เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงแกล้งโง่
โจวเฉิงแสดงออกชัดเจนเกินไปแล้ว!
เมื่อวานส่งเธอกลับบ้าน ตอนเช้ามารอเธอตรงทางแยกโดยลำพังทั้งใส่ใจความเป็ไปในครอบครัวเธอ เรียก ‘คุณลุง’ แบบที่เธอทำ ถึงบอกว่าคนคนนี้ไม่เคร่งครัดมารยาทก็เถอะแต่เขากลับเตือนคังเหว่ยให้เรียกลุงของเธอว่า ‘ลุงหลิว’ ตามมารยาทของคนนอกครอบครัวแทนเห็นได้ชัดเจนว่าโจวเฉิงแยกแยะในนอก [1] ได้
มีผู้ชายทำดีกับเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกมหัศจรรย์มาก
เมื่อชาติก่อนตอนยังสาววุ่นอยู่กับการทำมาหากินเป็ชีวิตจิตใจในสมองมีแต่เื่การงาน จะมีความคิดเื่ความรักได้อย่างไรกัน? ทั้งรูปลักษณ์รวมถึงพื้นฐานครอบครัวล้วนไม่โดดเด่นและไม่มีชายหนุ่มตามจีบเธออย่างจริงจังมีลูกค้าที่รู้จักคิดว่าเธอฉลาดเฉลียวดีจึงอยากได้เธอเป็ลูกสะใภ้เธอเกรงใจจึงไปดูตัวเสีย ทว่าพอพบหน้ากัน ลูกชายเ้าของโรงงานกลับเดินหันกลับทันทีเขาไม่ชอบที่เธอไม่สวย อีกทั้งแข็งทื่อไม่สะดุดตาเมื่อหน้าที่การงานรุ่งเรืองขึ้นก็ได้ลองพัฒนาความสัมพันธ์ฉันชายหญิง มีหีบห่อสวยๆอย่างการงานและเงินทองแล้ว ราคาเสนอของตัวเธอก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียวทว่าผู้ชายที่เป็ผู้ใหญ่เต็มตัวมักคิดถึงผลประโยชน์มากกว่ายังไม่ทันมีความคืบหน้าก็แนะนำให้เธอซื้อบ้านในเขตการศึกษา[2] จะให้เธอรีบมีลูก จะดูแลการเงินแทนเธอ มีแต่อะไรก็ไม่รู้เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกห่างเหินกับความรู้สึกรักชอบอย่างคนหนุ่มสาวไปนานแล้ว
โจวเฉิงรูปงาม แค่พูดถึงเงื่อนไขเื่รูปลักษณ์ภายนอกก็ดีเพียงพอแล้ว
ถูกชายหนุ่มเช่นนี้เอาใจใส่ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรมิใช่ว่าตอนนี้ผู้คนยังยึดถือจารีตประเพณีแบบเดิมอยู่หรือเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าโจวเฉิงนั้นใจถึงเสียเหลือเกิน!
“กินข้าวเช้ากันกันก่อนเถอะนะ ตอนกลางวันผมเลี้ยงข้าวพวกคุณดีๆสักมื้อ ขอบคุณความช่วยเหลือที่ทั้งสองมีต่อเสี่ยวหลาน”
หลิวหย่งคิดเื่จะไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจจึงไม่สะดวกพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปด้วยแต่เขาก็กังวลว่าเหล่าอันธพาลยังเหลือพรรคพวกอยู่ โจวเฉิงบรรเทาความกลุ้มใจของเขาไปในทันที
“ผมไปอยู่เป็เพื่อนเสี่ยวหลานขายไข่ไก่เองขายเสร็จแล้วก็เจอกันที่บ้านพัก”
คังเหว่ยอุ้มเกี๊ยวส่วนของตนเอาไว้ เ็ปจิตใจเหลือแสนรู้ดีว่าตัวเองโดนทิ้งอีกแล้ว
“ลุงหลิว ให้ผมไปดูลาดเลาที่สถานีตำรวจด้วยอีกคนดีไหม? เมื่อวานผมก็อยู่ในเหตุการณ์ พวกเ้าหน้าที่ยังจำผมได้”
หลิวหย่งลังเลเล็กน้อย “แล้วสัมภาระพวกคุณ?”
สามารถขับรถทางไกลได้ใน่นี้ของที่นำมาด้วยจึงไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ทำเงินหลิวหย่งไม่รู้ว่าทั้งสองคนจัดการกันเอง เป็เ้าของหรือเป็คนขับรถทำธุระแทนแต่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน คนและรถก็ไม่อาจแยกจากกันได้ ต่อให้พักรถที่บ้านพักก็เถอะอย่างไรเสียทุกคนต้องผลัดกันนอนบนรถอยู่ดี
“ตอนกลางคืนแค่เฝ้ากันพวกหนูสกปรก ตอนกลางวันก็ไม่มีปัญหาแล้วกระบะด้านหลังมีลูกกรงลงกลอนไว้ด้วย”
หลิวหย่งเมียงมองรถตงเฟิงที่จอดไว้ในลานของบ้านพักด้านหลังรถมีเส้นเหล็กเสริมคอนกรีตหนาเท่าข้อมือเด็กทารกเชื่อมผนึกปิดตายไว้ด้านท้ายแขวนไว้ด้วยกลอนอันใหญ่... สองคนนี้ทำอะไรกันนะขนของอะไรถึงต้องป้องกันเสียเหนียวแน่นถึงเพียงนี้?
เขาระแวงขึ้นมาในบัดดล
โจวเฉิงไม่ได้อธิบาย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรีบคลี่คลายความอึดอัดนี้
“ฉันไปขายไข่เองดีกว่า นอกโรงงานคนพลุกพล่านวันนี้ไม่มีทางไปที่เปลี่ยวอีกแล้ว กลางวันแสกๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้? ขอบคุณความหวังดีของพี่โจว...”
โจวเฉิงไม่พูดอะไร เขายังคงมองเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่อย่างนั้น
แววตานั่นมองจนเซี่ยเสี่ยวหลานจะละลายหายไปแล้ว
อยู่ดีๆ คังเหว่ยก็พูดอย่างจริงจัง “ลุงหลิว ผมว่าเื่นี้ควรจะสืบให้ละเอียดสักหน่อยเมื่อวานพวกอันธพาลนั่น...”
คังเหว่ยกึ่งดึงกึ่งลากหลิวหย่งจากไป
ลานหน้าที่พักเหลือเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิง
“ไปเถอะ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด จะคลาดกับคนมาซื้ออาหารได้”
เขาเข็นรถจักรยานของเซี่ยเสี่ยวหลานนำหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้แค่เดินตามไป ตอนแรกทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไร เดินจนไปถึงแผงลอยที่เซี่ยเสี่ยวหลานมักไปกินบะหมี่นั่นน้าหวงเ้าของแผงรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว เห็นว่าวันนี้เป็โจวเฉิงที่เข็นจักรยานของเธอน้าหวงจึงอยากจะแซวเสียหน่อย แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิดไป
เธอทักทายเซี่ยเสี่ยวหลานมาแต่ไกล
“เช้านี้ยังเหมือนเดิม?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหัวปฏิเสธ “น้าจ๊ะ ตอนเช้าฉันกินมาแล้วน่ะ”
โจวเฉิงนำจักรยานจอดไว้ “เดินมาตั้งไกลขนาดนั้น กินแล้วก็หิวอีกได้ กินอีกหน่อยเถอะรบกวนทำบะหมี่สองชามทีครับ เพิ่มไข่ทั้งสองชาม!”
เขาเกรงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะปฏิเสธ จึงได้พูดอีกประโยค “กินแล้วก็กินเป็เพื่อนฉันอีกหน่อยนะ ฉันตื่นั้แ่ตี 5 ไปรอเธอระหว่างทาง แค่เกี๊ยวอาจจะไม่อยู่ท้อง... อย่าใส่ใจเลยฉันไม่ได้หมายความว่าเธอเอามาน้อยเกินไปนะหมายถึงตัวฉันเองที่ท้องยุ้งพุงกระสอบต่างหาก”
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงถ้าเธอไม่ตะกละกินเกี๊ยวเ่าั้ โจวเฉิงคงได้กินมากพอ
ทั้งสองคนนั่งลง น้าหวงยังช่วยนำเกี๊ยวไปอุ่นให้ด้วยจากนั้นยกมาพร้อมกับบะหมี่
โจวเฉิงคีบเกี๊ยวหนึ่งตัวเข้าปาก รสชาติเผ็ดเปรี้ยวเรียกน้ำย่อยเขาพยักหน้าโดยอัตโนมัติ
“ฝีมือเธอไม่เลวเลยนะ เกี๊ยวอร่อยมาก”
ทางเหนือนิยมกินเกี๊ยวผักกาดดอง มีรสชาติแตกต่างกับไส้ที่ใช้ไชเท้าดองทำแต่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนทำเกี๊ยวไส้หมูกับผักดองนี้โจวเฉิงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ปล่อยอีกครึ่งหนึ่งให้คังเหว่ย
ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นสีแดงบางๆ “แม่ฉันเป็คนรีดแป้งน่ะ ฉันทำแป้งไม่ค่อยเก่ง”
“อ๋อ”
โจวเฉิงยังไม่ทันพูดอะไรดันมีบางสิ่งดลใจให้เซี่ยเสี่ยวหลานแทรกอีกประโยค
“แต่ไส้น่ะฉันปรุงเองนะ”
โจวเฉิงยังคงไม่พูด ทว่าเพิ่มความเร็วในการคีบเกี๊ยวมากขึ้น
อันที่จริงเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่อิ่ม ถึงเวลานี้ความอยากอาหารของทุกคนล้วนมีมากในท้องไม่มีสารอาหาร งานที่ทำก็ต้องใช้แรงกายเกี๊ยวที่เธอกินมาจากบ้านนั้นไม่พอยาไส้เอาเสียเลย
บะหมี่ชามโตที่มีทั้งน้ำซุปและบะหมี่ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานกินจนเกลี้ยง
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะกินไม่ช้า ทว่าท่าทางของเธอกลับดูนวยนาดนุ่มนวลโจวเฉิงรู้สึกเจริญตาเจริญใจยิ่งนัก
จนกระทั่งเซี่ยเสี่ยวหลานวางตะเกียบแล้วโจวเฉิงถึงจัดการกวาดเกี๊ยวและบะหมี่กินจะหมดชาม
เซี่ยเสี่ยวหลานจะออกเงิน แต่ครั้งนี้โจวเฉิงแย่งจ่ายเสียก่อน
น้าหวงพอจะดูออก เลยรับเงินจากโจวเฉิงเท่านั้น
“เสี่ยวหลาน คนรักเธอนี่หล่อเอาการนะ ดีต่อเธอด้วย”
“เขาไม่ใช่...”
“ขอบคุณคุณน้าที่ดูแลเสี่ยวหลานนะครับ ฝีมือคุณน้าดีจริงๆไม่ช้าก็เร็วต้องได้เปิดร้านบะหมี่ใหญ่โตแน่”
น้าหวงฉีกยิ้มยิงฟันเสียจนไม่เห็นลูกตาได้ฟังคำพูดเป็มงคลั้แ่เช้าแบบนี้ใครมันจะไม่สบายอกสบายใจกันเล่า? ชายหนุ่มไม่เพียงแต่หล่อเหลา ยังช่างเจรจาอีกด้วยเซี่ยเสี่ยวหลานนี่ตาถึงทีเดียว!
โจวเฉิงไม่ปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้พูดอีกสองคนจ่ายเงินแล้วจากไป แต่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกอารมณ์เสียไม่เบา
โจวเฉิงผู้นี้ช่างร้ายกาจ อีกทั้งเอาความคิดตนเป็ที่ตั้งประธานเซี่ยไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ ไม่เคารพความประสงค์ของเธอเสียเลย พวกคลั่งผู้ชายเป็ใหญ่!
โจวเฉิงเห็นว่าเธอมีใบหน้าขุ่นเคือง ไม่สบอารมณ์ ทว่าดูแล้วกลับไม่มีความน่าเกรงขามเวลาโกรธกลับมีเสน่ห์อื่นซุกซ่อนอยู่ ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียวทว่าโจวเฉิงไม่ได้อยากทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์เสียเขาข่มความร้อนรนในใจเอาไว้แล้วอธิบายเป็จริงเป็จัง
“่นี้กำลังปราบปรามอยู่ คุณน้าจะเข้าใจผิดมันก็ช่วยไม่ได้ฉันกับเธอไม่ได้เป็อะไรกันแล้วยังกล้าไปโน่นไปนี่กันสองคนต่อไปที่จะโดนหน่วยรักษาความปลอดภัยอันชิ่งจับกุมก็คงเป็ฉันแทนน่ะสิ”
สีหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยคลายอารมณ์ลง
อาจจะเป็เพราะเมื่อวานเกิดเื่นั้นของเธอขึ้นวันนี้การรักษาความปลอดภัยในเมืองจึงดูเข้มงวดมากขึ้น
ความผิดฐานทำตัวเป็อันธพาลนั้นมิใช่ล้อเล่นหนุ่มสาววัยรุ่นอยู่ในที่สาธารณะก็ห้ามใกล้กันเกินไป
แต่พอถึงด้านนอกโรงงานเครื่องจักรการเกษตรเหล่าน้าหญิงที่มาซื้ออาหารก็พากันเข้ามาถามไถ่อย่างประหลาดใจ
“เธอคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานใช่ไหม?”
“พ่อหนุ่มมาครั้งแรก เธอควรมาเป็เพื่อนคนรักใช่ไหมดูสิเธอสวยออกขนาดนั้น คนชั่วต้องคิดอะไรแน่”
“พ่อหนุ่มเป็คนที่ไหนหรือ?”
ไข่ไก่ขายหมดได้เร็วก็จริง แต่มันกลายเป็เื่ซุบซิบเกินไปแล้วโจวเฉิงไม่ได้ยอมรับว่าเป็คนรักของเธอ แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน พอคนถามเขาเข้าก็ตอบอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ทันไรพวกน้าๆ ที่มาซื้อไข่ไก่ล้วนรู้กันโดยถ้วยหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานคบหาอยู่กับคนรักจากปักกิ่งขับรถบรรทุก อีกทั้งมีทะเบียนบ้านอยู่ในปักกิ่งด้วย!
ลูกค้าที่คุ้นเคยคนหนึ่งดึงเธอไปอีกทาง
“ตายจริง คุณสมบัติแบบนี้ก็เยี่ยมยอดไปเลยน่ะสิ! ฉันบอกแล้วเด็กแบบเธอทั้งหัวไวทั้งสะสวยยังคิดจะแนะนำเธอให้หลานชายฉันอยู่เลย ตอนนี้หมดหวังเสียแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานจะอธิบายอย่างไรดี?
เธอรู้สึกว่าตนเองติดกับเข้าเสียแล้ว!
เชิงอรรถ
[1]分清里外 แยกแยะในนอก หมายถึง รู้จักปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมกับคนในและคนนอกคนในคือคนที่ใกล้ตัว มีความสนิทสนม คนนอกคือคนที่รู้จักกันทั่วๆ ไป
[2]学区房 บ้านในเขตการศึกษาคือ อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งใกล้กับเขตสถานศึกษาเนื่องจากอยู่ใกล้สถานศึกษาที่ผู้คนคิดว่า ‘มีคุณภาพดี’ ผู้ปกครองสะดวกในการดูแลบุตรหลานที่อยู่อาศัยในเขตการศึกษาจึงมักจะราคาสูงกว่าทั่วไปถึง 10-15%