“มีอันใดหรือ?” เวินซียืนอยู่ข้างๆ เขา มองดูทหารลับด้วยความสับสนก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าเวินเยียนและเวินอวิ๋นโปถูกพาออกจากเมืองไปแล้ว หลานเยว่เฉิงน่าจะลงมือคืนนี้ ข้าติดต่อฮูหยินซ่งเรียบร้อยแล้ว เราพาพวกเอ้อเอ้อร์ไปหลบที่จวนซ่งก่อนสักคืน” จ้าวต้านตอบอย่างจริงจัง
จ่างกุ้ย เอ้อเอ้อร์ ซันซาน ถันถั่นและต้วนจิงเย่ พวกเขาไม่มีทักษะการต่อสู้ที่สามารถปกป้องตนเอง หากอยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้เวินซีและจ้าวต้านเป็กังวล เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงมิให้มีอันใดผิดพลาด จำเป็ต้องส่งพวกเขาออกไปก่อน
“มีทหารลับอยู่ข้างนอก เราจะส่งพวกเขาออกไปได้เช่นไร?”
“รถม้าของฮูหยินซ่งอยู่ที่ประตู เราพาพวกเขาออกไปซึ่งๆ หน้าได้เลยเป้าหมายของพวกเขาคือเรา คงไม่สนใจที่จะสกัดกั้นพวกเขาหรอก ข้าได้เตรียมกำลังคนไว้แล้ว พวกเขาจะปกป้องพวกเอ้อเอ้อร์จนกระทั่งเราไปรับกลับบ้าน วางใจเถิด”
“เ้าค่ะ” เวินซีวางใจได้เมื่อจ้าวต้านเป็คนจัดการเอง นางพยักหน้านิ่งๆ
“คุณหนูเวินซี จะพาพวกเราไปที่ใดขอรับ?”
“คุณหนูเวินซี นี่ก็มืดแล้ว มีเื่อันใดเกิดขึ้นหรือขอรับ?”
“พี่สะใภ้ ข้ากลัวเ้าค่ะ”
“พี่สะใภ้ กลัวๆ”
......
จ่างกุ้ยไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นจึงถามด้วยความกลัว ทำให้เอ้อเอ้อร์และซันซานพากันพูดตามด้วยเสียงสะอื้น
“ไม่มีอันใดหรอก ฮูหยินซ่งเชิญทุกคนไปพบที่จวนซ่งน่ะ ฮูหยินซ่งเป็คนสูงศักดิ์ เราย่อมฉีกหน้านางมิได้ ทุกคนคิดเสียว่าไปเที่ยวเล่นที่นั่นแล้วกัน” เวินซีอธิบายด้วยสีหน้าปกติ
“ขอรับ” จ่างกุ้ยมิได้สงสัยอันใด จึงพยักหน้าแต่โดยดี
ภายใต้การนำทางของทหารลับสามคน ทุกคนก็ได้ขึ้นรถม้าไป
เสียงล้อเคลื่อนออกไปไกล รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซีค่อยๆ กลายเป็สีหน้าเ็า หลังจากที่นางทานข้าวกับจ้าวต้านเสร็จ ทั้งสองก็กลับเข้าห้องไปพร้อมกัน
“ข้าให้เ้า เอาไว้ป้องกันตนเอง”
ทันทีที่ปิดประตู จ้าวต้านก็หยิบกระเป๋าผ้าออกมาจากอก มอบให้เวินซี
เวินซีรับไปอย่างสงสัยและเปิดมันออก
ข้างในมีเข็มเงินอยู่แถวหนึ่ง มันไม่เหมือนกับเข็มเงินที่นางเคยใช้ เข็มเงินที่เขาให้นั้นยาวและเรียวเล็กกว่า ทั้งยังคมกว่า มีความแวววาวภายใต้แสงไฟของตะเกียง
นางหยิบเข็มออกมาเล่มหนึ่งด้วยความสนใจ ก่อนจะใช้นิ้วดีดมันออกไปที่เสาห้อง
เข็มเงินจมลึกลงไป เหลือให้เห็นเพียงรูที่ยากจะมองเห็นได้
“ขอบคุณเ้าค่ะ” เมื่อรู้ว่านี่เป็ของดี เวินซีก็เอ่ยปากขอบคุณ นางห่อมันและเก็บเข้าไปในอกอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องขอบคุณ เราพักผ่อนกันก่อนเถิด”
“เ้าค่ะ”
ทั้งสองหลับตาและพักผ่อนอยู่ในห้อง
เมื่อถึงยามจื่อ เสียงฝีเท้าอันแ่เบาก็ดังขึ้นรอบห้อง
เวินซีกับจ้าวต้านลืมตาขึ้นพร้อมกัน มองหาที่มาของเสียงอย่างตั้งรับ ทั้งสองคว้าดาบวงพระจันทร์ออกมา เดินเข้าไปใกล้เสียงอย่างตื่นตัว
เมื่อเสียงมาหยุดลงที่หน้าหน้าต่าง จ้าวต้านก็ดับไฟในห้อง
หน้าต่างถูกผลักให้เปิดออกเป็ร่อง ทหารลับคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหว กลั้นหายใจแล้วย่องเข้ามา
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เดิน ก็ถูกจ้าวต้านปิดหน้าปิดปากไว้แน่น
ทหารลับคนนั้นที่กำลังจะปีนเข้าไปในห้องรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาคิดจะถอยแต่ก็ถูกเวินซีลากเข้าห้องไปและใช้มีดคมแทงเพื่อปลิดชีพ
กลิ่นเือบอวลไปทั่วทั้งห้อง การเคลื่อนไหวด้านนอกเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็มีการเคลื่อนไหวเสียงดัง
ขณะที่เวินซีและจ้าวต้านกำลังขมวดคิ้วอยู่นั้น ประตูและหน้าต่างก็ถูกพังเข้ามา ปรากฏเป็ทหารลับจำนวนมากที่เข้ามาล้อมพวกเขาไว้
คบเพลิงถูกจุด ทำให้บริเวณโดยรอบพลันสว่างไสว ทหารลับแถวหน้ามิได้หยุดการเคลื่อนไหวแม้สักนิด และพุ่งเข้าไปจะสังหารเวินซี
แต่ไม่นาน พวกเขาก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย
เวินซีไม่มีโอกาสได้พักหายใจ ทหารลับแถวที่สองก็เข้าไปโจมตีนางต่อ
พวกเขาใช้กลยุทธ์ล้อหมุน เมื่อรู้ว่าสู้กับศัตรูไม่ได้ จึงใช้วิธีทำให้เวินซีและจ้าวต้านหมดแรง
กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เวินซีขมวดคิ้วพลันปิดปากและจมูก
“ไปตายเสีย”
ทหารลับคนหนึ่งะโ เขายังไม่ทันได้มีโอกาสเข้าใกล้เวินซี ก็ถูกจ้าวต้านถีบจนล้มลงกับพื้น
“ล่อพวกเขาออกไป”
จ้าวต้านเอ่ยปากแล้วกลั้นหายใจ เหยียบไหล่ของทหารลับผู้นั้นไว้และออกไปอย่างง่ายดาย เขาร่อนตัวลงที่ลานเรือน โดยมีเวินซีตามไปติดๆ
เมื่อเห็นทหารลับที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แววตาของเขาก็เยือกเย็นลง ก่อนจะผิวปาก
ทหารลับของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในคนของหลานเยว่เฉิง ถือดาบเข้าหาทหารของหลานเยว่เฉิงในทันที
เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทหารลับของหลานเยว่เฉิงตกตะลึง จากนั้นก็เริ่มฆ่าไม่เลือกหน้า
“พวกเ้าทำอันใดกัน? ไอ้คนทรยศ คนทรยศเต็มไปหมด”
“คนที่นายท่าน้าจะฆ่าอยู่เบื้องหน้า พวกเ้าเป็เช่นนี้ไม่กลัวตายหรือ? อย่าลืมนะว่าในร่างกายของพวกเ้ายังมีพิษอยู่!”
“พวกเ้าเป็เช่นนี้คู่ควรกับความเชื่อใจและการอบรมสั่งสอนที่นายท่านมีให้แล้วหรือ?”
“หยุด หยุดกันให้หมด! พวกเ้าบ้าไปแล้วหรือ? ขืนเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องคิดจะรอดไปสักคน!”
......
ทหารลับของหลานเยว่เฉิงสับสน ทั้งพูดดูิ่และห้ามปราม แต่สุดท้ายต่างก็ล้มลงกับพื้น เืไหลนองเป็สายน้ำ
“หลานเยว่เฉิงอยู่ที่ใด?” เวินซีถามคนของจ้าวต้านที่ยืนอยู่ท่ามกลางศพ
“เขาอยู่ในกลุ่มคนที่สองขอรับ คงจะใกล้เข้ามาแล้ว”
“ดี”
หลังจากที่รู้ดังนั้น เวินซีก็หยิบผงพิษออกมา พลันมองดูกำแพงรอบๆ อย่างตั้งรับ
สิบห้านาทีต่อมา กำแพงโดยรอบก็มีเสียงการเคลื่อนไหว ทหารลับจำนวนมากฝ่ากำแพงกั้นเข้ามา
ผงพิษถูกโปรยออกไปอย่างเหมาะเจาะ พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็ล้มลงกับพื้นเสียแล้ว
ส่วนทหารลับที่รอดมาได้เข้าโจมตีเวินซีอย่างรวดเร็ว
นางจัดการพวกเขาพลางมองหาร่างของหลานเยว่เฉิง
จนในที่สุดก็มองเห็นเขาบนหลังคา
หลังจากที่ฆ่าทหารลับที่จู่โจมเข้ามา นางก็ไล่ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวต้านสังเกตการเคลื่อนไหวของนางอยู่เสมอ เขาคิดจะตามไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกทหารลับผู้หนึ่งสกัดไว้
ทักษะการต่อสู้ของทหารลับผู้นี้ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่นๆ ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างสูสี
ดวงตาที่เ็าของเวินซีมองดูหลังคา นางหยิบผงเครื่องหอมออกมาพลันค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เขา
หลานเยว่เฉิงเริ่มโจมตี นางก็พุ่งเข้าไปหา โปรยผงเครื่องหอมในมือในขณะที่หลบกริชของเขา
เมื่อได้กลิ่นที่ฟุ้งกระจาย เวินซีก็แสยะยิ้ม และโจมตีเขารุนแรงมากยิ่งขึ้น
ที่ลานเรือน ทหารลับของหลานเยว่เฉิงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนของจ้าวต้านก็มิได้หลบซ่อนอีกต่อไป พวกเขาออกมาต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า
เพราะเตรียมตัวมาอย่างดี คนของหลานเยว่เฉิงจึงตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาถูกฆ่าไปมากกว่าครึ่ง
หลายคนรู้สึกหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเวินซีเป็สตรีจึงถอยขึ้นไปบนหลังคา และคิดจะโจมตีนาง แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ต่างก็ไร้เรี่ยวแรง
“นางบ้า เ้าทำอันใดกับพวกข้า?”
“นางสารเลว หากไม่ปล่อยเราออกไป ถ้าพวกเราได้อิสระจะจับเ้ามาสับให้เละเลยคอยดู”
......
หลายคนสาปแช่งด่าทอเวินซี แต่รอยยิ้มในแววตาของนางกลับกว้างขึ้น
“ยังจำข้ามิได้อีกหรือ?” ในระหว่างที่สู้กันอยู่ นางก็เอ่ยอย่างสนุกสนาน
ทหารลับหลายคนมองหน้านางอยู่นาน และมีสีหน้าตกตะลึงในที่สุด
“เ้าคือคนที่มากับสืออีวันนั้น...”
“ใช่น่ะสิ ยาแก้พิษที่ข้าทำให้พวกเ้าโดยเฉพาะอร่อยหรือไม่?”
คำพูดของเวินซีเป็ราวกับเสียงฟ้าผ่าเข้าหูของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธในทันที
“นางสารเลว เ้าใช้วิธีสกปรกลงมือกับพวกเราหรือ?”
“นางสารเลว เ้ากับไอ้ชั่วสืออีต้องตายกันให้หมด”
......
อารมณ์ของพวกทหารลับพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ
เวินซีได้ยินเสียงของพวกเขาก็ยิ้ม เมื่อโจมตีให้หลานเยว่เฉิงอยู่ห่างออกไปได้แล้ว นางก็เข้ามาใกล้ทหารลับพวกนั้น
“ยังอยากมีชีวิตหรือไม่? พิษที่พวกเ้าได้รับมียาแก้” เสียงของเวินซีดังกังวานเป็พิเศษในค่ำคืนที่เงียบสงัด
“ยาแก้พิษอยู่ที่ใด?” ทหารลับถามอย่างหมดความอดทน
“ยาแก้พิษก็คือเืนายท่านของพวกเ้า เพียงแค่ดื่มเืเขา พวกเ้าก็จะปลอดภัย”
ใน่ที่ผ่านมานี้ ธูปที่เวินซีให้หลานเยว่เฉิงสูดดมนั้นมียาแก้พิษอยู่ หลังจากที่สูดดมเป็เวลานานเืของเขาก็จะสามารถใช้แก้พิษได้
“นี่มัน...” ทหารลับหลายคนดูลังเลและลำบากใจ
เวินซีมองพวกเขาพลันหัวเราะเย้ยหยัน