ไป๋เฉินยืนขึ้นพร้อมทั้งสังเกตกริชทั้งสี่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจกับตัวเอง
แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายในกระโจม กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นสั่นะเืไปทั่วทั้งอาคารตระกูลฉิน "ไป๋เฉิน! โผล่หัวออกมา!"
ไป๋เฉินที่กำลังจะก้าวเท้าเพื่อไปอาบน้ำ ก็อดไม่ได้ที่จะสบถอย่างเสียอารมณ์ "เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกแล้ววะเนี่ย!"
ผลสุดท้ายเขาทำได้เพียงเดินออกจากลานไปโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์แม้แต่น้อย
.
.
.
"ท่านพ่อ ไป๋เฉินมันทุบตีข้าและลูกน้องข้าอีกสองคน ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้า!"
"เ้ากำลังปักปำพี่เขยของข้า! พี่เขยของข้าเพียงแค่สะกดจุดของเ้าทำให้หมดสติไปก็เท่านั้น!"
"เ้ามันโป้ปด! ไป๋เฉินทุบตีข้าอย่างรุนแรงในขณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนข้าต้องมีสภาพเช่นนี้ ไปเรียกให้ไป๋เฉินมาคุกเข่าขอขมาแก่ข้าเดี๋ยวนี้"
"เ้า! เ้ากลับขาวเป็ดำเช่นนี้ได้อย่างไร!"
ด้านหน้าตระกูลฉิน ฉินเหวินเทียนกำลังโต้เถียงกันกับชายหนุ่มในอาภรณ์สีม่วงอยู่ในระยะไกล แต่ร่างสีม่วงนั้นกลับมีรอยปูดบวมฟกช้ำบนใบหน้า ตาขวาปิดลงครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นห้อเืจากถุงใต้ตากำลังตอบโต้ตะคอกกลับร่างนั้นคือหยางเหมิน
ฉินเหวินเทียนกัดฟันอย่างไม่อดทน พลังปราณของเขากำลังไหลเวียนก่อเกิดเป็มวลพลังงานปกคลุม
หยางเหมินกล่าวอย่างน่าเห็นอกเห็นใจมองไปยังชายชราข้างกาย "ท่านพ่อ ไป๋เฉินบังอาจมาทุบตีข้าโดยไม่มีสาเหตุ ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้า"
หลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ไป๋เฉินที่เพิ่งเดินมาถึงก็ต้องพบเจอเข้ากับกลุ่มคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือฉินเยว่ฉาน ฉินิหยวนและฉินเหวินเทียน
ตรงข้ามคือชายชราในอาภรณ์สีม่วงและหยางเหมินที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ราวกับว่าไปฟัดกับหมาที่ไหนมาสักแห่ง
"มันอยู่นั่น ไป๋เฉินอยู่ที่นั่น" ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใดบุคคลที่ะโเสียงดังกลับกลายเป็ฉินิหยวนเสียอย่างนั้น
หากไป๋เฉินหลบซ่อนอยู่ภายในโดยไม่ยอมเผยตัวออกมา แน่นอนว่าตระกูลหยางไม่มีความกล้ามากพอที่จะบุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของตระกูลฉินเป็แน่
แต่ฉินิหยวนกลับพยายามที่จะยุแหย่ให้ไป๋เฉินยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในครั้งนี้เสียให้ได้
ฉินเยว่ฉานจ้องมองฉินิหยวนด้วยสายตาแข็งกร้าว รัศมีจิตสังหารของนางพลันะเิออกอย่างโกรธจัด "ฉินิหยวน เ้ากำลังทำอะไรอยู่!"
เมื่อััได้ถึงเจตนาฆ่าในแววตา ฉินิหยวนอดไม่ได้ที่จะถอยร่นกลับไปสามก้าว ก่อนจะก้มหน้าด้วยร่างกายที่กำลังสั่นเทา แต่ในมุมก้มมันกลับเผยรอยยิ้มแสยะบางเบา
ไป๋เฉินย่างฝีเท้าอย่างไร้กังวล เดินแหวกกลุ่มฝูงชนและมาหยุดลงข้างๆฉินเยว่ฉาน เขาเหลือบมองหยางเหมินในขณะเอ่ยถาม "เยว่ฉาน เหตุใดเ้าไม่ให้เงินมันไปเสีย ขอทานผู้นี้มันจะได้กลับๆไปเสียที"
"ปู้!"
"ปู้!"
ฉินเยว่ฉานและฉินเหวินเทียนที่กำลังอยู่ในสภาวะจริงจังก็มิอาจกลั้นเสียงหัวเราะได้ พวกเขาทั้งสองสะอื้นจนไหล่สั่นราวกับกำลังพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิต
ชายชราในอาภรณ์สีม่วงมีสีหน้ามืดมนในบัดดล "ในที่สุดเ้าก็โผล่หัวออกมา! มาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าบุตรชายของข้าเดี๋ยวนี้!"
ไป๋เฉินเดินผ่านร่างฉินเหวินเทียนและฉินเยว่ฉานด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าสองพ่อลูก เขายื่นมือออกไปโบกลอยๆราวกับกำลังไล่สุนัข "ไปซะ ชิ่วๆ ที่นี่คือตระกูลฉินไม่ใช่ที่สำหรับขอทาน"
"ห๊ะ!"
"ห๊ะ!"
"ห๊ะ!"
ทุกผู้คนอุทานด้วยสีหน้าตกตะลึง
"เ้าพูดว่าอะไร!" ชายชราตะคอกด้วยความโกรธที่กำลังพุ่งพล่าน
"ข้ากำลังไล่ขอทาน...เป็ไปได้ไหมว่าท่านคือขอทานคนนั้น?" ไป๋เฉินแสดงสีหน้าที่สับสนราวกับชายหนุ่มใสซื่อ
ชายชราแทบจะกระอักเืออกมาเต็มปากจากความโกรธ "ไอ้หนู! เ้ารนหาที่ตาย!"
ไป๋เฉินเพียงถอนหายใจ เขาหันหลังกลับไปพลางโบกมือ "ข้านึกว่าจะเป็เื่สำคัญ ที่แท้ก็แค่เื่ขี้หมาเท่านั้น...กลับไปซะ ข้าไม่มีเวลามาเสียกับเื่ไร้สาระ หาก้าความจริงก็ไปสอบถามกับศาลาเมฆินทร์ให้มันสิ้นเื่"
"ไป๋เฉิน หยุดเดี๋ยวนี้!" จู่ๆพลังปราณพลันแผ่ซ่านออกจากร่างของหยางเหมินที่มีใบหน้าบวมเป่ง มันพุ่งตรงไปยังไป๋เฉินด้วยมีดสั้นในมือขวาหมายที่จะลอบจู่โจมจากทางด้านหลัง
ไม่มีผู้ใดคาดฝันว่าหยางเหมินจะกล้าลงมือสังหารไป๋เฉินภายในตระกูลฉินเช่นนี้!
"ระวัง!" ฉินเหวินเทียนและฉินเยว่ฉานต่างก็หน้าถอดสี ด้วยระยะห่างเพียงแค่นี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าไปช่วยได้ทันการณ์
ทันใดนั้นไป๋เฉินหันกายกลับมาเผยให้เห็นรอยยิ้มแสยะประดุจดั่งปีศาจกระหายเื
"ไม่ดี! หยุดก่อน!" ชายชราพยายามะโห้ามไว้เมื่อตระหนักได้ถึงสายตาที่บ้าคลั่งของไป๋เฉินเมื่อครู่
แต่มันก็สายเกินไปมีดสั้นของหยางเหมินแทงจั่วลม โดยที่ร่างของไป๋เฉินปรากฏเป็แสงวาบหายไปจากตำแหน่งเดิมพร้อมสายลมโชยอ่อนๆพัดผ่านไป
หยางเหมินกำลังตกตะลึง กลับมีแสงสีดำส่องประกายสะท้อนกับแสงสุริยัน กริชสั้นเล่มนั้นกำลังจดจ่ออยู่ที่คอหอยของหยางเหมินโดยมือที่เพรียวบางของไป๋เฉินบีบรัดคอไว้จนแน่น "น่าสนใจ..."
ทุกผู้คนที่กำลังมองอยู่แสดงสีหน้าตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามภายในใจ
นี่คือไป๋เฉินขยะไร้ประโยชน์ผู้นั้นจริงๆหรือ?
เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่ามันเป็คนละคนกันอย่างไรอย่างนั้น
การเคลื่อนไหวเช่นนี้...ผิดปกติเกินไป
เห็นได้ชัดว่าแม้นไป๋เฉินจะเป็ขยะ แต่การตอบสนองต่ออันตรายนั้นนับว่าเฉียบแหลมเสียยิ่งกว่าเมื่อต้องเทียบเคียงกับบุคคลที่มีอายุไล่เลี่ยกัน
ชายชราในอาภรณ์สีม่วงแสดงสีหน้าโกรธจัด มันะเิพลังปราณพร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าทุกขณะ "ปล่อยเขา!"
แต่ไป๋เฉินเพียงกดกริชให้แนบชิดคอของหยางเหมินยิ่งขึ้นปรากฏเป็รอยกรีดที่ลำคอ "เ้าเฒ่า หากเ้าขยับแม้แต่น้อยนิด...ไอ้เด็กเวรนี่ตายแน่"
ความคมของกริชเล่มนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเขาออกแรงแม้เพียงน้อยนิด หยางเหมินจะต้องไปคุยกับยมบาลทันที
"ท่านพ่อ ช่วยข้า-" หยางเหมินกรีดร้องอย่างหวาดกลัว หากมันขยับตัวเพียงเล็กน้อยกริชสีดำคงจะปาดผ่านคอของมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ชายชรากลับไม่สนใจ มันเชื่อว่าไป๋เฉินจะไม่กล้าลงมือเป็แน่ ดังนั้นมันจึงดีดตัวพุ่งทะยานหมายจะจู่โจมไป๋เฉินอย่างไม่เกรงกลัว
"วู้ม!"
แต่จู่ๆกลับมีแสงสีฟ้าวาบประกายปรากฏขึ้นปิดกั้นเส้นทางของชายชราไว้ ร่างนั้นจ้องเขม็งด้วยแววตาแข็งกร้าว "หยางลั่ว เ้ากล้าบุกรุกและเข้ามาทำร้ายบุตรเขยของข้างั้นรึ!"
หยางลั่วขมวดคิ้วพลางหยุดฝีเท้า พลันะโอย่างไม่ยอมความ "เ้าเฒ่าฉิน! ไป๋เฉินบังอาจทำร้ายบุตรชายของข้าที่ศาลาเมฆินทร์ ซ้ำแล้วมันยังดูถูกข้าว่าเป็ขอทาน เ้าจะอธิบายเื่นี้แก่ข้าได้อย่างไร!?"
ทว่าฉินเหยียนมองตรงด้วยสีหน้าราบเรียบ "หยางลั่ว ข้ารู้ว่าบุตรชายของเ้าถูกทำให้หมดสติเท่านั้น ข้าได้ยินเื่นี้มาจากเหวินเทียนทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เ้ากำลังกระทำคือการปักปำตระกูลฉินของข้าอย่างเห็นได้ชัด"
"เป็ไปได้ไหมว่าเ้าคิดว่าข้าฉินเหยียนผู้นี้เป็ลูกพลับที่นวดได้ง่าย!"
"วู้ม!!!"
แรงกดดันราวกับภูผาถล่มกดข่มไปยังหยางลั่วอย่างหนักหน่วง จนมันอดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสี
"ไสหัวไป! หากเ้ากล้าที่จะทำร้ายบุตรเขยของข้าอีกครา...คราวหน้าเ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้" รูม่านตาของฉินเหยียนฉายแววบ้าคลั่ง
หยางลั่วที่กำลังฮึกเหิมกลับแสดงสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าหากมันดันทุรังไปมากกว่านี้จะไม่เป็การดีต่อตระกูลหยางของมัน
มันจึงชี้ไปยังไป๋เฉินก่อนจะกล่าวอย่างไม่เต็มใจ "เช่นนั้นปล่อยบุตรชายของข้าได้แล้ว"
"ไป๋เฉิน ปล่อยมันไป" ฉินเหยียนโบกมือพลางกล่าว
ทว่าไป๋เฉินกลับส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย "แต่ท่านลุง มันกล้ากล่าวหาและใส่ร้ายข้าทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียชื่อเสียง ซ้ำยังพยายามลอบโจมตีข้าจากด้านหลัง หากข้าไหวตัวไม่ทันข้าต้องตายไปโดยเปล่าประโยชน์งั้นหรือ?"
"เ้า้าอะไร!?" คิ้วของหยางลั่วขมวดเป็ปมพลันคำรามอย่างไม่สบอารมณ์
มันรู้ดีว่าฉินเหยียนเป็ห่วงเป็ใยไป๋เฉินมากเพียงใด หากมันดื้อดึงไปมากกว่านี้ เกรงว่าอาจจะเกิดเื่ราวใหญ่โตตามมาก็เป็ได้
ไป๋เฉินเพียงเผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ เขากล่าวด้วยเสียวแ่เบา "5,000 เหรียญทอง"
เมื่อประโยคนั้นสะท้อนดังก้องในหู พวกเขาทั้งหมดหันขวับไปยังไป๋เฉินราวกับกำลังมองคนบ้า
ฉินเหวินเทียนมองไปยังไป๋เฉินด้วยสายตาเทิดทูนยิ่งกว่าเก่า 'พี่เขยช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก'
แต่ฉินเยว่ฉานกลับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง 'ไป๋เฉินกลับกลายเป็คนหน้าเืั้แ่เมื่อใดกัน?'
"มันมากเกินไป ข้าไม่สามารถให้เ้าได้" หยางลั่วส่ายศีรษะอย่างหนักหน่วงบ่งบอกว่าเป็ไปไม่ได้
"โอ้? เช่นนั้นมารอดูกันว่าหยางเหมินผู้นี้จะตายอย่างไรหากมันต้องมาตกอยู่ในมือของข้า" ไป๋เฉินกล่าวเบาๆด้วยเสียงแ่ กริชกดลงไปที่คอของหยางเหมินจนโลหิตสายเล็กๆหยดลงมา
แม้แต่ฉินเหยียนก็ยังประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยได้เห็นไป๋เฉินในแง่มุมเอาแต่ใจเช่นนี้มาก่อน
ในอดีตไป๋เฉินเป็ชายหนุ่มที่มีบุคลิกที่ยอมคนเสียง่ายๆและจะไม่โต้เถียงกับผู้ใดและปล่อยให้ตนรับความผิดทั้งหมดโดยที่ไม่เอาความ
แต่บัดนี้ไป๋เฉินที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขา ราวกับว่าเป็คนละคนกันอย่างไรอย่างนั้น
"ช้าก่อน!" หยางลั่วกัดฟันอย่างหงุดหงิด มันรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าย่ามและหยิบถุงเงินออกมาโยนไปให้แก่ไป๋เฉินอย่างไม่เต็มใจ "นี่คือ 5,000 เหรียญทองตามสัญญา เช่นนั้นจงปล่อยบุตรชายของข้ามาได้แล้ว"
"เช่นนั้นขอขอบคุณในความเอื้ออาทรณ์ของท่านผู้นำหยาง" ไป๋เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมกับรับถุงเงินด้วยมือขวา แต่ก่อนที่เขาจะผลักหยางเหมินออกไป กลับมีอักขระ 血 สีแดงฉานปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือประทับไปยังต้นคอของมันโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
นี่คือทักษะแรกจากเคล็ดวิชาตราประทับโลหิต : ตราประทับโลหิตติดตาม