“ท่านปู่ พวกข้าจะเข้าไปขายของในอำเภอ”
ถึงอย่างไรก็เป็ผู้ใหญ่ ในยุคที่เคร่งครัดเื่ขนบธรรมเนียมเช่นแคว้นต้าเยี่ย คำว่ากตัญญูสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ฉี่เสียงกับฉี่ชิงจึงตอบกลับด้วยความเคารพ
ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว เอ่ยตำหนิด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไร้สาระ พวกเ้ายังเด็กจะทำการใหญ่ได้อย่างไร ไปขายของในอำเภอ นี่มันไม่ใช่การเสียเวลาเปล่าๆ หรือ?”
“เอาของลงมา แล้วตามปู่ไปทำไร่ แล้วก็เ้าด้วยหลานเอ๋อร์ เป็เด็กผู้หญิงตามไปจุ้นจ้านอะไร ไม่เห็นหรือว่าย่าของเ้ากำลังซักผ้าอยู่? รีบไปช่วยงานเร็วเข้าสิ!”
เด็กๆ ทั้งสามคนถึงกับพูดไม่ออก ปู่ของพวกเขาเป็เช่นนี้ พวกเขาควรทำอย่างไรดี?
โชคดีที่อวิ๋นหลานเอ๋อร์ไหวพริบดี นางะโเสียงดังไปทางห้องของอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ “ท่านปู่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยย่า แต่ที่นี่ก็ยังมีอาหญิงอยู่ไม่ใช่หรือ? พวกเราแยกบ้านกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกท่านไม่อยากให้อาหญิงทำงานบ้าน แล้วทำไมถึงมาเรียกใช้งานข้าเล่า? ลูกสาวของท่านเป็ลูกสาว แล้วลูกสาวของพ่อแม่ข้าไม่ใช่ลูกสาวหรือ?”
เถาซื่อได้ยินเช่นนั้น ถึงกับโมโหจนตัวสั่น บ้านเ้าสามนี่ ั้แ่ที่ไปคบค้าสมาคมกับบ้านเ้ารองก็ถูกชักจูงจนเอาใจออกหากจากนางแล้ว!
“นางเด็กนี่พูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร? อาหญิงของเ้าเป็ผู้ใหญ่ เ้าเป็เด็ก แยกบ้านแล้วอย่างไร? แยกบ้านแล้ว เ้าก็ยังเป็หลานสาวของข้า แยกบ้านแล้ว พ่อเ้าก็ยังเป็ลูกที่ออกมาจากท้องข้าอยู่ดี! ข้าจะสั่งให้เ้าทำงานสักอย่างไม่ได้เลยใช่ไหม นางคนอกตัญญู! ข้าจะตีเ้าให้ตาย!”
พูดจบ เถาซื่อก็คว้าไม้กวาดที่พิงอยู่ข้างกำแพง ฟาดไปที่อวิ๋นหลานเอ๋อร์ อวิ๋นหลานเอ๋อร์วิ่งหลบไปทั่วลานบ้าน พลางะโเสียงดัง “ท่านย่าจะตีคนตายแล้ว แยกบ้านกันแล้วยังจะมาตีข้าอีก! แยกบ้านกันแล้วยังจะให้ข้าไปปรนนิบัติอาหญิงอีก!”
บ้านตระกูลอวิ๋นพลันโกลาหล เพื่อนบ้านได้ยินเสียงก็มามุงดู วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บางคนก็ว่า อวิ๋นหลานเอ๋อร์อกตัญญู บางคนก็ว่าผู้เฒ่าทำเกินไปแล้ว แยกบ้านกันแล้วยังจะให้หลานสาวมาปรนนิบัติลูกสาวตนเอง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ ครึกครื้นยิ่งนัก
ตอนนั้นเอง อวิ๋นโส่วกวงแบกจอบกลับมาจากทุ่งนา ตอนกลางวันเขาต้องไปช่วยอวิ๋นโส่วจงดูแลไร่นา ส่วนไร่นาที่เขาเช่าไว้ ก็ต้องตื่นั้แ่เช้ามืด พาภรรยาไปทำงาน
“เกิดเื่อันใดขึ้น?” ทุกวี่ทุกวันเลยเชียว บ้านหลังนี้ไม่เคยได้สงบสุขเลย
“ฮึ เกิดเื่อันใด? แค่สั่งให้หลานชายหลานสาวมาช่วยงาน ก็สั่งการไม่ได้แล้ว พวกเ้ายังนับถือข้าเป็พ่ออยู่หรือไม่?”
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไร เหตุใดพวกข้าจะไม่นับถือท่านเล่า?” อวิ๋นโส่วกวงรีบกล่าว
“’งั้นก็ดี ถ้าเ้านับถือข้าเป็พ่อ ข้าก็จะถามเ้าต่อหน้าชาวบ้านนี่แหละ เ้าสี่ไม่อยู่บ้าน ไร่นาในบ้านไม่มีคนทำ บ้านเ้าบุตรชายเยอะ ส่งมาช่วยข้าทำนาสองคน”
ได้ยินเช่นนั้นอวิ๋นโส่วกวงก็ลำบากใจ คนในบ้านก็ไม่พออยู่แล้ว จะมีเวลาที่ไหนไปช่วยเขาทำนาอีกเล่า?
ตอนนั้นเอง อวิ๋นโส่วเย่ากับภรรยาก็กลับมาจากทุ่งนาพอดี เห็นพี่ชายถูกพ่อของตนถามจนพูดไม่ออก จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ พวกเราก็แยกบ้านกันแล้ว ตอนแยกบ้านก็ตกลงกันแล้วว่า ปีหนึ่งจะมอบเงินให้ท่านสิบตำลึง”
“พวกข้าพี่น้องสามคนรวมกัน ปีหนึ่งก็สามสิบตำลึงเงินแล้ว สามสิบตำลึง ในหมู่บ้านไหวซู่มีบ้านไหนได้เช่นนี้บ้าง หักค่าใช้จ่ายของท่านพ่อท่านแม่แล้ว เงินที่เหลือไม่พอให้ท่านจ้างคนงานเลยหรือ?”
ส่วนเฉาซื่อก็ดึงอวิ๋นหลานเอ๋อร์มากอดไว้ ใช้แผ่นหลังรับการตีจากไม้กวาดของเถาซื่อหลายครั้ง ถึงแม้ว่าในชนบท เื่แม่ผัวตีลูกสะใภ้จะเป็เื่ปกติ แต่การที่ตีลูกสะใภ้ต่อหน้าเพื่อนบ้านเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เื่ที่พบเห็นได้บ่อยนัก
เพราะอย่างไรเสีย ก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเองบ้าง เฉาซื่อถูกเถาซื่อตีต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้าน จึงเริ่มเข้าข้างอวิ๋นโส่วเย่า
“ถูกของเขา สามสิบตำลึงเชียวนะ อย่าว่าแต่หมู่บ้านเราเลย ต่อให้เป็ในตำบลไป๋อวิ๋นก็หาได้ยาก”
“แยกบ้านกันแล้ว จะเอาทั้งเงิน ทั้งเรียกใช้งาน ช่างไม่สมควรเกินไปแล้ว”
“ใจคนเรานี่ ไม่รู้จักพอโดยแท้”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของผู้เฒ่าอวิ๋นก็พลันแดงก่ำ
“ก็เ้าห้ามันเอาเงินไปสอบเคอจวี่มิใช่หรือ? มิเช่นนั้น ข้าจะไม่จ้างคนงาน ปล่อยให้ไร่นาถูกทิ้งร้างหรือ? แยกบ้านก็แยกบ้านเถอะ แต่พวกเ้าก็ยังเป็ลูกข้า! ไม่มีเหตุผลที่จะเห็นพ่อแก่ๆ ทำงานในไร่อยู่คนเดียวโดยไม่รู้จักช่วยเหลือ!”
อวิ๋นโส่วเย่ากล่าวต่อ “ท่านพ่อ พวกข้าให้ท่านสามสิบตำลึง เงินจำนวนนี้ เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายของท่านทั้งสองแล้ว ส่วนไร่นานั้น หากท่านพ่อทำไม่ไหว ก็ให้คนอื่นเช่าเหมือนพี่รองไปเถิด รอเก็บค่าเช่าอย่างเดียวก็พอ”
ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนหนวดกระดิก แต่ชาวบ้านต่างก็เข้าข้างอวิ๋นโส่วเย่ากับอวิ๋นโส่วกวง
“ท่านพี่ เ้าสามพูดถูกแล้ว มีลูกชายดีๆ เช่นนี้ ท่านยังจะทำนาทำไม ปล่อยไร่นาให้คนอื่นเช่าไป ใช้ชีวิตแล้วอยู่บ้านสบายๆ ไปเถิด จะไปเหนื่อยทำไมกัน?”
“ใช่ๆ พี่สามอวิ๋นพูดถูกต้อง!”
เห็นว่าได้โอกาสแล้ว อวิ๋นโส่วเย่าจึงเรียกสองพี่น้องฉี่เสียงกับฉี่ชิง “พวกเ้าสองคนยืนทำอะไรกัน เมื่อคืนก็เตรียมของกันจนดึกดื่นแล้ว รีบเข้าอำเภอไปเร็วเข้า ไปช้าระวังไม่มีที่ ของขายไม่ออกจะทำอย่างไร พวกนั้นล้วนซื้อมาด้วยเงินทั้งนั้น! หลานเอ๋อร์เ้ายังไม่รีบตามพี่ชายเ้าไปอีก?”
“เ้าค่ะท่านพ่อ ท่านปู่ ท่านลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ พวกข้าไปก่อนนะเ้าคะ!” มีอวิ๋นโส่วเย่าคอยคุ้มกัน เด็กๆ ทั้งสามคนจึงรีบฉวยโอกาส ฝ่าวงล้อมของชาวบ้าน ลากเกวียนวัวจากไป วันนี้พวกเขาตั้งใจจะไปขายเม่าไช่ เกือบจะเสียเื่แล้ว
เห็นเด็กสามคนจากไป เถาซื่อก็ไม่สนใจอะไรอีก ทิ้งตัวลงไปนั่งร้องไห้โฮ “ข้าไม่อยู่แล้ว ลูกที่คลอดออกมาจากท้องตัวเองแท้ๆ กลับร่วมมือกับคนนอก รังแกพ่อแม่ตัวเอง! คนแก่อย่างพวกเราเรียกใช้งานหลานสักคนก็ไม่ได้ ยังมีหน้าอยู่ไปทำไม?”
อย่างไรเสีย เถาซื่อก็เป็แม่ของตน ต่อให้อวิ๋นโส่วเย่าจะรังเกียจนางเพียงใด ก็ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย
เฉาซื่อร่วมหอลงโรงกับเขามาหลายปี ย่อมรู้ความคิดและข้อกังวลของเขาเป็อย่างดี จึงรีบเข้าไปประคองเถาซื่อ ส่วนจ้าวซื่อก็รีบเข้าไปช่วยอีกแรง เถาซื่อเห็นว่ามีคนให้ทางลงเช่นนี้ ก็ไม่อยากโวยวายต่อ เพราะอย่างไรเสียก็มีชาวบ้านมามุ่งดูอยู่ จึงยอมลุกขึ้น
เฉาซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่ เข้าไปพักในห้องเถิด ข้าจะซักผ้าเองเ้าค่ะ”
มีคนช่วยทำงาน เถาซื่อก็รู้สึกพอใจ ถึงแม้จะแยกบ้านกันแล้ว แต่ลูกสะใภ้คนนี้ นางก็ยังกำราบได้อยู่ดี
นางหันไปมองจ้าวซื่อ “กระดูกข้ามันไม่ค่อยดี หมูในคอกก็ยังไม่ได้ให้อาหาร ไก่ก็ยังไม่ได้ให้อาหาร คอกก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด ถ้าเ้าสี่อยู่ ข้าจะต้องรบกวนพวกเ้าเช่นนี้หรือ? เ้าสี่ก็ถูกคนอื่นทำร้ายจนต้องติดคุก… ฮือ… ชีวิตข้าช่างน่าเวทนานัก!”
พอได้ยินเช่นนั้น จ้าวซื่อกลัวว่านางจะพูดจาไม่เข้าหู จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ ข้าไปให้อาหารหมูกับไก่เอง ท่านอย่าโกรธเลย”
เห็นว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ่นี้เป็่ฤดูใบไม้ผลิ ทุกบ้านต่างก็มีงานมากมาย ไม่มีใครมีเวลาว่าง ดูเื่สนุกๆ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
เถาซื่อกลับมานั่งบนเตียงอุ่น เฉาซื่อยกตะกร้าเสื้อผ้าของครอบครัวพวกเขาออกมาซัก ส่วนจ้าวซื่อก็ไปให้อาหารหมูที่คอก ทว่ากลับพบว่าไม่มีหญ้าให้หมูกิน จึงเดินไปที่ห้องโถงแล้วเอ่ยถาม “ท่านแม่ หญ้าเลี้ยงหมูอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ?”
ไม่มีคนนอกแล้ว ธาตุแท้ของเถาซื่อก็เผยออกมา “เ้าไม่รู้จักไปหาเองหรือไง ทำไมเล่า จะให้ยายแก่ๆ อย่างข้าไปตัดหญ้ามาให้เ้าถึงที่หรือ? เช่นนั้นข้ายังต้องให้เ้ามาเลี้ยงหมูทำไม?”