นับั้แ่เย่ชิงหานปรากฏตัวขึ้นเยว่ชิงเฉิงก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี บุคคลผู้ที่ตนเองเป็ห่วงกังวลอยู่ภายในใจมาเป็เวลาสิบกว่าวัน ตอนนี้ปรากฏตัวออกมาอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเป็พิเศษ มาพร้อมกับลมเย็นเบาบาง มาพร้อมกับแสงสีม่วงที่แปลกประหลาด หนึ่งคนหนึ่งกริชสยบนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนทั้งหมื่นพัน โบกสะบัดมือสั่งการออกมาอย่างง่ายดายนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนทั้งหมื่นพันล้วนตัดนิ้วทิ้งไว้อย่างไม่กล้าขัดขืน ก่อนจะหลบหนีไปอย่างกระเซอะกระเซิง
มีหญิงสาวคนใดที่ไม่หลงใหลในความรัก? มีหญิงสาวคนใดที่จะไม่ปรารถนาให้มีเ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือตนเองออกจากเงื้อมมือของอสูรร้าย วันนี้เย่ชิงหานไม่มีม้าขาวแต่เขามีแสงสีม่วงที่แปลกประหลาด เขาช่วยเหลือนักรบเขตปกครองเทพาทุกคนให้รอดพ้นจากการโอบล้อมของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไว้ได้
จิตใจของนางสับสนวุ่นวายเป็อย่างมาก ทั้งตื่นเต้น ทั้งปลื้มปีติยินดี ทั้งรู้สึกมีความสุข ทั้งซาบซึ้ง และแน่นอนว่าทั้งเป็กังวล
นางอยากที่จะวิ่งเข้าไปหาเย่ชิงหาน วิ่งเข้าไปซบลงตรงไหล่ที่ไม่กว้างใหญ่มากนักของเขา พร้อมกับเอื้อนเอ่ยถึงความเป็ห่วงกังวลของตนเอง เอื้อนเอ่ยถึงความรู้สึกตื่นเต้นยินดีที่ได้เห็นเขาปรากฏตัวขึ้นราวกับเทพที่เยื้องกรายลงมา เอื้อนเอ่ยถึงความรักความคิดถึงที่ตนเองมีต่อเขานั้นมากมายเพียงใด เพียงแต่...นางรู้สึกเป็กังวล เย่ชิงหานแข็งแกร่งและโดดเด่นถึงเพียงนี้ เขาจะสนใจต่อความรู้สึกของนางหรือ? จะเข้าใจเสียงที่ร้องเรียกอยู่ภายในใจของนางหรือ?
แต่เมื่อเย่ชิงหานหันมายิ้มและยื่นแขนทั้งสองข้างกางออกมาให้กับนาง น้ำตาที่คลออยู่ภายในเบ้าตาเนิ่นนานพลันไหลทะลักพรั่งพรูออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาแต่มุมปากกลับค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มอ่อนหวานขึ้น นางเริ่มค่อยๆ เดินเข้าไปหาเย่ชิงหาน จากนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็ออกวิ่งช้าๆ จนสุดท้ายจากออกวิ่งช้าๆ จนกลายเป็วิ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว นางออกวิ่งอย่างไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ วิ่งเข้าหาสองแขนที่ยื่นออกมา วิ่งเข้าสู่อ้อมอกที่ไม่ใหญ่หนามากนักของเย่ชิงหาน...
.................................
“สุดยอดไปเลย! สือซาน วิชาต่อสู้ของนายน้อยตระกูลเ้ามันคืออะไร? ทำไมถึงสุดยอดพิสดารถึงเพียงนี้? คาดคิดไม่ถึงเลยจริงๆ!”
“ถูกต้องๆ! สามารถเทียบได้กับเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับเทพที่เล่าลือกันเลยก็ว่าได้! อย่าบอกนะว่าพวกเ้าที่หายไปสิบกว่าวันคือเข้าไปภายในสุสานโบราณของเทพาแล้วได้รับสมบัติล้ำค่าของเทพามา?”
“เคล็ดวิชาระดับเทพ! จะต้องเป็ระดับเทพอย่างแน่นอน ต่อให้ท่านหัวหน้าตระกูลเยว่ของพวกข้าใช้วิชาโจมตีทางิญญาด้วยพลังทั้งหมดก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ จะต้องเป็เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับเทพแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ฮวาซิน เฟิงเิ และเยว่เซียนกูรุมล้อมพวกเย่สือซาน เริ่มสอบถามถึงแสงสีม่วงที่ปรากฏออกมาจากร่างของเย่ชิงหานเมื่อสักครู่ก่อนหน้า มันเป็สิ่งที่ทำให้น่าตื่นตระหนกเป็อย่างมาก สามารถทำให้คนกลุ่มใหญ่ตกอยู่ในวังวนของภาพลวงตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เกิดผลนั้นค่อนข้างยาวนาน เคล็ดวิชาต่อสู้ที่แปลกประหลาดพิสดารเช่นนี้มีเพียงเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับเทพที่เล่าลือกันเท่านั้นถึงจะทำได้
“อืม...เื่นี้ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน พวกข้าติดอยู่ที่หุบเขาัดำสิบกว่าวัน เนื่องจากเยาขาข่าและหมันก้านที่ไปบุกโจมตีัดำถึงทำให้พวกข้าได้โอกาสหนีรอดออกมา สุสานโบราณของเทพา? ไม่ได้มีของแบบนั้นหรอก เพียงแค่นายน้อยได้รับผลึกัมาเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับของสิ่งนี้หรือไม่?” เย่สือซานยิ้มออกมาเจื่อนๆ เขารู้แค่เพียงว่าเย่ชิงหานหลอมผลึกั และเคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์อย่างเนตรสยบิญญาได้พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจนกลายเป็พลังหลอนสั่นคลอนิญญา แน่นอนว่าเื่นี้เขาไม่กล้าพูดออกมาเพราะมันเป็ไพ่ตายของเย่ชิงหาน
“ไม่ต้องหันมาหาข้าเลย จนถึงตอนนี้ตัวข้าเองก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลย!” เย่สือชีแบมือออกมาตอบปฏิเสธไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
เย่ชิงอู่ไม่มีอารมณ์มาตอบปัญหาความสงสัยของพวกเขาเ่าั้ นางมองดูเยว่ชิงเฉิงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ภายในอ้อมกอดของเย่ชิงหานอย่างขัดใจ แล้วนางก็นิ่งเงียบไปไม่พูดไม่จา
“เหอะๆ! ให้ข้าอธิบายน่าจะดีกว่า ความจริงคือในขณะที่ข้าหลอมผลึกันั้นโชคดีไปกระตุ้นวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่เป็ประเภทโจมตีทางิญญาเข้า ก็ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง!” เย่ชิงหานมองเห็นพวกเย่สือซานที่ถูกรุมล้อมและสีหน้าแววตาของทุกคนที่มองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น เขารู้ได้ทันทีว่าหากตนเองไม่พูดอะไรออกมาสักหน่อยคงยากที่จะทำให้ทุกคนหายสงสัยได้ มือตบปลอบไปที่หลังของเยว่ชิงเฉิงเบาๆ ก่อนจะพูดอธิบายขึ้น
“เอ่ออ...!”
ทุกคนต่างพากันกลอกตาขาวมองบนในทันที เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำอธิบายที่ได้ยิน อธิบายลวกๆ จนเกินไป แต่ก็อย่างว่ามันเป็ไพ่ตายของคนอื่นพวกเขาจะไปสอบถามเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตนเองก็คงดูไม่สมควรนัก
“อืม! ชิงเฉิง! วานให้เ้าช่วยสักเื่หนึ่ง” เย่ชิงหานไม่ได้หันไปสนใจทุกคนอีก ตบหลังของเยว่ชิงเฉิงเบาๆ อีกครั้ง ไม่มีเวลาไปรับรู้ััถึงผิวที่ขาวเนียนของนางที่แนบกายอยู่ ใบหน้าของเขายิ้มออกมาเจื่อนๆ สีหน้าเริ่มขาวซีดเผือดขึ้น
“หืม?” เยว่ชิงเฉิงเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสดใสที่เต็มไปด้วยน้ำตามองมาด้วยความรักและความเขินอาย
“บอกให้แม่นางหลงเก็บกวาดสนามรบ อีกเื่...อย่าแพร่งพรายเื่ที่ข้าสลบหมดสติออกไปให้คนอื่นรู้ ข้าใช้พลังิญญามากเกินไปจำเป็จะต้องทำการพักฟื้นสักหลายวัน!” พูดจบ เย่ชิงหานหลับตาลงในทันใดและหมดสติไปในทันที เพียงแต่ว่าลักษณะท่าทางที่ยืนอยู่ของทั้งสองค่อนข้างคลุมเครือ คนที่มองเข้ามาจะมองเห็นคล้ายกับว่าเย่ชิงหานและเยว่ชิงเฉิงกำลังยืนกอดกันอย่างแแ่อย่างไรอย่างนั้น...
.................................
“ว่าอย่างไรนะ?”
เพล้ง!
ภายในถ้ำเขตพื้นที่จุดรวมพลชั่วคราวของเขตปกครองเทพาภายในอาณาเขตพื้นที่สนามรบตะลุมบอน แก้วน้ำชาในมือของเสว่อู๋เหินร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ดวงตาคู่สีเทาดำของเขาทอประกายแสงของความตื่นตระหนกและสงสัยขึ้น เขามองดูหน่วยสอดแนมของตระกูลคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นเดินวนไปมาภายในถ้ำอยู่หลายรอบก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง
“เ้าแน่ใจว่าข่าวกรองนี้เป็ความจริง? ถ้าหากเป็เท็จละก็ข้าจะตัดหัวของเ้าทิ้งซะ!”
หน่วยสอดแนมของตระกูลเสว่คนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ข้าน้อยกล้าเอาหัวเป็ประกันว่าข่าวกรองที่ได้รับไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวกรองชิ้นนี้ได้รับมาจากหน่วยสอดแนมของตระกูลหลายคนที่ไปทำการสอดแนมอยู่โดยรอบ สุดท้ายถึงได้สรุปออกมา หาไม่แล้วข้าน้อยคงไม่กล้ากลับมารายงาน!”
“เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้! เย่ชิงหานจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไร? เป็ไปไม่ได้ ข้าไม่เขื่อ...” เสว่อู๋เหินดวงตาจ้องมองดูหน่วยสอดแนมที่นั่งคุกเข่าร่างสั่นเทิ้มอยู่บนพื้นอย่างเนิ่นนาน สุดท้ายส่ายหัวไปมาไม่หยุดพร้อมกับพูดออกมา
“นายน้อย ข้าคิดว่าข่าวกรองที่ได้รับน่าจะเป็ความจริง เสว่ชุนคงไม่สรุปข่าวกรองที่เป็เื่สำคัญร้ายแรงเช่นนี้ผิดพลาดมาแน่ เสว่ชุนเ้าถอยออกไปก่อน!” ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบของตระกูลเสว่ที่อยู่ข้างๆ บนใบหน้าล้วนปรากฏแววตื่นตระหนกไม่ต่างกัน สีหน้าดำคล้ำนิ่งเงียบอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยออกมา
“เป็ไปไม่ได้...เย่ชิงหานไอ้ลูกสุนัขนั่นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? สามารถสังหารหมู่นักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนให้ตายเป็เบือได้ แถมยังสังหารเยาขาข่าได้ในพริบตาอีก? คนเดียวสยบกองทัพนับหมื่น ต่อให้เย่เตาตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สามารถที่จะทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน! เป็ไปได้อย่างไร? ทำไมเื่ดีๆ ทั้งหลายถึงเกิดขึ้นกับมันไปเสียทุกอย่าง?”
เสว่อู๋เหินยังคงส่ายหัวไปมาไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด สายตามองไปบนโต๊ะที่อยู่ภายในถ้ำเพื่อที่จะมองหาของมาทุบทำลาย แต่บนโต๊ะกลับไม่มีของสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกแล้วเหลืออยู่เฉพาะแต่โต๊ะที่ว่างเปล่า อดไม่ได้จึงทุบลงไปบนโต๊ะอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่ง
“นายน้อย!” ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกคนที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมาในทันที “เื่พวกนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาของพวกเราในตอนนี้คือเย่ชิงหานตอนนี้แข็งแกร่งเป็อย่างมาก แข็งแกร่งถึงขนาดว่าสามารถสังหารใครก็ได้ที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดนี้ในพริบตา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่านายน้อยปล่อยแมลงอำพรางไว้บนตัวเขา พูดในแง่ดีอีกหน่อย ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ แต่ถ้าหากเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาอาจจะไปบีบบังคับเค้นถามเอาความจริงจากหมันก้านได้ ดังนั้นในตอนนี้พวกเราตกอยู่ในอันตรายแล้ว...และเป็อันตรายอย่างร้ายแรงที่สุด ตอนนี้เื่เร่งด่วนที่พวกเราควรจะต้องทำมากที่สุดคือหนีเอาชีวิตรอด! ควรจะหนีไปที่ไหน แล้วต่อไปจะเอาอย่างไรกันต่อดี?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้