โอ้ ์!
คุณชายสามบอกว่าเ้าเด็กนี่มันสลบอยู่ไม่ใช่หรือ? หรือต่อให้มันจะตื่นแล้วก็เถอะแต่แค่เด็กน้อยคนเดียวมันทำไมถึงมีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้!!
ในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสียจนปัสสาวะแทบแตก
ตรงหน้าเขา
หลินหยางกำลังเดินใกล้เข้ามาทีละก้าวสีหน้าเ็าดุจธารน้ำแข็ง
หลินหยางตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับเกิดใหม่เขาไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มผู้อ่อนแอคนนั้นอีกแล้วชายสามคนลงมือใส่เขาโดยที่ไม่ได้ถามไถ่ที่มาที่ไปอะไรเลยถ้าเขาไม่บังเอิญโชคดีในโชคร้าย ได้รับพลังวิชาฝีมือมาละก็เกรงว่าคนที่นอนกองอยู่บนพื้นตอนนี้จะเป็ตัวเขาเสียเอง!
เขาค่อยๆเขยิบก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในใจของเขาตอนนี้ไม่มีความเมตตาอยู่เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าใครก็ตามที่คิดร้ายกับเขา พวกมันจะต้องชดใช้!
“ช่วย...ช่วยด้วย!”
ภายในเรือนไม้ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น...
..................................
หลังจากที่เสียงโหยหวนดังขึ้นแล้วประมาณ1 นาที ด้านนอกเรือนไม้ที่หลินหยางอาศัยอยู่นั้นก็ปรากฏกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนวิ่งเข้ามาในสวนอย่างเร่งรีบ
คนที่นำเข้ามาสองคนแรกนั้นคนหนึ่งชาย คนหนึ่งหญิง อายุราวๆ สิบห้าถึงสิบหกปีโดยประมาณมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับเทพบุตรเทพธิดาที่หลุดออกมาจากภาพวาดโดยเฉพาะสาวน้อยที่ใบหน้าบูดบึ้งผู้นั้นดูเหมือนรวมเอาความงามของสรรพสิ่งราวเก้าส่วนจากในสิบส่วนมาแต่งแต้มรวมกันอีกทั้งยังดวงตากลมโตสีดำสวยงามคู่นั้นอีก ความงามของนางนั้นมากพอที่จะทำให้ผู้พบเห็นต้องเกิดอาการหวั่นไหวแต่ตัวนางในขณะนี้กลับดูหงุดหงิดฉุนเฉียว
ข้างๆ หญิงสาวนั้นมีชายหนุ่มสวมชุดแพรหรูหรารูปโฉมสง่างามคนหนึ่งยืนอยู่ทั้งยังมีบรรยากาศที่ดูหยิ่งทะนง แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็ลูกผู้ดีมีชาติตระกูลแต่ลูกผู้ดีท่านนี้กลับกำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ หญิงสาว พลางปลอบโยนอีกฝ่ายว่า
“น้องข้าเ้าจะโกรธเคืองพี่ชายแท้ๆ ของเ้าแทนเ้าเด็กนั่นทำไมเล่านั่นมันแค่ขอทานที่เ้าไปเก็บมาจากกองขยะเองนะ แถมมันยังทำแบบนั้นกับเ้า...”
เมื่อชายหนุ่มพูดถึงเื่นี้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็หยุดเดินต่อดวงตากลมโตคู่นั้นหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็ง “พี่สามท่านต้องทำให้ผู้อื่นรู้เื่นี้กันหมดก่อน ท่านถึงจะพอใจใช่ไหม?”
“ไม่ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว!” ชายหนุ่มผู้นั้นรีบกล่าวขอโทษแต่ในแววตาของเขานั้นไม่มีความสำนึกผิดอยู่เลยแม้แต่น้อย
และในขณะนั้นเองเรือนไม้ที่อยู่ด้านขวาของสวนหย่อมก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนราวกับเสียงหมูโดนเชือดดังขึ้น
หญิงสาวตอบสนองต่อเสียงนั้นทันทีสีหน้าของนางเปลี่ยนไป จ้องเขม็งไปยังใบหน้าของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นาง ”เวินโฮ่วเ้าหลอกให้ข้าออกมา เพื่อที่เ้าจะได้จัดการเขาได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่!”
กล่าวจบหญิงสาวก็กระทืบเท้าวิ่งไปทางเรือนไม้นั้นทันที
ส่วนเวินโฮ่วนั่นก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง สบถด่าในใจว่า ‘ไอพวกสวะข้าย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้พวกมันโยนเ้าเด็กนี่ออกไปจากตระกูลเวินแบบเงียบที่สุดแต่สุดท้ายพวกมันก็ยังทำให้เป็เื่ใหญ่อยู่ดี’
เขามองดูเงาหลังของหญิงสาวที่กำลังรีบร้อนพลางกัดฟัน “ไม่รู้ว่ายัยนี่ไปโดนผีที่ไหนเข้าสิงถึงได้ดูหลงใหลเ้าเด็กนั่นขนาดนี้ ถ้าข่าวนี้แพร่ไปถึงหูของตระกูลโอวหยางแล้วละก็ได้เกิดเื่ใหญ่ขึ้นแน่ๆ! ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันนี้ต่อให้ต้องฉีกหน้าตัวเอง ก็ต้องโยนเ้าเด็กนั่นออกไปจากที่นี่ให้ได้!”
เมื่อเวินโฮ่วคิดได้อย่างนั้นก็รีบตามเข้าไปทันทีในความคิดของเขานั้น หลินหยางน่าจะโดนลูกน้องทั้งสามของตนเล่นงานจนยับเยินแล้วที่เหลืออยู่อย่างมากก็แค่ต้องตามเข้าไปเก็บกวาดขั้นสุดท้ายก็เท่านั้น
แต่สิ่งที่เขาเห็นคือหลินหยางที่กำลังเดินออกมาจากเรือนไม้ด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นล้วนตกตะลึง
ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวเบิกกว้าง “นี่เ้า...เ้าลุกขึ้นมาทำไม?”
แต่เวินโฮ่วกลับรู้สึกใที่ทั้งตัวหลินหยางไม่มีาแอะไรเลย “ไอ้เด็กนี่ทำไม...แล้วพวกเจาหย่งละ!”
ทั้งคู่ล้วนมองหลินหยางด้วยสายตาใเพียงแต่ใกันในคนละความหมายพวกลูกน้องของคุณชายสามเวินโฮ่วเดากันได้อยู่แล้วว่าคุณชายส่งคนมาจัดการหลินหยางแต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสุดท้ายกลับกลายเป็ว่าหลินหยางเดินออกมาจากเรือนไม้ราวกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น
หลินหยางมองปราดเดียวก็ทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันทีสายตาของเขาจ้องเขม็งไปทางเวินโฮ่ว แล้วจึงใช้คางชี้ไปข้างในเรือนเบาๆ “เจาหย่ง? หมายถึงคนที่เ้าส่งมาหักแขนของข้าน่ะหรือ?”
“เวินโฮ่วนี่เ้าคิดจะหักแขนของเขารึ! นั่นเป็แขกของข้านะ!” พอหญิงสาวได้ยินคำพูดของหลินหยางเข้าก็โมโหจนตาเหลือก “ในสายตาของเ้ายังเห็นหัวข้าคุณหนูตระกูลเวินอยู่ไหม”
เวินโฮ่วเตรียมใจที่จะมาปะทะั้แ่แรกอยู่แล้วเขาไม่เพียงแต่จะไม่ยอมอ่อนข้อ แต่ยังสวนกลับด้วยเสียงอันดังว่า
“หึ! ยังดีที่เ้ายังรู้ตัวว่าตัวเองเป็คุณหนูตระกูลเวินนะ! เ้ากล้าเอาผู้ชายที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาซ่อนไว้ในสวนของตัวเองได้อย่างไรถ้าเื่นี้รู้ถึงหูคนภายนอกละก็ชื่อเสียงของตระกูลเวินของพวกเราคงได้ยับเยินไปหมดแน่! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝั่งตระกูลโอวหยางเลยว่าจะโกรธขนาดไหนเวินชิงชิง เ้าอย่าลืมนะว่าเ้าคือคนที่จะเป็คู่หมั้นของคุณชายโอวหยางนะ จะทำอะไรต้องคิดถึงสถานภาพของตัวเองและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย! เ้าเด็กนี่ก่อนหน้านี้มันสลบอยู่ข้าไม่ถือสาอะไร แต่ตอนนี้มันได้สติแล้ว แถมมันยังลงมือทำร้ายคนอีกในฐานะที่ข้าเป็นายน้อยของตระกูลเวิน ข้าต้องมีสิทธิที่จะเชิญมันออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว!”
คำพูดประโยคนี้ล้วนถูกต้องทุกประการทำให้หญิงสาวที่ชื่อ เวินชิงชิง โกรธจนหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก
การที่นางช่วยหลินหยางในวันนั้นนางย่อมต้องมีเหตุผลของนาง แต่เดิมนางคิดว่าจะรอให้ท่านพ่อของนางกลับมาก่อนค่อยอธิบายให้ฟัง
แต่เวินชิงชิงในตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าในตอนนี้ที่กำลังพาเ้าหมอนั่นกลับมาด้วยรถม้าอยู่นั้น เ้าเด็กนั่นอยู่ๆก็ลุกขึ้นมากะทันหันและล่วงเกินนางไปหนึ่งที ซึ่งในจังหวะนั้น พี่ชายต่างมารดาของนางก็กำลังขี่ม้าอยู่ข้างๆรถของนางด้วย และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดีนั่นจึงเป็สาเหตุที่ทำให้เกิดเื่วุ่นวายทั้งหมดขึ้นในวันนี้
ปกติความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเวินโฮ่วสองพี่น้องก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากอยู่แล้วเหตุการณ์ในคราวนี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นแย่ลงไปอีก หลินหยางนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลเวินของพวกเขาเป็อย่างมากแต่ด้วยลักษณะนิสัยของนาง ทำให้นางเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรให้เ้าบ้านี่ทั้งนั้น
นางเดินมาอยู่หน้าหลินหยางกางแขนทั้งสองข้างออก “อย่างไรข้าก็ไม่ยอม เ้าจะทำไม ถ้าเ้าแน่จริงก็ไล่ข้าไปจากตระกูลเวินด้วยเลยสิ”
"เ้า"
เวินโฮ่วเห็นน้องสาวดื้อดึงขนาดนี้ทำให้เขาโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมคือหลินหยางที่ยืนอยู่หลังน้องสาวของเขานั้นยืนมองเื่ที่เกิดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน มีท่าทีราวกับกำลังดูละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“เ้าเด็กนี่”เวินโฮ่วชี้ปลายหอกไปยังทิศที่หลินหยางยืนอยู่ “ข้าขอเตือนเ้าในฐานะของคุณชายสามแห่งตระกูลเวินทางที่ดีเ้าควรออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเองเสียแต่ตอนนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าต้องคลานออกไปแน่ๆ”
“นี่เ้าไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ข้าจะดูสิว่ามีใครหน้าไหนกล้ามาทำอะไรเ้า” เวินชิงชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ท้าทายกลับไปโดยไม่มีท่าทีอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
“หึเ้าเด็กน้อย ถึงน้องสาวข้าจะปกป้องเ้าตอนนี้ได้แต่นางปกป้องเ้าไปตลอดชีวิตไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าเ้าจะออกไปจากที่นี่ดีๆไม่เช่นนั้น ข้าเวินโฮ่ว มีเป็พันหมื่นวิธีที่จะทำให้เ้าต้องทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็”
“เ้าหุบปากไปเลยเวินโฮ่ว”
“ข้าไม่หุบ”
“พอได้แล้ว”
ในจังหวะที่เวินชิงชิงกำลังจะโต้กลับนั่นเองก็มีเสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาหลินหยางที่ไม่รู้ว่าเดินออกมาจากหลังของหญิงสาวั้แ่ตอนไหนยืนเผชิญหน้ากับเวินโฮ่วตรงๆ “พูดตามตรง ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรข้าก็ไม่รู้เดิมทีก็อยากจะออกไปอยู่แล้ว”
หลินหยางพูดแบบไม่ช้าไม่เร็วคำพูดนี้ทำให้เวินโฮ่วแสยะยิ้มอย่างได้ใจ “หึ ถือว่าเ้ายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างเอาอย่างนี้แล้วกัน เื่ที่เ้าทำร้ายคนของข้า ข้าจะไม่ถือสา...”
“แต่ว่า”เวินโฮ่วยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหลินหยางตัดบททิ้งอย่างไร้เยื่อใยเสียก่อน“ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”
“เ้าดูสิสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ดี บรรยากาศก็ดี แถมคุณหนูเวินยังงดงามขนาดนี้ ถ้าข้ายังเกรงใจไม่พักผ่อนที่นี่ให้เต็มที่ก่อนสักสิบวันหรือสักครึ่งเดือน ข้าคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณนั้น
ไม่มีใครคิดเลยว่าเ้าเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนี้มันจะกล้าล้อเล่นกับคุณชายสามคนนั้น
กลับเป็เวินชิงชิงที่หายอึ้งก่อนใครจากนั้นนางจึงมองไปที่หลินหยางอย่างประหลาดใจ นางไม่คิดเลยว่าเ้าเด็กนี่จะกล้าล่วงเกินพี่ชายของนางจริงๆ
ตระกูลเวินเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ประจำเมืองอวิ๋นเฉิงและเวินโฮ่วยิ่งเป็ที่รู้จักของคนในเมืองหลวงนี้ด้วยคนในเมืองอวิ๋นเฉิงยังต้องหลีกทางให้เขาเดิน ถึงเ้าเด็กนี้จะมีนางหนุนหลังอยู่ก็เถอะแต่ถ้าสมมุติว่านางเป็ตัวมัน นางไม่มีวันไปล้อเล่นกับคนอื่นอย่างนี้แน่ทำได้อย่างมากสุดก็แค่ยืนปิดปากอยู่เฉยๆ เท่านั้น
แต่ตอนนี้เวินชิงชิงกำลังหนุนหลังหลินหยางอยู่ นางจึงผงกหัวตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง เ้าเป็แขกของข้าเ้าอยากจะอยู่นานเท่าไรก็อยู่ได้ ไม่มีปัญหา”
เวินโฮ่วโมโหจนหน้าเขียวกัดฟันตอบไปว่า “ไอ้เด็กนี่ อยากตายใช่ไหม”
หลินหยางส่ายหัวโดยไม่ใส่ใจเท่าไรนัก“ประโยคนี้เหมือนข้าจะเคยได้ยินมาแล้วนะ เ้าสวะสามตัวก่อนหน้าคงจะติดมาจากเ้าละสิก็อย่างที่เขาว่า ขี้ข้าเป็อย่างไรเ้านายก็เป็อย่างนั้น”
พรืดดด
รอบนี้ แม้แต่เวินชิงชิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา
เ้านี่ ปากร้ายเหลือเชื่อ
เ้า
คนอย่างเวินโฮ่วไม่เคยถูกใครหาเื่กวนประสาทอย่างนี้มาก่อนตอนนี้จึงโมโหจนแทบจะะเิออกมาแล้ว แต่เขากลับลงมือไม่ได้แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดวิธีที่จะใช้จัดการกับหลินหยางออกวิธีหนึ่ง
“หึเวินชิงชิง เ้าได้ยินแล้วสินะ เ้าเด็กนี้มันยอมรับแล้วว่ามันนี่แหละที่เป็คนทำร้ายคนของเราดังนั้นข้ามีสิทธิทำตามกฎของตระกูลข้าจะท้าประลองกับมันเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนของเราคราวนี้เ้าก็ไม่มีสิทธิห้ามแล้วนะ”
การประลอง เป็วิธีที่ใช้แก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมของเมืองอวิ๋นเฉิงโดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะนัดสถานที่ วันเวลา และกฎการประลองเอาไว้ก่อนประลองครั้งเดียวจบ แล้วจะไม่ถือโทษโกรธเคืองกันอีกแต่คราวนี้กลับถูกเวินโฮ่วเอามาใช้เพื่อกำจัดหลินหยางโดยเฉพาะ
“เวินโฮ่วเ้ามันหน้าไม่อาย รู้ๆ กันอยู่ว่าเ้าเป็คนส่งพวกลูกสมุนให้มาทำร้ายเขาเ้ายังมีหน้ามาท้าประลองอีกหรือ?” เวินชิงชิงออกมาปฏิเสธอีกฝ่ายแทนหลินหยางแต่เ้าเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ นางมันดันไปตอบรับคำท้าของศัตรูก่อนเสียได้
“ข้า...ขอรับคำท้าประลอง”
เมื่อวาจาเปล่งออกไปทุกคนต่างก็ตกตะลึง
เวินชิงชิงรีบทักท้วงทันที“เฮ้ย นี่เ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไรถ้ารับคำท้าประลองนั่นแล้วก็เท่ากับว่าเป็ตายไม่เกี่ยงความสามารถของเวินโฮ่วไม่ได้กระจอกเหมือนกับเจาหย่งนั่นนะ เ้าจะไปฆ่าตัวตายหรือ”
หลินหยางยิ้มให้เวินชิงชิงทีหนึ่งถึงเขาจะไม่รู้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะมาปกป้องเขาทำไม แต่ตัวเขานั้นได้ตัดสินใจไปแล้ว
“กล้าดีนี่เ้าเด็กเวร” เวินโฮ่วไม่คิดว่าหลินหยางจะบ้าดีเดือดขนาดนี้เขายิ้มอย่างเ็า “ข้าเป็คนท้าเ้าดังนั้นเื่สถานที่และเวลาประลองข้าให้เ้ากำหนดแล้วกัน แต่เ้าหนูเ้าอย่าคิดดึงเวลานัดประลองไปเป็ปีๆ เชียวถ้าจะทำอย่างนั้นเ้ารีบไสหัวไปจากตระกูลเวินแห่งนี้จะดีกว่า”
“ไม่ต้องพูดมาก! ่บ่ายของอีกสามวันให้หลัง ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่!” หลินหยางตอกกลับอย่างดุดันหนักแน่น แม้ร่างกายจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูดุดันและน่าเกรงขาม
“สามวันอย่างนั้นรึ! ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อเ้าอยากตายเร็วขนาดนั้น ก็ได้! อีกสามวันให้หลัง ข้าจะมาลากคอเ้าออกจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์นี่ด้วยตัวข้าเอง!”
การประลองที่ห้ำหั่นกันด้วยชีวิตฆ่ากันได้โดยไม่มีความผิด เ้าเด็กนี่วันนี้มันกล้าลองดีกับเขา อีกสามวันให้หลังเขารับรองเลยว่าเขาจะทำให้มันนอนจมกองเืแน่นอน
“พวกเรากลับ!”
พูดจบเวินโฮ่วก็พาพรรคพวกหันหลังกลับทันทีแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออก หลินหยางก็ะโขึ้น
“รอก่อนข้ายังพูดไม่จบ!”
เวรเอ๊ย!
เวินโฮ่วเกือบสะดุดล้มลงไปแล้ว
เ้าเด็กนี่พูดจาเบาๆเป็ไหม!