ยามเช้า สายฝนโปรยปรายลงมาทำใหู้เาดูมืดครึ้มและหนาวเย็นเป็พิเศษ อาจเป็เพราะฝนตก ไก่ตัวผู้ในหมู่บ้านจึงไม่ขันไปกว่าครึ่ง
บนเส้นทางชนบทที่เต็มไปด้วยโคลน มีชายชราผู้หนึ่งสวมชุดสีเทาถือร่มกระดาษไข เดินมาอย่างเชื่องช้า อากุ้ยเปิดประตูรั้ว ก็เห็นชายชรามาแต่ไกล เขารีบกางร่มออกไปต้อนรับ แล้วพยุงชายชราเข้ามา
ผู้มาเยือนก็คือท่านอาจารย์หม่า อาจารย์ของอวิ๋นฉี่เยว่ เนื่องจากฝนตก วันนี้อวิ๋นฉี่เยว่จึงไม่ได้ขึ้นเขาไปฝึกวรยุทธ์ แต่ฝึกฝนร่างกายในห้องของตนเอง จากนั้นก็เริ่มฝึกเขียนพู่กัน
ใครจะรู้ว่าเพิ่งเขียนได้ไม่กี่บท ก็เห็นอาจารย์ของตนเดินเข้ามาพร้อมกับอากุ้ยที่คอยพยุงอยู่ เขารีบเชิญท่านอาจารย์หม่าเข้าไปในห้องโถง ขณะนั้นอวิ๋นโส่วจง ฟางซื่อ อวิ๋นเจียว และอวิ๋นฉี่ซานก็ออกมาต้อนรับท่านอาจารย์หม่าเช่นกัน
ชุนเหมยกโจ๊กขิงมาต้อนรับ เนื่องจากฝนตกั้แ่เมื่อคืน พอตื่นเช้ามาฟางซื่อจึงต้มโจ๊กขิงให้ทุกคนในบ้านได้กิน โจ๊กนี้ช่วยขับไล่ความหนาวเย็น อาจารย์หม่าจึงไม่เกรงใจ กินไปหนึ่งชามก็รู้สึกอบอุ่นสบายตัวขึ้น
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ ท่านมีธุระใดก็ให้คนรับใช้มาบอกกล่าวสักคำก็ได้ หรือจะให้พวกข้าไปหาท่านก็ได้ ฝนตกเช่นนี้ท่านยังอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง หากท่านไม่สบาย พวกข้าคงรู้สึกผิดเป็แน่!”
อาจารย์หม่ายิ้มๆ “ข้ามาเพื่อร่ำลาน่ะ จึงควรมาด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็ใและรู้สึกใจหาย แม้จะอยู่กับท่านอาจารย์หม่าไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ทุกคนในบ้านต่างก็ชื่นชอบชายชราผู้รอบรู้และไม่ถือตัวผู้นี้ ตอนนี้อาจารย์จะจากไป ถึงแม้ทุกคนจะรู้สึกใจหาย แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยห้ามปรามอย่างไร
จะห้ามได้อย่างไรเล่า? ต่อให้อาจารย์ลาออกจากราชการมาใช้ชีวิตอย่างสงบแล้ว แต่เขาก็คือบัณฑิตจิ้นซื่อสองบัญชี
การที่ท่านอาจารย์หม่ายอมมาที่หมู่บ้านไหวซู่ คอยให้คำแนะนำในการสร้างบ้าน นับว่าเป็เกียรติอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวของพวกเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ยังรับอวิ๋นฉี่เยว่เป็ศิษย์ สอนหนังสืออย่างจริงจังมาเกือบครึ่งเดือน
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้ซักถามสาเหตุ และไม่ได้เอ่ยขอให้อยู่ต่อ เขารู้ดีว่าการที่ครอบครัวนี้ไม่เอ่ยปากรั้งเขาไว้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเสียมารยาท ในทางกลับกัน พวกเขากำลังเกรงใจเขา
เขาจึงอธิบายด้วยตัวเอง “ข้าจะกลับเมืองหลวงสักรอบ อย่างมากหนึ่งหรือสองเดือน อย่างน้อยครึ่งเดือนข้าก็กลับมาแล้ว”
เขายังไม่ได้เห็นผลลัพธ์จากแิแปลกใหม่ และสิ่งประดิษฐ์ของเ้าเด็กอวิ๋นฉี่ซานด้วยตัวเอง จะยอมจากบ้านตระกูลอวิ๋นไปได้อย่างไร
“ท่านอาจารย์ ให้ศิษย์ติดตามท่านไปเมืองหลวงด้วยเถิด ระหว่างทางท่านอาจารย์ยังสามารถสอนวิชาความรู้ให้กับศิษย์ได้ หากไม่มีท่านอาจารย์อยู่เคียงข้าง ศิษย์เกรงว่าตนเองจะเกียจคร้านในการทบทวนตำรา”
ท่านอาจารย์หม่ามีหรือจะไม่รู้ว่าคำพูดนี้เป็เพราะอวิ๋นฉี่เยว่เป็ห่วงเขา เดิมทีเด็กหนุ่มก็เป็คนที่มีวินัยในตัวเอง จะเกียจคร้านในการทบทวนตำราได้อย่างไร? อวิ๋นฉี่เยว่แค่เป็ห่วงเขา อยากติดตามไปดูแลเขาเท่านั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านอาจารย์หม่าก็รู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก เพียงแต่ ครั้งนี้ที่เขากลับเมืองหลวง...
“บอกตามตรง ที่ข้าต้องกลับเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อไปพบหน้าสหายเก่าเป็ครั้งสุดท้าย และถือโอกาสช่วยคนในครอบครัวของเขาสักสองสามคน”
เมื่อเห็นว่าทุกคนทำหน้างงงวย เขาก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เื่นี้ไม่ใช่ความลับอะไร อีกไม่นานข่าวก็คงแพร่สะพัดมาถึงในอำเภอนี้แล้ว ข้าเพิ่งได้รับข่าว ท่านโหลวหงคังเสนาบดีกรมคลังถูกตัดสินปะาชีวิต บุตรชายสายตรงในตระกูลที่มีอายุเกินสิบสามปีทุกคนถูกตัดสินปะาชีวิต ส่วนญาติสตรี บุตรชายที่อายุต่ำกว่าสิบสามปี และญาติสายรองถูกขายเป็ทาส ไม่มีวันหลุดพ้นจากฐานะทาสไปตลอดชีวิต”
“เื่นี้ไม่ใช่เื่ดีอันใด สิงจือไม่ต้องติดตามข้ากลับเมืองหลวงหรอก ตั้งใจทบทวนบทเรียนอยู่ที่บ้าน รอข้ากลับมาแล้วค่อยทดสอบดูว่าความรู้ของเ้าก้าวหน้าขึ้นหรือไม่ก็แล้วกัน”
ใบหน้าของอวิ๋นฉี่เยว่ฉายแววเด็ดเดี่ยว เขาก้าวออกมาโค้งคำนับท่านอาจารย์หม่าด้วยความเคารพ “ในเมื่อท่านอาจารย์ต้องกลับเมืองหลวงเพราะเื่นี้ ศิษย์ยิ่งต้องติดตามไปด้วย ท่านอาจารย์อายุมากแล้ว หากมีศิษย์อยู่เคียงข้าง อย่างน้อยศิษย์ก็สามารถดูแลท่านอาจารย์ได้ ศิษย์จะได้ไม่ต้องกังวลจนไม่เป็อันเรียนหนังสือ ขอท่านอาจารย์อย่าได้ปฏิเสธ!”
อวิ๋นโส่วจงก็เอ่ยเสริม “ท่านอาจารย์หม่า ท่านไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ฉี่เยว่พูดถูก หากมีเขาคอยดูแลท่าน พวกเราก็วางใจได้”
ฟางซื่อเอ่ยเห็นด้วย “ใช่เ้าค่ะ”
อาจารย์หม่าเห็นว่าทุกคนยืนกราน จึงไม่ปฏิเสธอีก “เช่นนั้นก็ได้ ฉี่เยว่ไปเก็บข้าวของเถิด บ่ายนี้พวกเราก็ออกเดินทางกัน!”
อวิ๋นเจียวรีบพูด “ท่านอาจารย์โปรดใจเย็นก่อน ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าดีกว่าเ้าค่ะ”
อาจารย์หม่าเอ็นดูอวิ๋นเจียวมาก และรู้ว่านางคงไม่อยากให้พี่ชายต้องไป แต่ตอนนี้เขาแทบอยากจะบินไปเมืองหลวง เพื่อพบหน้าสหายเก่าเป็ครั้งสุดท้าย เกรงว่าหากไปช้า...
“เจียวเอ๋อร์ เื่ของท่านอาจารย์ค่อนข้างเร่งด่วน ยิ่งออกเดินทางเร็วเท่าไร ก็ยิ่งไปถึงเมืองหลวงเร็วเท่านั้น พวกเรารีบจัดการธุระให้เสร็จ สิงจือก็จะได้รีบกลับมา”
อวิ๋นเจียวรู้ว่าอาจารย์หม่าเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “ท่านอาจารย์ ลับมีดไม่เสียเวลาตัดฟืน พี่รองกำลังปรับปรุงรถม้าของพวกเราอยู่ หากเร่งมือหน่อย คืนนี้ก็น่าจะเสร็จแล้วเ้าค่ะ”
อวิ๋นฉี่ซานพูดเสริม “ใช่แล้วขอรับท่านอาจารย์ รถม้าที่ข้าปรับปรุง ไม่เพียงแต่จะวิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ยังนั่งสบายกว่ารถม้าทั่วไปอีกด้วย รับรองว่าท่านกับพี่ใหญ่จะไปถึงเมืองหลวงก่อนกำหนดแน่นอนขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น อาจารย์หม่าจึงไม่ขัดอีก ในทางกลับกัน เขากลับรู้สึกคาดหวังขึ้นมา เขารู้สึกสนใจจึงเอ่ยถาม “เ้าเด็กนี่คิดอะไรแปลกๆ ออกมาอีกแล้ว?”
อวิ๋นฉี่ซานเกาหัวอย่างเขินอาย วิธีลดแรงกระแทกและยางรถ ล้วนเป็ความคิดของเจียวเอ๋อร์ทั้งสิ้น น่าเสียดายที่นางไม่ให้เขาบอกใครว่าเป็ความคิดของนาง “ท่านอาจารย์ ท่านอย่ารบกวนข้าเลย ข้าจะไปทำรถม้าต่อแล้ว จริงสิ ฝากท่านอาจารย์ไปขอลาหยุดกับอาจารย์ของข้าด้วยนะขอรับ!”
อาจารย์หม่าไม่ได้โกรธ ในทางกลับกัน เขากลับหัวเราะเสียงดัง “เ้าเด็กนี่ ได้สิ ข้าจะไปลาหยุดให้เ้า แต่พอข้ากลับมา เ้าต้องอธิบายให้ข้าฟังโดยละเอียดด้วยล่ะ!”
อวิ๋นฉี่ซานหัวเราะแห้งๆ แล้วรับปาก “ได้เลยขอรับ!”
เมื่อเห็นท่านอาจารย์หม่าลุกขึ้นยืน อวิ๋นฉี่เยว่ก็รีบไปสวมเสื้อกันฝน กางร่ม แล้วเดินไปส่งอาจารย์หม่าด้วยตัวเอง
เมื่อคิดว่าพี่ชายต้องติดตามอาจารย์กลับเมืองหลวง อวิ๋นเจียวจึงรีบไปช่วยเก็บข้าวของที่อวิ๋นฉี่เยว่ต้องใช้ระหว่างทาง
ยารักษาโรคหวัดทั่วไป นางซื้อมาจากเถาเป่า แล้วนำไปใส่ในโถดินเผาหรือขวดดินเผา ข้ออ้างก็มีพร้อมอยู่แล้ว ก็บอกว่าท่านนักพรตบนเขาหลงหู่ให้ยาเม็ดมาจำนวนมาก
อย่างไรเสียตอนที่กลับบ้านเกิด หีบสัมภาระของนางมีเยอะที่สุด นอกจากหีบเสื้อผ้าสองใบที่ชุนเหมยเป็คนเก็บให้แล้ว หีบใบอื่นๆ ล้วนเป็ของเ้าของร่างเดิมที่จัดเก็บเอง คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง
ขนมต่างๆ ในบ้านก็มี นางไม่สามารถซื้อจากเถาเป่าได้ เพราะอธิบายไม่ถูก เดิมทีอวิ๋นเจียวอยากซื้อกระติกน้ำร้อนให้อวิ๋นฉี่เยว่นำติดตัวไปด้วย แต่พอคิดถึงแววตาเฉียบคมของอาจารย์หม่า ที่มักจะซักถามที่มาที่ไปของสิ่งของต่างๆ นางจึงล้มเลิกความคิดนี้
ช่างเถอะ อย่างไรบนรถม้าก็มีเตาถ่าน หากอยากดื่มน้ำอุ่นก็สามารถต้มได้ตลอดเวลา แต่อวิ๋นเจียวก็ซื้อเบาะนุ่มๆ ที่ทำจากผ้ามาจากเถาเป่า เพราะสิ่งนี้ไม่น่าจะทำให้ใครสงสัย ทำให้ภายในรถม้านั่งสบายขึ้น เวลาเดินทางไกลก็จะได้ไม่เหนื่อยมาก
ขณะที่อวิ๋นเจียวกำลังครุ่นคิดว่าจะให้อวิ๋นฉี่เยว่นำอะไรติดตัวไปอีก ฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงก็พูดคุยกัน ฟางซื่อเอ่ยด้วยความกังวล “พ่อเจียวเอ๋อร์ พวกเราอุตส่าห์ย้ายจากเมืองหลวงกลับมา ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง... แต่ตอนนี้ฉี่เยว่ต้องกลับไปเมืองหลวง ข้ารู้สึกว่าแบบนี้มันขัดแย้งกับจุดประสงค์เดิมของพวกเรา”