กู้เจิงเป็คนใจเสาะคนหนึ่ง เมื่อครู่นางตื่นกลัวกับสายตาของชายคนนั้นจริงๆ นางสงสัยว่าหากในตอนนั้นนางแตะต้องตัวเขาไป เขาน่าจะลงมือทำร้ายนาง
จนถึงตอนนี้ หัวใจของกู้เจิงก็ยังคงเต้นระรัว ทว่าชายคนนี้เป็ใคร?
กู้เจิงที่สติกลับมาแล้ว นางงงงันอยู่ในสวนที่ไม่คุ้นเคย ชายคนนั้นทำให้นางใกลัวจนลนลานมาผิดทางเสียแล้ว
นางถอนหายใจและหันกลับไปทางเดิม พลันเงยหน้าเห็นต้นล่าเหมย* สีเหลืองก่ำกำลังเบ่งบานอยู่ข้างกำแพง ต้นเหมยต้นนั้นน่าจะมีอายุหลายปีแล้ว แต่กลับสามารถยื่นชูช่อสูงพ้นกำแพงออกมาได้ขนาดนี้ แถมยังเป็ช่อใหญ่อีกด้วย นับว่าพบเห็นได้ยาก
(*แปลตรงตัวจะแปลว่า บ๊วยสีขี้ผึ้ง หรือในชื่อภาษาอังกฤษ Winter Sweet)
“ใครน่ะ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงเ็าดังขึ้น
กู้เจิงใหันขวับไปมอง นางรีบเข้าไปคารวะ “คารวะตวนอ๋องเพคะ” ทำไมตวนอ๋องถึงบังเอิญมาอยู่ที่นี่ได้?
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้นางทีละก้าว กู้เจิงนึกถึงเื่เมื่อไม่นานมานี้ระหว่างพวกเขาสองคน ในใจก็ไม่ได้กังวลเหมือนแต่ก่อน อีกอย่างวันนี้เป็วันมงคลของตวนอ๋อง เขาน่าจะอารมณ์ดีมาก
กู้เจิงได้กลิ่นเหล้าจางๆ จากตัวของตวนอ๋อง “เงยหน้าขึ้นมา”
กู้เจิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“เจิงเอ๋อร์?”
“ท่านอ๋อง เรือนของท่านไม่ได้อยู่ทางนั้นพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของพ่อบ้านว่านดังขึ้นจากด้านหลัง
พอได้ยินว่า ‘เจิงเอ๋อร์’ ก็ทำให้ปลายนิ้วของกู้เจิงสั่นระริก นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองั์ตาดำที่ยังสับสนมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนพลันแปรเปลี่ยนเป็ซับซ้อนของตวนอ๋องอย่างตกตะลึง ความทรงจำอันไม่น่าจดจำถูกกระตุ้นขึ้นมา
พ่อบ้านว่านที่วิ่งเข้ามา พอเขาเห็นกู้เจิง เท้าของเขาก็อ่อนยวบจนแทบจะล้มลง
ฉางหลิ่วที่ตามมาติดๆ ก็มีสีหน้าแข็งค้างไปชั่วขณะ เขาะโใส่คนรับใช้ที่กำลังจะวิ่งเข้ามา “ถอยไปให้หมด ที่นี่ข้ากับพ่อบ้านว่านจะคอยดูแลท่านอ๋องเอง”
“ขอรับ” เหล่าคนรับใช้ก้มหัวลงและรีบออกจากสวนไป
“ฮะ ฮู ฮูหยินน้อยเสิ่น?” พ่อบ้านว่านไม่คิดว่าจะได้พบกับฮูหยินน้อยเสิ่นที่นี่ “ท่าน ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
กู้เจิงไม่ได้ยินคำถามของพ่อบ้านว่านแม้แต่น้อย นางถอยหลังไปทีละก้าว ในสมองมีเพียงสองคำเท่านั้น ‘รีบหนี’ นางจะต้องรีบหนีออกไป ตอนที่หมุนตัวกำลังจะวิ่งหนี มือขาวผ่องก็เข้ามาโอบเอวนางไว้ กู้เจิงถูกดึงไปแนบชิดกับแผ่นอกกว้างแข็งแรง ใบหน้าของตวนอ๋องโน้มมาซุกอยู่กลางไหล่ของนาง น้ำเสียงสนิทสนมดังขึ้นข้างหู “เจิงเอ๋อร์ เ้าอย่าเสียใจไปเลย คนที่เปิ่นหวังรักมากที่สุดก็คือเ้า”
เสียใจบ้าอะไร ใคร้าความรักจากเขากัน กู้เจิงโมโหจนทนไม่ไหว นางสะบัดออกจากอ้อมกอดของเขา นางจะดิ้นจนเหนื่อยเสียเอง ตวนอ๋องไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉันนะ” กู้เจิงไม่กล้าะโเสียงดัง
“ไม่ปล่อย เ้าเป็อนุรักของเปิ่นหวัง ทำไมเปิ่นหวังจะต้องปล่อยด้วย?” จ้าวหยวนเช่อพึมพำ
อนุรักกับผีน่ะสิ กู้เจิงโมโหเป็ฟืนเป็ไฟแล้วจริงๆ ตอนนี้แผ่นหลังของนางแนบชิดกับอกเขา นางไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว สายตาของนางเหลือบไปเห็นพ่อบ้านว่านและองครักษ์ของตวนอ๋องกำลังยืนตะลึงงันอยู่ข้างๆ กู้เจิงจึงเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “พ่อบ้านว่าน ท่านอย่าเอาแต่มองสิ มาดึงท่านอ๋องออกไปเร็ว”
“นี่ นี่จะ โอ๊ย” พ่อบ้านว่านก้าวเข้าไปอย่างกังวลใจ ก่อนจะหันไปพูดกับตวนอ๋อง “ท่านอ๋อง ท่านรีบปล่อยฮูหยินน้อยเสิ่นไปเถอะ วันนี้เป็คืนเข้าห้องหอของท่านนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ห้องหอ?” จ้าวหยวนเช่อครุ่นคิดอย่างงุนงง แล้วหัวเราะเบาๆ “ข้าจะนอนร่วมหอกับเจิงเอ๋อร์เท่านั้น”
พ่อบ้านว่านกับฉางหลิ่วต่างตะลึงตาค้าง กู้เจิงเองก็เช่นกัน
กู้เจิงร้อนใจ วาจาเหลวไหลพวกนี้นี่มันอะไรกัน ทำไมตวนอ๋องที่มีสติครบถ้วนดีกับตวนอ๋องที่เมามายถึงเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน?
“พ่อบ้านว่าน พวกท่านจะยืนอ้ำอึ้งกันอีกนานไหม? มาดึงท่านอ๋องออกไปเร็ว” กู้เจิงเห็นทั้งสองคนยังยืนทื่ออยู่ ก็โมโหจนอยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ “ท่านอ๋องเมาแล้วเลอะเลือน พวกท่านเองก็เลอะเลือนไปด้วยหรือไร หากท่านอ๋องได้สติขึ้นมา แล้วรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
“ข้าเองก็รู้เช่นกัน แต่” พ่อบ้านว่านกัดฟันและกล่าวกับฉางหลิ่วว่า “องครักษ์ฉาง กระดูกแก่ๆ ของข้าไม่อาจทนรับแรงเตะของท่านอ๋องได้อีกแล้ว เ้าไปเถอะ”
ฉางหลิ่วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าเองก็ทนรับไม่ไหวขอรับ”
“นั่นมันเื่เมื่อสามปีก่อนแล้ว ยามนี้ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน” เมื่อสามปีก่อน จู่ๆ ท่านอ๋องก็เกิดอาการผิดปกติและดื่มสุราไปมาก ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปเกลี้ยกล่อม ก็จะถูกเตะอย่างรุนแรง เขานอนอยู่บนเตียงเป็เวลาครึ่งปีกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ ชีวิตวัยชราเกือบได้จบสิ้นลงแล้ว พ่อบ้านว่านนึกถึงทีไรก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่
ฉางหลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ได้ ข้าจะลองดู ท่านอ๋อง ล่วงเกินแล้ว” ว่าแล้วก็เดินไปข้างหน้าเพื่อหมายจะตีท่านอ๋องให้สลบไป
มือบนเอวคลายออกแล้ว กู้เจิงดีใจมาก นางหมุนตัวเตรียมจะวิ่งหนี ทว่าเพิ่งจะวิ่งได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงครวญครางดังขึ้น จากนั้นก็เห็นฉางหลิ่วถูกเตะต่อหน้านาง นางจึงพุ่งถลันเข้าปะทะกับอ้อมอกที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา
จมูกทั้งเจ็บทั้งชา กู้เจิงใช้มือปิดจมูก ััได้ว่าใต้จมูกมีเืออก ฝ่ามือนางเหนียวเหนอะหนะ พอแบมือออกดูก็พบว่ามีเืกำเดาไหลออกมา
“เ้าเืไหลแล้ว” จ้าวหยวนเช่อมองนางด้วยความปวดใจ ก่อนจะแค่นเสียงเ็าออกมาในทันที เขาเอ่ยอย่างซื่อตรงว่า “หาเื่ใส่ตัว ใครใช้ให้เ้าเอาแต่คิดจะไปจากข้า”
กู้เจิงเจ็บจมูกจนอยากจะร่ำไห้ ผู้ชายคนนี้พอเมาแล้วเป็โรคจิตชัดๆ
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว” จ้าวหยวนเช่อใช้มือหนึ่งจับเอวของกู้เจิงไว้ อีกมืองุ่มง่ามเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง แต่เขาเมาจนเกินไป เพราะมือนี้เช็ดลงบนหน้าผากของกู้เจิงมาตลอด นิ้วหยาบกระด้างถูหน้าผากของนางจนแดงไปหมด
กู้เจิงยกมือบีบจมูกเพื่อห้ามเืกำเดา ตอนนี้หน้าผากก็เจ็บ จมูกก็เจ็บ กว่าจะหยุดเืกำเดาได้ก็ช่างยากเย็น นางใช้สองมือผลักเขาออก แต่เขาไม่เขยื้อนเลยสักนิด
“ฮูหยินน้อยเสิ่น ที่นี่เป็สวนร้าง คงไม่มีใครเข้ามา ตอนนี้ท่านอ๋องคงอยากกอดท่านเท่านั้น ท่านก็...” พ่อบ้านว่านยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นท่านอ๋องคว้าอุ้มฮูหยินน้อยเสิ่นขึ้นมาแล้วะโลอยเข้าไปในเรือนที่ปลูกดอกล่าเหมย
ฉางหลิ่วเป็องครักษ์ข้างกาย ถึงแม้ที่ถูกเตะจะไม่เบา แต่เขาก็รีบลุกขึ้นตามไปอย่างรวดเร็ว
พ่อบ้านว่านมองสวนอย่างงงงัน มันเป็สวนที่สวยงามเป็พิเศษ ภายในมีดอกไม้หลากพันธุ์บานสะพรั่งสวยงามกว่าเรือนหลักเสียอีก เดิมทีท่านอ๋องชอบมันมาก แต่แล้วจู่ๆ เมื่อสามปีก่อนเขาก็ไม่ได้แลดูมันอีกเลย ก่อนแต่งงานเขายังสั่งให้คนปิดสวนแห่งนี้ ไม่เหลือประตูทางเข้าไว้แม้แต่ทางเดียว แล้วทำไมตอนนี้ถึงเข้าไปอีกเล่า? ประเด็นคือ เขายังพาฮูหยินน้อยเสิ่นเข้าไปด้วย
คนที่ตะลึงงันไม่ต่างจากพ่อบ้านว่านคือกู้เจิง ยามตวนอ๋องอุ้มนางลอยเข้ามาในสวนเล็กๆ แห่งนี้ก็ใไม่น้อย นางถูกอุ้มเข้าไปในห้องนอนของเรือนเล็กในสวน ตอนที่เขาวางนางลงบนเตียง นางเกือบใจนเป็ลม เขาคิดจะทำอะไร? ในขณะที่ดิ้นรนด้วยแรงที่เหลืออยู่ เขาก็ปล่อยนางลง
กู้เจิงดีใจมาก นางรีบลุกจากเตียงจะวิ่งหนี ทว่าเพิ่งลุกขึ้น คอเสื้อก็ถูกมือยาวของเขาจับไว้ได้อีกครั้ง
“ปล่อยหม่อมฉันนะ” กู้เจิงทั้งโมโหและกลัวสุดขีด
“ทำไมที่นี่ถึงสกปรกนัก? แล้วสาวใช้ที่ข้าแบ่งให้เ้าเล่า?” จ้าวหยวนเช่อก้มหน้าลงมองกู้เจิง
“หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร” กู้เจิงไม่อยากสบตากับั์ตาดำของตวนอ๋อง ต่อให้เมามายแต่ดวงตาของเขาก็สลับซับซ้อนจนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว
ฉับพลันคางของนางก็ถูกเชยขึ้น เขาบังคับให้นางสบตากับเขา “เจิงเอ๋อร์ ข้ายังปฏิบัติต่อเ้าไม่ดีพอหรือ?”
“ท่านอ๋อง ท่านจำคนผิดแล้วหรือเปล่าเพคะ?” ความแตกต่างทางร่างกายและพละกำลังระหว่างชายหญิงนั้นต่างกันมาก วรยุทธของคนบ้าผู้นี้ดูท่าจะร้ายกาจมาก ยิ่งไปกว่านั้นเจิงเอ๋อร์ที่เขาพูดถึงก็ไม่มีทางเป็นางเด็ดขาด
“ต่อให้เ้ากลายเป็เถ้าถ่าน ข้าก็จำเ้าได้”
“หม่อม หม่อมฉันเป็ใครเพคะ?”
“กู้เจิง อนุรักของข้า”
“แล้ว แล้วจากนั้นล่ะเพคะ?” บนโลกนี้มีคนชื่อแซ่เหมือนกันมากมายไป
ตวนอ๋องเลิกคิ้วขึ้น แค่นเสียงออกมาสองที ก่อนจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เ้าคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้ ผู้วางยาเปิ่นหวังหมายทำเื่มั่วโลกีย์ จนจวนกู้จำต้องยอมให้เ้าเป็สตรีที่แต่งติดตาม*ของพระชายา”
(*หมายถึง สตรีที่ติดตามเ้าสาวออกเรือน ถือเป็สินเ้าสาวและมีหน้าที่ดูแลรับใช้)
นางทำเื่มั่วโลกีย์กับเขาั้แ่เมื่อไหร่กัน? แล้วนางไปเป็สตรีที่แต่งติดตามของกู้อิ๋งั้แ่เมื่อใด? ท่านอ๋องคนนี้คงจะบ้าไปแล้วจริงๆ
“หม่อมฉันเปล่าเพคะ ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้ทำ...ปล่อยหม่อมฉันนะ” กู้เจิงยังพูดทันไม่จบ ก็โดนขัดจังหวะด้วยการถูกตวนอ๋องอุ้มขึ้นโยนลงเตียง
บนเตียงไม่มีที่นอน พอร่างกายถูกโยนลงบนแผ่นไม้เลยรู้สึกเจ็บ ตวนอ๋องเดินเข้ามาทีละก้าว กู้เจิงรีบดึงปิ่นปักผมออกมามาจ่อที่คอ นางเอ่ยเสียงเข้มว่า “ถ้าท่านเข้ามาอีก หม่อมฉันจะตายต่อหน้าท่าน”
ตวนอ๋องหยุดเดิน เขาหัวเราะเยาะและมองนางราวกับกำลังชมการแสดงสนุกๆ
ให้ตายสิ ทำไมเขาถึงมองนางราวกับรู้จักนางดียิ่ง? เหมือนกับแน่ใจว่านางจะไม่กล้าฆ่าตัวตาย กู้เจิงโกรธจนน้ำตาไหลพราก หากอยากจะนอนกับนาง อย่างน้อยก็ควรจะทำให้ดีหน่อย สถานที่นี้อย่างกับบ้านผีสิง