเชื่อ?!”
“ควับ!”
ฉู่อวิ๋นรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือด ปลดปล่อยรณทระนง ลากแสงกระบี่ออกมา แสงสีม่วงกะพริบ ราวกับมีดวงดาวนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ สวยงามอย่างยิ่ง
นี่คือทักษะกระบี่อันทรงพลังที่สุดของเขา ท่าสังหารของวิชากระบี่ดาวตก ดาราร่วงไร้รอย!
“วะ วะ วะ วะ!”
กระบี่เล่มยาวลอยข้ามท้องฟ้า ลากแสงวาววับ ก่อเกิดรูปดาวตก ผู้ชมทั้งหมดประหลาดใจ ััได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวและรุนแรงของกระบี่เล่มนี้
“ปัง!”
ทันทีที่เขาก้าวไปข้างหน้า ฉู่อวิ๋นก็ลากกระบี่กลับมา มันฉายแสงในแนวนอน สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์หนาทึบทะลุผ่านท้องฟ้า เหมือนกับัดาราควบขี่ เคลื่อนที่ไปทุกทิศทาง ราวดวงดารากระจายทั่วท้องฟ้า ะเิเป็เสี่ยงๆ มุ่งหน้าตรงไปยังฉู่เจิ้นหนาน
“กระบี่มีพลังอะไรเช่นนี้?! ปราณกระบี่นี้คมยิ่งกว่ากระบี่เพลิงที่ฉู่อวิ๋นเคยใช้ก่อนหน้านี้อีก!” ผู้าุโที่มีสายตาหลักแหลมตกตะลึง อุทานซ้ำๆ
“ท่านี้ดูเหมือนว่าฉู่อวิ๋นจะเคยใช้ในการประลองเซี่ยหยางด้วย ตอนนั้นมันยังไม่แข็งแกร่งนัก! เพิ่งผ่านไปได้หนึ่งเดือนกว่าเท่านั้น! พร์ของชายผู้นี้เทียบได้กับปีศาจ!” มู่หรงเจี๋ยอ้าปากกว้าง แม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะรับมือสายรุ้งกระบี่ดาวตกนี้
“ฉู่อวิ๋น…” ในขณะเดียวกัน ดวงตาของมู่หรงซินก็เปล่งประกาย หม่นหมอง พูดอะไรไม่ออก
ลูกสาวของเ้าเมืองรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าระยะห่างระหว่างนางกับฉู่อวิ๋นดูเหมือนจะไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
ไหนกันที่เรียกว่าการฟื้นคืนชีพ? เขาเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์... เขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ต่างไปจากเด็กหนุ่มในตอนนั้นที่ไม่สามารถเอาชนะสัตว์ปีศาจได้
ในความเป็จริง ขอบเขตแห่งกระบี่ของฉู่อวิ๋นได้มาถึงจิตเจตนาของกระบี่แล้ว ตอนนี้ เขาใช้ดาราร่วงไร้รอยอีกครั้ง ย่อมมีผลพิเศษตามธรรมชาติ
“ปัง!”
ทันใดนั้น เมื่อมองเห็นรุ้งศักดิ์สิทธิ์อันหนาทึบพุ่งเข้าหา ฉู่เจิ้นหนานก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เขา้าล่าถอย แต่น่าเสียดายที่ถูกกระบี่ชื่อยวนระงับไว้ จนความเร็วของเขาช้าลงหลายเท่า!
ดังนั้น จิ้งจอกเฒ่าจึงยกฝ่ามือขึ้นโบกอย่างต่อเนื่อง ตั้งใจจะใช้ผนึกลายประทับสายฟ้าเพื่อสู้กลับ
“อ๊า?!”
แต่น่าเสียดาย เขานิ่งอึ้ง เนื่องจากพลังปราณของอีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น เขาจึงไม่อาจแสดงพลังยุทธ์ของตนได้
ตอนนี้ ฉู่เจิ้นหนานเป็เพียงเป้านิ่ง ที่ทำได้เพียงรอคอยความเมตตาจากฉู่อวิ๋น เขาเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
“ตอนนี้ ข้าเป็ถึงผู้แข็งแกร่งในขั้นพื้นพิภพ ร่างยุทธ์มีพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาศัยเพียงแสงกระบี่ คิดว่าจะทำอะไรข้าได้?”
ชั่วพริบตา ฉู่เจิ้นหนานเสี่ยงชีวิต ไขว้แขนของเขา และทันใดนั้นก็ก้มหัวลง พยายามต่อต้านสายรุ้งกระบี่ดาวตก!
การกระทำนี้ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่ว เพราะทุกคนไม่รู้ว่าฉู่เจิ้นหนานถูกกระบี่ชื่อยวนปรามอยู่ และนี่คือทางเลือกสุดท้าย
“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง-!”
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ทะลุท้องฟ้า เมฆสีม่วงขยับไหว และโจมตีแขนของฉู่เจิ้นหนาน ดวงดาวะเิออกทีละดวงและต่อเนื่อง! แผ่นดินสั่นสะท้าน เสียงดังกึกก้อง
คนอ่อนแอบางคนไม่อาจทนนั่งนิ่งๆ ได้ ล้มลงกับพื้น ทั่วทั้งลานตกอยู่ในความโกลาหล
ไม่นาน เมื่อสายรุ้งทั้งหมดหายไป ทุกคนก็สงบลง ขยี้ตาและจ้องมองไปที่สถานการณ์บนเวที
มองเห็นฉู่เจิ้นหนานในยามนี้ อยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างยิ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่ย และมีควันลอยออกมาตามตัว ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ของผู้นำตระกูลอยู่อีก
“ฮึ่ม! เ้าสุนัขเฒ่าเวร แข็งแรงใช้ได้!” เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็สูดลมหายใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว ไม่ค่อยมีความสุขขึ้นมาสักเท่าใด
เพราะฉู่อวิ๋นพบว่า แม้จะใช้พลังของกระบี่รุ้งดาวตก แต่ก็ยังทำร้ายฉู่เจิ้นหนานไม่ได้จริงๆ ได้เพียงทำให้เนื้อหนังของเขาฉีกขาด แขนไหม้เกรียมเป็สีดำเท่านั้น
“นักรบขั้นพื้นพิภพ เป็เพียง์ชั้นแรก แต่ทรงพลังถึงขนาดนี้? น่าชังนัก!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟัน แม้ว่าการใช้สายรุ้งดาวตกจะไม่ใช่เื่ใหญ่ แต่เขาก็ยังคงอยู่ในสถานะรณทระนง หากยืดเยื้อก็จะผลาญพลังปราณไปมหาศาล
ถ้าทำอีกสองสามครั้ง แม้ว่าเขาจะยังใช้การปรามทางจิตได้ แต่มันก็คงไร้ผล และคงไม่สามารถสั่งสอนบทเรียนให้ฉู่เจิ้นหนานได้
“เด็กเวร... เด็กเวร!”
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะหงุดหงิด แต่ฉู่เจิ้นหนานกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
เขาเป็ผู้นำที่มีเกียรติของเชื้อสายย่อยของตระกูลฉู่ เขามีหน้ามีตาและให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด
ตอนนี้เขากลับดูเหมือนขอทานแก่ๆ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง แขนของเขาถูกะเิจนกลายเป็เหมือนถ่านสีดำ ทั้งตัวดำสนิท ผู้คนนับหมื่นจับตามองอยู่ แต่กลับไม่อาจรับมือได้
สิ่งนี้ทำให้ฉู่เจิ้นหนานโกรธมาก เคราของเขาปลิวลม ไอสังหารพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ฉู่เจิ้นหนานเป็นักรบในขั้นพื้นพิภพ แต่เขาถูกฉู่อวิ๋นปรามไว้ได้แล้ว ์!”
“เด็กหนุ่มคนนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ หรือเป็เพราะว่ากลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์ลงไป?!”
“ิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน...ถ้าได้มันมา...”
เวลานี้ ดวงตาของทุกคนสั่นไหว จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น นอกจากจะใแล้ว พวกเขายังเริ่มมีความคิดแปลกๆ อีกด้วย
“ควับ!”
ในขณะนี้ ดวงตาพยัคฆ์ของฉู่อวิ๋นเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาเข้าโจมตีอีกครั้งด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ราวกับสัตว์เพลิงที่วิ่งเข้าหาศัตรู
คราวนี้ เขาหยุดใช้ทักษะกระบี่และโจมตีด้วยคมกระบี่โดยตรง เพราะระยะเวลาของรณทระนงมีจำกัด กระบวนท่าของกระบี่จึงสิ้นเปลืองพลังปราณ!
แสงกระบี่กะพริบอย่างดุเดือด กระบี่ชื่อยวนโบกสะบัดไปมา ปราณกระบี่เขย่าท้องนภา ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจ ฉู่อวิ๋นจับกระบี่โบราณแน่นและฟันไปที่ฉู่เจิ้นหนาน แสงที่ไม่มีที่สิ้นสุดปกคลุมร่างกายของเขา น่าทึ่งยิ่งนัก
“เวิ้ง เวิ้ง เวิ้ง เวิ้ง——”
ปราณกระบี่เรืองแสงเจิดจ้า ส่งเสียงครวญคราง ราวกับดอกไม้ที่หลุดลอยและใบไม้ที่ร่วงหล่น เข้าโจมตีฉู่เจิ้นหนานทีละครั้ง ทำให้เขาขมวดคิ้ว พยายามระดมร่างยุทธ์อย่างเต็มที่ เพื่อมาเผชิญหน้าและต่อต้านมันอย่างดุเดือด
จนกระทั่งเขาหมดแรง เปลวไฟเริ่มจางหายไป ฉู่อวิ๋นหันหลังกลับ หอบหายใจอย่างหนัก และสังเกตสถานการณ์ในตอนนี้ของฉู่เจิ้นหนานอย่างระมัดระวัง
มองเห็นจิ้งจอกเฒ่าตอนนี้มีรอยกระบี่ทั่วร่าง แม้จะเป็เพียงาแตื้นๆ และยังคงรักษาได้อยู่ แต่เขาก็ดูเหมือนแมวลายจุด น่าอับอาย ทำให้คนอื่นลอบปิดปากหัวเราะเยาะ
“เ้าเด็กสารเลว อย่าให้ข้าจับเ้าได้นะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะจับเ้ามาถลกหนังเลาะกระดูก!” ดวงตาของฉู่เจิ้นหนานฉายแววดุร้าย เขาเคยต้องรับกับความอัปยศอดสูเช่นนี้หรือ? ราวกับตนอยู่บนเขียงเป็เนื้อพร้อมเชือด
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจิ้งจอกเฒ่าจะอยู่ในระดับต่ำขั้นพื้นพิภพ แต่าแเ่าั้ก็ค่อยๆ สมานตัว
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกเ็ป การถูกโจมตีด้วยปราณอันหนาแน่นเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาเจ็บร้าวมากจนสีหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ นี่เรียกว่าความทุกข์ทรมาน ความอัปยศอดสูและความเ็ป
“เสวี่ยจิงหง!!” ในที่สุด ฉู่เจิ้นหนานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหันใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเื ขอให้เสวี่ยจิงหงช่วยเหลือผ่านสายตาของเขา กัดฟันด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบ
ผู้นำตระกูลผู้สง่างาม ถูกชายหนุ่มในตระกูลของตนรังแก จนขยับตัวไม่ได้ จนต้องขอความช่วยเหลือจากคนนอก สิ่งนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าโกรธจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?...”
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ยามนี้เสวี่ยจิงหงเองก็ประหลาดใจและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เจิ้นหนานผู้นี้ถูกฉู่อวิ๋นทุบตีเอาจริงๆ หรือ? เขาถูกทรมานจนไม่อาจสู้กลับได้เลย
นี่ยังเป็นักรบขั้นพื้นพิภพอยู่หรือเปล่า? ทนทุกข์กับความอัปยศ อับอายขายหน้า นี่มันเพราะอะไรกันแน่?
ในความเป็จริง ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างก็มีคำถามนี้ เพราะไม่มีใครรู้ว่ากระบี่ชื่อยวนในมือของฉู่อวิ๋นเป็ตัวการที่ทำให้เกิดเื่ทั้งหมดนี้ มันมีความสามารถในการปรามสายเื
“เร็วเข้า! ไปช่วย...แค่กๆ ไปหยุดเด็กนั่นให้เลิกบ้าได้แล้ว!”
แน่นอนว่าเสวี่ยจิงหงก็เป็แป้งทอดเก่าแก่[1] สังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาเลิกคิ้ว และสั่งให้ผู้าุโของจวนตระกูลเสวี่ยในขั้นพื้นพิภพให้จับตัวฉู่อวิ๋น
ชั่วครู่หนึ่ง กองกำลังที่ทรงพลังอีกจำนวนหนึ่งพุ่งเป้ามาหาฉู่อวิ๋น ทำให้เขาดูเคร่งขรึม กัดฟันแน่น
“เดี๋ยวก่อน! นี่เป็กิจของตระกูลฉู่เรา ไม่มีการอนุญาตจากข้า ผู้ใดก็ห้ามแตะต้องเขา”
ทันใดนั้นเอง คำพูดที่ดังกึกก้องออกมาด้วยพลังปราณ ดังสนั่นจนทุกคนในลานจัตุรัสใและเงียบลงทันที นอกจากนี้ยังทำให้ผู้าุโของตระกูลเสวี่ยที่กำลังจะจับกุมทั้งหมดสับสน
ใบหน้าของฉู่เจียงเริ่มจริงจังขึ้นมา เขาเริ่มพูดแล้ว
----------
[1]มีประสบการณ์อันโชกโชน