เมื่ออิ้งหลีกลับถึงจวน หงเย่าก็เร่งรีบวิ่งออกมาจากประตู หลังจากขอบคุณเซียวอวิ๋นมู่สำหรับการคุ้มกันแล้วจึงนำคนกลับเข้าไป หลังจากที่ประตูปิดลงแล้วเขาก็กระซิบออกมาว่า
“คุณชาย เหตุใดจึงเมามายมาจากในวังได้เช่นนี้? หากตี้จวินเห็นเข้ามันจะเป็การทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้นะเ้าคะ”
อิ้งหลี “ข้าคงไม่เมาหากไม่ใช่เพราะตี้จวิน”
หงเย่าเบิกตากว้าง “หือ? ตี้จวินมอมเหล้าท่านหรือ?”
อิ้งหลีรู้สึกเวียนหัวและี้เีเกินกว่าที่จะมาชี้แจงรายละเอียด จึงสั่งให้นางไปเตรียมซุปแก้อาการเมาค้าง
“ตี้จวินก็ไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนเลย...”
หงเย่าช่วยให้เขานอนลงอย่างนุ่มนวล พูดพึมพำไปนำน้ำมาเช็ดหน้าให้เขาไปด้วยเพื่อให้เขาสร่างเมาอีกสักหน่อย
อิ้งหลียกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ
“เ้ากำลังพูดเื่ไร้สาระอะไร... เ้าต้องอ่านให้มากขึ้นฟังให้น้อยลงหน่อยแล้ว เ้ากำลังใช้คำพูดผิดๆ...”
“ข้ารู้สึกว่ามันไม่ผิดนะ...”
หงเย่าแลบลิ้นออกมา แล้วเดินออกไปพร้อมกับอ่างน้ำ
หลังจากทำความสะอาดร่างกายพอให้สร่างเมาแล้ว อิ้งหลีนอนลงและหลับไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเตรียมพร้อมก็ออกเดินทางกลับจากเมืองเทียนซู เขาที่ยังคงเวียนหัวเล็กน้อยจากอาการเมาค้าง นอนอยู่บนเบาะนุ่มที่จัดอยู่ในรถม้าและเป็อัมพาตไปครึ่งตัว ครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งหลังจากกลับถึงจวน คนในตระกูลคงได้รับพระราชโองการก่อนที่เขาจะกลับถึงจวน คงจะมีชีวิตชีวามากเมื่อเขากลับไปถึง
แค่ยังไม่รู้ว่าท่านแม่และชิงเอ๋อร์จะมีข้อโต้แย้งต่อการที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็ราชครูหรือไม่ ตำแหน่งราชครูมีเกียรติสูงส่ง แต่เขาจะไม่มีอำนาจที่แท้จริงมากนักจนกว่าลูกศิษย์ของเขาจะได้ขึ้นเป็ฮ่องเต้
ในตอนนี้องค์ชายที่สืบเชื้อสายมาจากฮ่องเต้ยังคงเยาว์วัย ยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่ราชครูจะมีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงในงานราชการ จึงไม่อาจส่งผลใดๆ ต่อการช่วยเหลือตระกูลเว่ยในภายภาคหน้า เพียงแค่ต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น ชิงเอ๋อร์และซูหานจะผิดหวังหรือไม่?
หากเขาเสนอตำแหน่งที่ตน้าเมื่อครั้งที่ตี้จวินตรัสถามมันจะดีกว่าที่เป็อยู่ตอนนี้หรือไม่?
เมื่ออิ้งหลีเดินทางจากเมืองเทียนซูกลับมาถึงเมืองฝูซัง ทางด้านตระกูลเหยียน จากประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้าของเหยียนชิง เขาคำนวณดูแล้วว่าคงใกล้จะถึงเวลาที่อิ้งหลีจะกลับมาแล้ว แม้ว่าพระราชโองการจะยังมาไม่ถึง แต่สำหรับรายนามผู้ผ่านการทดสอบขององค์ฮ่องเต้ของอิ้งหลีนั้นเขาไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่เขารอข่าวดีอย่างเต็มที่ เขากลับได้รับจดหมายลับของเว่ยซูหานจากเมืองหนานฮั่นที่อยู่ห่างไกล
จดหมายลับคือกระดาษที่แช่น้ำยาพิเศษเพื่อใช้ปกปิดตัวอักษร หลังจากเหยียนชิงปิดประตูห้องหนังสือแล้วก็ใช้วิธีเดียวกัน แช่กระดาษจดหมายในน้ำยาพิเศษแล้วรอให้ข้อความปรากฏขึ้น หลังจากดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็ต้องใ
เว่ยซูหานกล่าวในจดหมายว่าอ๋องฉางอันสมรู้ร่วมคิดกับต่างแคว้นเพื่อที่จะระดมพลทหารโดยมีเจตนาที่จะก่อฏ โรคระบาดแพร่กระจายจากกองกำลังส่วนบุคคล นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้อ๋องฉางอันต้องปิดข่าว
และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคระบาดในกองกำลังส่วนบุคคล เป็เพราะการแลกเปลี่ยนเชลยกับต่างแคว้นเข้ามาและเชลยที่เข้ามานั้นไม่มีการรายงานว่าเป็ผู้ติดโรค และเนื่องจากเชลยหลบหนีไป เพื่อไม่ให้ได้รับความสนใจจากภายนอก อ๋องฉางอันจำต้องสั่งให้กองกำลังส่วนบุคคลลอบจับกุมอย่างลับๆ แต่สุดท้ายแล้วเชลยหนีไปยังเมืองเล็กๆ และได้รับการช่วยเหลือจากเหยียนลั่ว นี่คือเหตุที่ทำให้เมืองเล็กๆ และเหยียนลั่วติดโรคระบาด
พอรู้ตัวว่าติดโรคระบาดเหยียนลั่วจึงเขียนจดหมายถึงอ๋องฉางอัน แต่ผลที่ได้กลับเป็การปิดเมืองอย่างคาดไม่ถึง อ๋องฉางอัน้าใช้มือข้างหนึ่งคลุมท้องฟ้าเอาไว้ ทางเลือกสุดท้ายของเหยียนลั่วซึ่งอาการแย่ลงจึงขอให้เยี่ยหลานใช้วิธีพิเศษในการติดต่อจิงโม่แล้วส่งจดหมายกลับไปที่เมืองฝูซัง
เมื่อเว่ยซูหานไปถึงเมืองหนานฮั่น และได้พบกับเหยียนลั่วที่ซากปรักหักพังในเขตชานเมือง ในเวลานั้นพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่เหยียนลั่วช่วยไว้คือเชลยจากต่างแคว้น จนกระทั่งหลังจากที่พวกเขารักษาเชลยแล้วถึงได้รับรู้จากปากของเขา เมื่อตามหาเบาะแสไปก็ได้รู้ความจริงที่ว่าอ๋องฉางอันเลี้ยงดูกองกำลังส่วนบุคคล
“……”
เื่นี้มีบอกไว้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้จะจัดการอย่างไร มีใครถูกส่งมาจากตี้จวินให้ไปสืบข่าวบ้างนั้น เว่ยซูหานไม่ได้กล่าวไว้ แต่เหยียนชิงก็ยังอ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างระมัดระวังอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งตัวอักษรบนกระดาษจางหายไปเขาก็ยังไม่หายจากอาการใ เหม่อมองไปที่หม้อน้ำยาอยู่ครู่หนึ่ง มีความคิดนับพันผุดขึ้นมาในใจ
อ๋องฉางอันมีกองกำลังส่วนบุคคล ในชาติที่แล้วจนถึงวันที่เขาตายก็ยังไม่มีใครรู้...
ท่านอ๋องศักดินาจะมีทหารองครักษ์เพียง 1,000 กว่านายที่ทางราชสำนักส่งตัวมาให้ และเปลี่ยนทหารในทุกๆ สองปี ที่เหลือคือข้ารับใช้ประจำตัวจากตระกูลของท่านอ๋องเอง แต่เมื่อรวมกันแล้วผู้ดูแลจวนอ๋องทั้งภายในและภายนอก จำนวนข้ารับใช้และทหารจะต้องไม่เกินสามพันนาย
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับส่วนกลาง ป้องกันไม่ให้อ๋องศักดินามีกองกำลังเป็ของตนเอง
แต่ว่าตอนนี้เว่ยซูหานบอกว่าอ๋องฉางอันมีกองกำลังส่วนบุคคล...
กฎหมายแคว้นเทียนซูระบุว่า การเพิ่มกองกำลังส่วนบุคคลเป็การกระทำความผิดเช่นเดียวกับการก่อฏ
และความผิดฐานก่อฏจะต้องถูกตัดหัว!
ในอดีตมีกรณีดังกล่าวมากมาย ที่ท่านอ๋องทรงยกกำลังพลไปท้าทายบารมีของฮ่องเต้ ในท้ายที่สุดไม่เพียงแต่ถูกลงโทษทั้งตระกูลเท่านั้น ยังต้องถูกลบชื่อออกจากราชวงศ์และถูกจารึกไว้ในฐานะผู้ที่สร้างความอับอายไปตลอดกาล
ถึงแม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไปหลังจากการเกิดใหม่ แต่สิ่งสำคัญบางอย่างไม่ควรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในชาติที่แล้วก็คงเกิดเื่นี้ขึ้นเช่นกัน ท่านพี่ได้รู้โดยบังเอิญว่าอ๋องฉางอันทรงเลี้ยงดูกองกำลังส่วนบุคคล ถึงแม้จิงโม่จะไม่ผ่านเมืองหลวง แต่เยี่ยหลานก็สามารถส่งข่าวกลับมาได้
มันเพียงแค่ถูกส่งต่อไปยังเหยียนิฮ่วน... ในชาติก่อนเหยียนิฮ่วนจะต้องไม่ทำเหมือนพวกเขาอย่างแน่นอน เขาคงย่ามใจฉวยโอกาสมองความตายโดยไม่เข้าไปความช่วยเหลือ นี่เป็โอกาสดีที่จะกำจัดสายหลักของตระกูล เขาไม่สามารถปล่อยมันไปได้
แม้ว่าจะมีเยี่ยหลานอยู่ แต่พี่ใหญ่ป่วยหนักทั้งยังต้องลากเชลยมาด้วยอีกคน หากหลังจากอ๋องฉางอันปิดเมืองแล้วยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ สุดท้ายเกรงว่าจะเจอโชคร้ายมากกว่าดี บางที เหตุที่ข่าวของพี่ใหญ่ในชาติที่แล้วถูกตัดขาดอาจมาจากเื่นี้
บางที อาจเริ่มต้นจากจุดนี้เป็ต้นไปที่ทำให้ตระกูลเหยียนโชคร้ายจากการ ‘สมรู้ร่วมคิดกับต่างแคว้น’
...เหยียนชิงตัวสั่นสะท้าน หลังจากฟื้นคืนสติกลับมาแล้วจึงจัดเสื้อผ้าของตน
ชาติที่แล้วไม่มีใครไปช่วย พี่ใหญ่จึงถูกฝังอยู่ที่เมืองหนานฮั่น นี่คือสาเหตุที่ความลับของอ๋องฉางอันไม่ถูกค้นพบ ในสถานที่ที่เขาสูงธาราไกล แม้ค่าใช้จ่ายจะมากขึ้นแต่ก็สามารถควบคุมโรคระบาดได้ในที่สุด ในชาติที่แล้วอ๋องฉางอันสามารถบีบบังคับเหยียนิฮ่วนได้ก็คงเป็เพราะเหตุนี้ และในที่สุดตระกูลเหยียนก็ถูกผลักลงเหวลึก...
แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้ว เหยียนชิงมั่นใจว่านี่เป็คำชี้แจงที่เป็ไปได้มากที่สุด
แต่ด้วยวิธีนี้ จะสามารถบอกได้ไหมว่าอ๋องฉางอันเป็นักฆ่าที่ใส่ร้ายตระกูลเว่ยในตอนนั้น?
เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน อ๋องฉางอันเป็อ๋องศักดินาที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเพียงใด ก็ไม่สามารถชักจูงแม่ทัพเว่ยได้ ยิ่งไปกว่านั้น เงื่อนงำในครั้งนั้นก็หลุดออกมาจากกองทัพ สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเขา อ๋องฉางอันไม่ได้มีความสามารถมากมายขนาดนั้น จะต้องมีผู้อื่นอยู่เื้ัเขาเป็แน่!
...เหยียนชิงรู้สึกปวดหัว จึงต้องปิดใจหยุดคิดเกี่ยวกับมัน แล้วหันกลับมาคิดถึงปัญหาอื่น เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามา รู้สึกว่าสมองแจ่มใสขึ้นมาก
เื่นี้หากไม่จัดการให้ดี ท้ายที่สุดแล้ว จะเป็เขาเองที่ต้องทนทุกข์ แต่สถานการณ์ปัจจุบันมันยังนิ่งเงียบเกินไปสำหรับพวกเขา แม้จะมีโอกาสน้อยแต่ก็ไม่มีทางเปิดเผยด้านมืดให้ออกมาได้ทั้งหมด พูดอย่างมีเหตุมีผลก็คือไม่ควรก่อให้เกิดา แต่เนื่องจากเื่นี้ได้ถูกเปิดเผยแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะช่วยอ๋องฉางอันปกปิดมันเอาไว้ แต่ในวันข้างหน้าคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็สามารถทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อยู่ดี แทนที่จะปล่อยให้เป็เช่นนั้น จะดีกว่าถ้า...
เหยียนชิงเอามือไขว้ไปข้างหลัง ค่อยๆ ยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก็หันกลับไปะโเรียกเฉินเซียงที่อยู่ด้านนอกประตู
“เฉินเซียง”
เฉินเซียงตอบกลับพร้อมกับเดินเข้ามา
“คุณชายมีอะไรหรือเ้าคะ?”
เหยียนชิงกัดริมฝีปาก “ส่งสารให้จิงโม่กลับมา”
