เวลาพลบค่ำยามอาทิตย์อัสดง แสงสีส้มแกมแดงที่ขอบฟ้าค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด ราชวงศ์ต้าิที่บัดนี้อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ย่างเข้าสู่ราตรีอันลึกลับและยาวนาน
ภายในตำหนักลั่วฮวาแห่งวังหลวงของราชวงศ์ต้าิ
“... น่าเสียดาย แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว”
ิอวี่นอนอยู่บนเตียงสีขาว ดวงตาสองข้างปิดลงพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เขาตายไปแล้วในโลกเดิม ทว่ากลับทะลุมิติข้ามเวลามายังโลกใหม่นี้ ิญญาของเขากำลังหลอมรวมเข้ากับเ้าของร่างนี้ที่มีชื่อแซ่เดียวกัน
ทว่าิอวี่ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังเดินทางทะลุมิติข้ามเวลามา เขายังคงหลับตานอนรอความตายอย่างสงบ
ในโลกเดิม ิอวี่เกิดในเขตเล็กๆ ของเมืองหัวเซี่ย พ่อของเขาตายไปั้แ่เขายังเล็ก ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่สองคนอย่างเรียบง่าย และค่อนข้างยากลำบาก
ิอวี่ชอบเล่นเกมั้แ่ยังเด็ก ต่อมาเมื่อพบว่าด้วยสติปัญญาและไหวพริบของเขาสามารถทำงานหาเงินจากการเล่นเกมเป็อาชีพ และสิ่งนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงฐานะของทางบ้านได้ เขาจึงบอกความคิดเื่นี้กับแม่ให้รับรู้ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ
ิอวี่ยังจำสายตาที่อ่อนโยนของแม่ที่มีให้เขาในตอนนั้นได้มาจนถึงทุกวันนี้
แม่บอกกับเขาว่า “เด็กโง่ ถ้าลูกมีความฝันก็จงไปไล่ตามความฝันนั้นเถอะ แม่จะคอยสนับสนุนลูกเสมอ”
ั้แ่นั้นเป็ต้นมา ิอวี่ก็อาศัยทักษะการเล่นเกมอีสปอร์ตของเขาเอาชนะทุกคน จนถึงตอนนี้ ิอวี่ในวัยยี่สิบห้าปีก็มีทรัพย์สินมากกว่าสิบล้าน เขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ดีที่สุดในเมือง
แต่เมื่อวานนี้เอง แม่ที่ิอวี่เคารพรักที่สุดเกิดอุบัติเหตุตกบันได ทำให้มีเืออกในสมอง แม้จะพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่เป็ผล แม่ได้จากเขาไปในที่สุด
“ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านมอบความสุขมากมายที่สุดกับผม แต่สุดท้ายแม่ก็จากไป ในโลกใบนี้จะมีใครที่เข้าใจผมได้อีก?”
ิอวี่ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ มองบรรยากาศเมืองในยามค่ำคืน เขาปาดน้ำตาตรงหางตา แล้วกระดกขวดเหล้าเฮนเนสซี่เอ็กซ์โอขึ้นดื่ม
ไม่รู้ว่าเขาดื่มไปมากแค่ไหน ตอนที่ิอวี่ล้มลงกับพื้นนั้น พิษสุราที่เข้าสู่ร่างกายก็เล่นงานเขาจนต้องลาขาดจากโลกใบนี้ไปอย่างสมบูรณ์
“แม่จากไปเพราะความโชคร้าย การมีชื่อเสียงก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ มันช่างน่าเสียดาย แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว” ิอวี่พึมพำอยู่คนเดียว ...
เดี๋ยวก่อน!
ิอวี่รู้สึกมึนหัวมาก ทันใดนั้นเอง เขาก็ลืมตาพร้อมกับลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงสีขาว เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่ามีภาพทิวทัศน์ที่วาดด้วยน้ำหมึกโบราณแขวนอยู่เต็มผนังทั้งสี่ด้าน เห็นโต๊ะแกะสลักลายดอกไม้ที่ทำจากไม้จันทน์อยู่ไม่ไกลจากเตียง และมีควันสีขาวที่ลอยออกมาจากกระถางกำยานสีทองแดง เป็กลิ่นหอมจากไม้กฤษณาที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ...
นี่มัน ...
ขณะที่ิอวี่กำลังประหลาดใจและนึกสงสัย ความทรงจำมหาศาลก็พุ่งเข้ามาในหัวเหมือนสายน้ำไหล
ดินแดนที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตแห่งนี้มีประชากรประมาณสามพันล้านคน มีชื่อเรียกว่าราชวงศ์ต้าิ ผู้ปกครองสูงสุดของที่นี่คือิอ๋อง ผู้ซึ่งมีอาณาจักรพลังเกินระดับขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าซึ่งก็คือระดับผนึกขั้วไปแล้ว และตอนนี้กำลังเก็บตัวเพื่อหวังจะทะลวงไปสู่อาณาจักรพลังที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก!
ลูกๆ ของิอ๋องแต่ละคนก็ล้วนแต่มีความสามารถเหนือคน มีแค่ิอวี่ องค์ชายสิบเจ็ดเพียงคนเดียว ที่แม้จะอายุครบสิบหกปีแล้ว ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติของการเป็ผู้ฝึกยุทธ์นี่ทำให้ราชวงศ์เสียหน้าอย่างมาก
ผู้คนต่างนินทากันว่าองค์ชายสิบเจ็ดนั้นเป็พวกไม่เอาไหน เป็ลูกนอกคอก
แต่สิ่งที่ทำให้องค์ชายสิบเจ็ดรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจนั่นก็คือ หญิงสาวชนชั้นสูงที่โตมาด้วยกันและเขาได้แอบรักนางมานานหลายปีนั้น เหมือนจะไม่ได้รังเกียจอะไรเขา
องค์ชายสิบเจ็ดรวบรวมความกล้าในการตามจีบหญิงนางนั้น ตลอดสองปีที่ผ่านมาเขามอบทรัพย์สินเงินทองของขวัญให้มากมาย แม้นางจะไม่เคยแสดงท่าทีอะไร แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธเช่นกัน ทำให้องค์ชายสิบเจ็ดรู้สึกว่าขอแค่เขาพยายาม ก็น่าจะเอาชนะใจนางได้แน่นอน
ใครจะคิดว่าบ่ายวันนี้ หนึ่งในสามอัจฉริยะปีศาจของราชวงศ์อย่างองค์ชายเก้ากลับไปขอหมั้นหมายหญิงสาวผู้นั้นที่จวน ว่ากันว่าเขาได้เอ่ยวาจาสู่ขอนางแล้วั้แ่เมื่อสองปีก่อน และหญิงสาวเองก็ตกลงปลงใจด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายแค่ทำให้มันเป็เื่เป็ราวจริงจังกันในวันนี้เท่านั้น ...
องค์ชายสิบเจ็ดตระหนักได้ทันทีว่า หญิงสาวเองก็มีองค์ชายเก้าอยู่ในใจมานานแล้ว ตลอดสองปีที่ผ่านมา นางก็แค่เห็นเขาเป็เหมือนร้านตั๋วเงินเท่านั้น
เขาต้องประหยัดอดออมสะสมเงินให้นางได้กินดีอยู่ดี เที่ยวเล่นสนุกสนาน ดูแลนางดุจนางฟ้านาง์ นางก็ยอมรับความรัก ความดีที่เขามีให้ต่อนางด้วยความเต็มใจ แต่จนแล้วจนรอดนางกลับโผเข้าสู่อ้อมแขนของชายอีกคนหนึ่ง ...
ทำไมเ้าถึงต้องเหยียบย่ำความรู้สึกของข้าแบบนี้ด้วย!
ด้วยความโกรธ องค์ชายสิบเจ็ดจึง้าบุกเข้าไปในจวนเพื่อสอบถามเื่ราวทั้งหมดต่อหน้าหญิงสาวคนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกขวางไว้ไม่ให้เข้าไป เขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแต่กลับถูกทหารองครักษ์หน่วยลาดตระเวนของวังหลวงที่ ‘บังเอิญ’ ผ่านมาพบเข้า จึงถูกเฆี่ยนตีโทษฐานทำลายความสงบเรียบร้อย และนำตัวส่งกลับไปยังตำหนักลั่วฮวา
ความกระทบกระเทือนทั้งร่างกายและจิตใจราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้ิญญาขององค์ชายสิบเจ็ดแหลกสลาย และในเวลานี้เองที่ิญญาของิอวี่ก็แทรกเข้ามาแทนที่ในร่างนั้น
ฝันร้ายก่อนตายหรือ?
ิอวี่ขมวดคิ้ว แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ “ก็แค่ความฝันเท่านั้น เราจะกังวลทำไมกัน ถึงอย่างไรองค์ชายสิบเจ็ดนั่นก็ไม่ใช่เราอยู่ดี”
“ปึง!”
และในเวลานี้เองที่ิญญาของิอวี่เข้าสู่ร่างขององค์ชายสิบเจ็ดโดยสมบูรณ์ จิตสำนึกิญญาอันแรงกล้าของเขาหลั่งไหลเข้าสู่หยกโบราณที่องค์ชายสิบเจ็ดห้อยคอไว้ตลอดหลายปี
หยกโบราณชิ้นนั้นสั่นไหวและเริ่มเปล่งแสง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนตาเปล่าแทบมองไม่เห็น ิอวี่ไม่ได้รู้เลยว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับเขา เมื่อเขาขยับตัวก็เ็ปไปทั้งตัว ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นจากเตียง
ความรู้สึกนี้สมจริงมาก ิอวี่ถึงได้รู้ตัวว่าที่แท้เขาไม่ได้ฝันไป เขาทะลุมิติข้ามเวลามาจริงๆ!
เราคือองค์ชายสิบเจ็ดจริงๆ สินะ ...
องค์ชายสิบเจ็ด!
เขานั่งอยู่บนเตียงนานมาก ก่อนจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้อย่างไม่เต็มใจ ทว่าในเมื่อข้ามเวลามาจริงๆ แล้ว ถ้าอย่างนั้น ...
ิอวี่เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง “เอี๊ยด” ประตูห้องถูกเปิดออก หญิงหน้าตางดงามสวมชุดกงจวงสีดำแบบที่ใช้ในฝ่ายในของวังหลวงเดินเข้ามา
นางแต่งกายเรียบง่าย สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ริมฝีปากบางไม่มีเืฝาด แต่นางยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกจิตใจสงบ
“อวี่เอ๋อร์ รู้สึกเป็อย่างไรบ้าง?”
หญิงคนนั้นถือขวดหยกอันงดงามมาใบหนึ่ง แล้วเร่งเดินมานั่งลงที่ขอบเตียงของิอวี่ นางเปิดขวดหยกแล้วเทยาเม็ดที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจว่า “แม่ไปที่ห้องโอสถหายาอยู่ครึ่งค่อนวัน ขอบคุณ์ที่ยังมียาปู่หยวนซ่านอยู่ พอจะใช้บรรเทาอาการของเ้าได้”
“ท่าน ... เป็ ... แม่ของข้าจริงๆ หรือ?”
ิอวี่ดวงตาแดงก่ำ จ้องมองหญิงนางนั้นด้วยสายตาเหม่อลอย ในความทรงจำของเขา นางมีชื่อว่าหยางเสวี่ยหรง
“เ้าเด็กโง่ นี่เป็อะไรไป? สมองกระทบกระเทือนไปแล้วหรือ แม่...”
พูดยังไม่ทันจบ หยางเสวี่ยหรงก็ถูกิอวี่โผเข้ากอดเอาไว้แน่น ไม่ว่านางจะพูดอะไริอวี่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ในเวลานี้เหมือนว่า...สิ่งที่เคยสูญเสียไป สิ่งสำคัญที่เทียบเท่าชีวิต ได้กลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ...
เดิมทีิอวี่ต้องทนรับความทรงจำและอารมณ์เคียดแค้นของเ้าของร่างเดิมมา เขาสาบานว่าจะแก้ไขเื่ราวทุกอย่าง แต่ในตอนนี้เขายังต้องปกป้องคนข้างกายของเขาด้วย
หยางเสวี่ยหรงก็คือคนที่เขาจะต้องปกป้องเอาไว้ในชาตินี้
“อวี่เอ๋อร์ ... เ้าเป็อะไรไป? แม่ ... แค่กๆ ...”
ระหว่างที่พูด หยางเสวี่ยหรงก็ไอออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น
ิอวี่รู้สึกใจสั่นและนึกขึ้นได้ว่า หยางเสวี่ยหรงร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เพราะป่วยเป็โรคที่เกี่ยวกับปอดมานานหลายปี อาการของนางแย่ลงเรื่อยๆ นอนซมอยู่บนเตียงแทบจะทั้งวัน แม้แต่เรี่ยวแรงก็แทบไม่มี
ทุกๆ ครึ่งเดือน ทางวังหลวงจะให้คนนำหลิงจือโลหิตม่วงหนึ่งเม็ดที่มีมูลค่าสามหมื่นหยกดำมาให้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่สามารถชะลออาการของนางได้ และวันนี้ก็เป็วันครบกำหนดส่งยามาพอดี
และในเวลานี้เอง เสี่ยวซวง นางกำนัลที่อยู่นอกประตูก็เข้ามารายงานว่า “ทูลพระสนม องค์ชาย หลิวกงกงแห่งตำหนักอวี้เต๋อมาขอเฝ้าเพคะ”
“หลิวกงกง?”
ิอวี่ขมวดคิ้ว ตำหนักอวี้เต๋อเป็ตำหนักที่ประทับของพระสนมหลี่ ผู้เป็แม่ขององค์ชายสิบสาม เหตุใดวันนี้คนส่งยาจึงไม่มา แต่กลับเป็หลิวกงกงของตำหนักอวี้เต๋อมาแทนล่ะ?
“รู้แล้ว เ้าออกไปก่อนเถอะ” ิอวี่สั่งนางกำนัล ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัว แล้วออกจากห้องไปรับแขกพร้อมกับหยางเสวี่ยหรง
ิอวี่มองเห็นจากระยะไกลว่าท่ามกลางบ่าวรับใช้ที่มาทั้งหมด มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีน้ำตาลและหมวกปีกคู่ขุนนางสีดำ
เขามีใบหน้าขาวซีด ดวงตาเหมือนหนู ริมฝีปากบางและมีสีแดง ใบหูสองข้างมีขนาดใหญ่ รูปร่างท้วม การโค้งคำนับมานานหลายปีทำให้หลังของเขาค่อมเล็กน้อย เพียงแต่วันนี้เขาเอามือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลังและพยายามยืดตัวตรง จึงทำให้เขาดูดีและมีความมั่นใจมากขึ้น
ิอวี่หรี่ตามองใบหน้ามันเยิ้มของหลิวกงกงก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่หยางเสวี่ยหรงที่ยืนอยู่ข้างๆ ในฐานะนายหญิงของตำหนักยังคงพูดอย่างมีมารยาทว่า “ไม่ทราบว่าที่หลิวกงกงมาในวันนี้ ... มีเื่อันใดหรือ?”
หลิวกงกงยิ้ม พูดด้วยเสียงแหลมที่เรียบง่ายว่า “ที่กระหม่อมมาในวันนี้ ก็เพื่อแจ้งให้พระสนมหยางทราบว่า หลิงจือโลหิตม่วงที่จัดส่งมายังตำหนักลั่วฮวาทุกๆ ครึ่งเดือนนั้น จากนี้จะไม่มีการจัดส่งให้อีกต่อไป”
“อะไรนะ? แค่กๆ ...”
แต่เดิม อาการป่วยของหยางเสวี่ยหรงก็หนักพอสมควรอยู่แล้ว พอได้ยินเื่แบบนี้ก็ทำให้เกิดความกระทบกระเทือนทางจิตใจจึงไอออกมาอีก แต่ในสายตาของหลิวกงกงกลับไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ
หยางเสวี่ยหรงพูดด้วยความโกรธว่า “เพราะอะไรกัน? เ้ามีสิทธิอะไรมาทำแบบนี้?”
“แน่นอน พวกกระหม่อมไม่มีสิทธิ!”
เสียงของหลิวกงกงกลบเสียงของหยางเสวี่ยหรงเสียสนิท เขาแสยะยิ้มดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า “กระหม่อมบอกให้ก็ได้ องค์ชายสิบสามของเรากำลังจะทะลวงระดับขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หก ซึ่งก็คือระดับกระชากิญญา ขอบเขตที่สูงและลึกซึ้งแบบนี้จำเป็จะต้องใช้ยาจูหยวนตันขนานใหญ่ แต่เนื่องจากสถานะการคลังของวังหลวงตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก พระนางฮองเฮาจึงตัดสินใจว่าจะไม่มอบหลิงจือโลหิตม่วงให้ท่านอีก ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
พอได้ยินคำว่า “พระนางฮองเฮา” สีหน้าของหยางเสวี่ยหรงก็ซีดลง พระสนมหลี่คงอาศัยอำนาจของฮองเฮามาเล่นงานนางแน่ๆ
เพราะหยางเสวี่ยหรงเป็ที่โปรดปรานของิอ๋องถึงขนาดที่เขานำไข่มุกราตรีอันเป็ของรักของพระสนมหลี่มามอบให้นาง และหลังจากนั้นพระสนมหลี่ก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากิอ๋องเท่าเดิมอีก พระสนมหลี่จึงมองว่าทั้งหมดนี้เป็ความผิดของหยางเสวี่ยหรง และมักจะหาเื่นางอยู่เสมอ
หยางเสวี่ยหรงพยายามข่มความน้อยใจในความไม่เป็ธรรมเอาไว้ พยายามใจเย็นให้มากที่สุดแล้วพูดว่า “หลิวกงกง ... ถ้าเช่นนั้นจะสามารถส่งหลิงจือโลหิตม่วงมาให้อีกทีเมื่อไหร่กัน?”
“กระหม่อมว่า ดูเหมือนสมองของพระสนมหยางคงจะไม่ค่อยปกติดีนะ”
หลิวกงกงเหลือบมองหยางเสวี่ยหรงด้วยสายตาเ็าแล้วพูดว่า “หลังจากองค์ชายสิบสามของเราทะลวงอาณาจักรพลังได้แล้ว ก็ยังต้องใช้ยาจูหยวนตันอีกจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็แปลว่าจะไม่มีการส่งหลิงจือโลหิตม่วงมาให้อีก”
“เงินควรต้องใช้กับมีดดาบ ไม่ใช่ให้หมูให้หมาที่ไหนเอาไปใช้ตามอำเภอใจได้ องค์ชายสิบสามของเราเป็ดั่งั ต้องใช้เงินมหาศาลในการดูแลบ่มเพาะอย่างดี ไม่ได้เหมือนใครบางคนที่ปกติไม่เอาไหน ใช้ของในวังไปแบบเปล่าประโยชน์ แล้วยังคิดว่าตัวเองสมควรได้รับมันอีก!”
บ่าวไพร่ที่อยู่ด้านหลังได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เ้า ... แค่กๆ...”
หยางเสวี่ยหรงโกรธจนแทบเป็ลม แต่ิอวี่ประคองไว้ได้ทัน
ิอวี่ส่ายหน้าให้กับหยางเสวี่ยหรงแล้วพูดอย่างปวดใจว่า “ไม่มีประโยชน์หรอกท่านแม่ ในวังหลวงมีทรัพย์สมบัติมากมาย จะไม่มีเงินซื้อหลิงจือโลหิตม่วงได้อย่างไร มันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ ข้าไม่มีความสามารถ ใครๆ ก็รังแกท่านได้ทั้งนั้น แม้แต่หมาตัวหนึ่งยังกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าท่านเลย”
“เ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิวกงกงตะคอกเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดของิอวี่ ความอารมณ์ดีของเขาพลันหายไปในทันที
นี่คือองค์ชายสิบเจ็ดคนที่อ่อนแอไม่เอาไหนและเงียบขรึมคนนั้นหรือ?
ิอวี่จ้องไปที่หลิวกงกงแล้วพูดว่า “ข้าขอเตือนเ้า ครั้งหน้าถ้ายังกล้าดูิ่ท่านแม่ของข้าอีก ข้าจะฉีกปากเ้าให้ขาด คอยดู”
“พวกกระหม่อมเป็คนของตำหนักอวี้เต๋อ...”
“ไปให้พ้น!”
หลิวกงกงหน้าเสีย จ้องเขม็งไปที่ิอวี่แล้วรีบพาคนของตัวเองออกไป
ค่ำคืนอันหนาวเหน็บ ิอวี่พยายามฝืนทนต่อความเ็ปตามร่างกายเพื่อส่งหยางเสวี่ยหรงกลับห้อง เมื่อเห็นหยางเสวี่ยหรงหลับไปแล้วหลังจากที่ไอถี่ๆ อยู่ตลอด จึงได้ปิดประตูห้องเบาๆ แล้วเดินออกมาด้วยความปวดใจ
หลังจากที่ิอวี่กลับมาถึงห้องเขาก็นิ่งไป
เห็นได้ชัดว่าอาการป่วยของหยางเสวี่ยหรงจะรอช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จำเป็ต้องรีบหาหลิงจือโลหิตม่วงมาให้เร็วที่สุด!
จากความทรงจำของเขา ในป่าหลังวังหลวงเหมือนจะมีหลิงจือโลหิตม่วงอยู่ แต่ในป่านั้นมีสัตว์ป่าดุร้ายอยู่เป็จำนวนมาก มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นที่กล้าจะเข้าไปเสี่ยงอันตรายในสถานที่แบบนี้
ส่วนผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์นั้น จะต้องเป็ผู้ที่ดูดซับพลังฟ้าดินเพื่อแปรเป็ลมปราณหยวนชี่ในร่างกายและิญญา เพื่อบรรลุระดับขั้นแบบก้าวะโที่เรียกกันว่า ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชน
ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนมีด้วยกันเก้าระดับขั้น ได้แก่ ระดับฝึกกาย ระดับเสริมเอ็น ระดับชุบกระดูก ระดับถ่ายเื ระดับลอกคราบ ระดับกระชากิญญา ระดับหลอมความเป็เทพ ระดับประสานเป็หนึ่ง ระดับผนึกขั้ว ยิ่งถึงระดับหลังๆ ยิ่งยากต่อการฝึก คนส่วนมากจะบรรลุได้แค่สามระดับแรกเท่านั้น ยากที่จะข้ามไปสู่ขั้นต่อไปได้
“หากข้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์คงรักษาท่านแม่ให้หายได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็จะไม่ยอมให้ตำหนักลั่วฮวาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เหมือนอย่างตอนนี้อีก!”
ิอวี่กำหมัดแน่น ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีแสงบางอย่างเปล่งออกมาจากบริเวณหน้าอก เขาจึงหยิบหยกโบราณออกมา
ใครจะไปคิดว่าหยกโบราณชิ้นนั้นกลับเปล่งแสงสว่างมากกว่าเดิม จากนั้น ิอวี่ก็รู้สึกเจ็บมือขวาขึ้นมาอย่างรุนแรง บนฝ่ามือขวาของเขามีรอยเืที่เกิดจากการถูกบาดปรากฏขึ้นอย่างน่าใ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้