เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำประกาศกร้าวนี้ก็รีบพูดขึ้น “ข้าพูด ข้าพูด”
อวิ๋นหวนมองอวิ๋นซีอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นางทำได้แล้วจริงๆ ? คนผู้นี้ยอมเปิดปากพูดแล้วจริงๆ ?
ส่วนจวินเหยียนนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงรุดไปด้านหน้าแล้วดึงอวิ๋นซีมาไว้ข้างกาย ไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนนี้เขาถึงได้คิดอยากโอบนางไว้ในอ้อมแขนตน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้น จิตใจเขาจึงจะสงบลงได้
อวิ๋นซีรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของเขา หัวใจที่เ็าพลันเปลี่ยนเป็อบอุ่นขึ้นมา ในขณะที่จิตใจด้านเหตุและผลบอกนางว่าต้องผลักบุรุษผู้นี้ออกไป ทว่าในห้วงลึกของหัวใจกลับละโมบความอบอุ่นที่เขามอบให้ ท้ายที่สุดนางจึงได้แต่อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเขาพลางมองอวิ๋นหวนซักถามชายคนนั้น
อวิ๋นหวนถาม “เ้าเป็ใคร? มีนามว่าอะไร? แล้วมาทำอะไรที่หานโจว? ”
คนผู้นั้นรีบตอบทันที “ข้ามีนามว่าเฉียวจี๋ เป็บุตรนอกสมรสของเฉียวกั๋วกง”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปาก สตรีที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของจวินเหยียนก็ถึงกับแข็งค้างไปทั้งร่าง เขาว่าอะไรนะ? บุตรนอกสมรสของเฉียวกั๋วกง?
บิดาเฉียวทรยศมารดา เลี้ยงดูสตรีไว้ด้านนอก?
แม้แต่อวิ๋นหวนเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนี้ เฉียวกั๋วกงนั้นมีชื่อเสียงมากเื่รักใคร่ภรรยา ดังนั้น คนจะเลี้ยงสตรีไว้ข้างนอกได้อย่างไร ทั้งยังมีบุตรที่โตเพียงนี้แล้ว คนผู้นี้ดูไปแล้วน่าจะมีอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ส่วนบุตรชายคนโตของเฉียวกั๋วกง หากว่ายังมีชีวิตอยู่ก็คงแค่ยี่สิบหกปีเท่านั้น
“บางทีพวกเ้าอาจจะกำลังเคลือบแคลงและไม่อยากเชื่อในคำข้า ทว่าเื่จริงก็เป็เช่นนี้ เมื่อยี่สิบเก้าปีก่อน เฉียวกั๋วกงที่เพิ่งมีอายุสิบเจ็ดได้ออกไปท่องเที่ยวเพื่อศึกษาหาความรู้อยู่ด้านนอกได้บังเอิญพบเจอกับมารดาข้า ในตอนหลังคนทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กัน เดิมทีเขาเองก็เคยคิดจะพามารดาข้ากลับจวนกั๋วกง เพื่อมอบฐานะให้นาง แต่โชคไม่ดีเท่าไรที่ทางชายแดนแจ้งเหตุด่วนมาเสียก่อน เฉียวกั๋วกงจึงได้แต่ต้องติดตามผู้เฒ่ากั๋วกงไปออกรบ ทว่า หลังจากที่เขาจากไปได้ไม่นาน มารดาข้าก็ตั้งครรภ์ ก่อนจะให้กำเนิดข้าภายใต้สายตาดูแคลนและคำด่าทอว่าร้ายของผู้อื่น...ถึงกระนั้นนางก็ยังคงรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ที่นั่นอย่างยากลำบาก อดทนรอเพียงเขากลับมาแต่งงานกับนาง หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสองปี แคว้นหนานเย่าก็ได้รับชัยชนะ เฉียวกั๋วกงจึงได้ติดตามทัพกลับราชสำนัก และในตอนนั้นเองที่ทัพใหญ่กำลังจะเดินผ่านมารดาข้า เดิมทีนางคิดอยากจะพาข้าไปดูเขาด้วยกัน มิคาดจะต้องมาได้ยินข่าวสาวงามช่วยบุรุษ เป็คุณหนูใหญ่ตระกูลโหว [1] ที่ยอมแต่งกายเป็ชายด้วยตั้งใจจะช่วยชีวิตเฉียวกั๋วกงจนแทบจะต้องสละชีวิตตนเองไป สุดท้ายคนทั้งสองก็หมั้นหมายกัน และจะแต่งงานกันเมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง ในตอนนั้นบังเอิญมารดาข้าได้เห็นชายคนนั้นกับสตรีที่ปลอมตัวเป็ชายจากจวนโหวกำลังสบประสานสายตาให้กันและกัน นับแต่นั้นเป็ต้นมา ใจของมารดาข้าก็ได้แหลกสลายกลายเป็เถ้าถ่าน ไม่กี่ปีหลังจากนั้นนางก็ล้มป่วย”
“ถึงกระนั้นในตอนหลังเป็เพราะข้ามีพร์สูงด้านวรยุทธ์ จึงถูกคัดเลือกเข้าไปฝึกฝนเป็หน่วยกล้าตาย จากนั้นก็ถวายความจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน”
อวิ๋นซีผละออกจากอ้อมกอดจวินเหยียนอย่างรุนแรง จากนั้นจึงถามเสียงเย็น “ตอนนั้นที่ทั้งตระกูลเฉียวกั๋วกงเกิดเื่ขึ้นก็เกี่ยวข้องกับเ้าด้วย ใช่หรือไม่? ” ยามนี้นางนึกออกแล้วว่า ตอนก่อนจะเกิดเื่ขึ้นราวครึ่งปีได้ มารดาตนเคยเขียนจดหมายมาแจ้งข่าวคราวแก่นางว่า บิดามีท่าทีเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เมื่อถามไป อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบ
หรือว่า คนผู้นี้จะอาศัยฐานะของตนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดท่านพ่อ?
“ฮ่าฮ่า” เฉียวจี๋หัวเราะเ็า “ถูกต้อง เื่ของเฉียวกั๋วกงในตอนนั้นก็ข้านี่แหละที่เป็คนทำ ข้าแค้นตระกูลเฉียวนัก หากไม่ใช่เขาที่ละทิ้งภรรยาละทิ้งบุตร มารดาข้าก็คงไม่ต้องตรอมใจตาย และตัวข้าเองก็คงไม่ต้องถูกคนเกณฑ์ไปฝึกให้เป็หน่วยกล้าตายที่ไร้เืเนื้อและจิตใจ ดังนั้น ข้าจึง้าแก้แค้นจวนเฉียวกั๋วกง ข้า้าให้คนตระกูลเฉียวทุกคนชดใช้ให้มารดาข้า”
เมื่ออวิ๋นซีฟังมาถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างก็กำแน่นเข้าด้วยกลัวว่าตนจะมิอาจห้ามใจรุดเข้าสังหารคนที่ช่วยโอวหยางเทียนหัวฆ่าล้างตระกูลนาง ซ้ำร้ายคนผู้นี้ยังเป็บุตรชายนอกสมรสของบิดาตนอีก ฟังๆ ไปแล้วก็น้ำเน่าเสียเหลือเกิน
“เ้าจัดการพวกเขาได้อย่างไร เพราะเฉียวกั๋วกงนั้นมีนิสัยระมัดระวัง รอบคอบ ดังนั้นคนไม่มีทางเชื่อใจใครง่ายๆ เช่นนั้นหรอก” อวิ๋นหวนอดถามไม่ได้ ถึงกระนั้นซักไปซักมาเหตุใดจึงกลายเป็เื่ความรักหลายใจของเฉียวกั๋วกงได้นะ
“ในใจชายผู้นั้นรู้สึกผิดต่อข้าและมารดาข้ายิ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ระแวดระวังในตัวข้า ด้วยเหตุนี้ เื่ที่ข้านำหลักฐานการฏเ่าั้ไปไว้ในห้องหนังสือของจวนเฉียวกั๋วกงได้อย่างไร ก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับความโง่เขลาของเขาแล้ว คนถึงกับพาข้าเข้าไปในนั้นด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้น องค์รัชทายาทเองก็รู้มานานแล้วว่า ในห้องหนังสือของเฉียวกั๋วกงมีทางลับอยู่ ข้าจึงอาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว นำจดหมายที่เตรียมไว้นานแล้วเ่าั้ใส่เข้าไปในช่องทางลับ เพียงเท่านี้ที่เหลือก็แค่รอให้คนของทางการมาเคาะหน้าประตูจวนในวันรุ่งขึ้นก็พอ และเมื่อพวกเขามาตรวจค้นก็ได้เจอเข้ากับจดหมายลับที่เป็การโต้ตอบกันระหว่างเฉียวกั๋วกงกับแคว้นศัตรู นี่แหละ โทษฏจึงได้ถูกกำหนดลงไป”
“ใช่แล้ว นอกจากเื่นี้แล้ว ข้ายังสามารถเล่าเื่การตายของชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซีให้พวกเ้าฟังได้อีกด้วย เพราะเป็ข้าและรัชทายาทที่ช่วยกันวางแผน ยามนั้นชายารัชทายาทกำลังตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ? หึหึ แต่นั่นน่ะไม่ใช่ลูกขององค์รัชทายาทหรอก”
ดวงตาของอวิ๋นซีเบิกกว้าง ไม่ใช่ลูกขององค์รัชทายาท
แล้วในตอนนั้นเด็กที่นางตั้งครรภ์อยู่เป็ลูกของใคร?
“แรกเริ่มเดิมทีรัชทายาทไม่พอพระทัยคนตระกูลเฉียวอยู่นานแล้ว ทั้งยังรู้ดีว่าเฉียวกั๋วกงเคยถวายฎีกาต่อฮ่องเต้อยู่หลายครั้ง เพื่อให้หานอ๋องได้กลับไปยังเมืองหลวง ทำให้รัชทายาทกริ้วเป็อย่างมาก เพราะยามนั้นเฉียวกั๋วกงเองก็เป็ถึงพ่อตาของพระองค์ ส่วนหานอ๋องนั้นเป็พระโอรสสายตรงในฮ่องเต้ หากเขากลับมาเมืองหลวงได้ จะมิใช่เป็การสร้างความลำบากให้รัชทายาทหรอกหรือ ดังนั้น รัชทายาทที่โกรธแค้นเฉียวกั๋วกงอยู่จึงพลอยรังเกียจพระชายาไปด้วย เมื่อสามปีก่อนตอนที่รัชทายาทพาพระชายาออกไปท่องเที่ยว พระองค์ได้ให้คนวางยานาง แล้วจัดให้อันธพาลพเนจรคนหนึ่งเข้าไปในห้องเพื่อร่วมพลิกฟ้าคว้าฝนร่วมกับนาง ดังนั้น ในคืนนั้นบุรุษที่อยู่ในห้องกับชายารัชทายาทย่อมมิใช่รัชทายาท เด็กในท้องของนางก็ย่อมมิใช่บุตรขององค์รัชทายาท”
เมื่ออวิ๋นซีได้ฟังเื่เหล่านี้ สีหน้าพลันซีดเผือด ชายที่น่ารังเกียจผู้นั้นถึงขั้นเตรียมบุรุษแปลกหน้าที่มิรู้ที่มาที่ไปไว้ให้นางร่วมหอห้อง? บุตรสาวของนางมิใช่เืเนื้อเชื้อไขของรัชทายาท? ในที่สุดยามนี้นางก็ได้เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตอนนั้นเขาถึงกล้าวางยาพิษให้นางโดยไม่คำนึงถึงเด็กในครรภ์แม้สักกระผีก
ที่แท้เป็เพราะแบบนี้ เขา้าจะลบนางออกไปอย่างเงียบๆ สตรีที่ตั้งครรภ์อยู่ ทั้งยังป่วยหนักอีก ร่างกายที่อ่อนแอเพียงนั้น หากต้องล้มตายไปก็ถือเป็เื่ธรรมดา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก มิคาดเื่ในตอนนั้นจะเป็เช่นนี้ โอวหยางเทียนหัว ท่านโหดร้ายมากจริงๆ โหดร้ายมาก
จวินเหยียนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของนาง จึงรีบเข้ามาสวมกอดนางไว้ จากนั้นก็หันไปพูดกับอวิ๋นหวน “ที่เหลือฝากเ้าด้วย เราต้องรู้ให้ได้ว่าเป้าหมายในการมาที่นี่ของเขาคืออะไร” เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มอวิ๋นซีจากไป
อวิ๋นหวนรู้สึกว่าพี่ใหญ่และภรรยานั้นแปลกประหลาดยิ่ง พี่สะใภ้ก็จริงๆ เลย ทั้งหมดนี้ล้วนทำไปตามความ้าของนาง แต่สุดท้ายนางกลับใเสียจนหน้าถอดสี
จวินเหยียนอุ้มอวิ๋นซีออกมาจนถึงห้องพักในจวนฉิน จากนั้นจึงวางร่างนางลงบนเตียง แล้วมองอวิ๋นซีที่หน้าเขียวราวกับิญญาไม่อยู่กับตัว “อาซี เ้าเป็อะไรไป? ”
หลังจากได้ยินเื่ของตระกูลเฉียว นางก็ยิ่งมีปฏิกิริยารุนแรงมาก อีกทั้ง หลังจากที่ได้ยินว่ารัชทายาทวางแผนทำร้ายชายาตน สีหน้านางก็ยิ่งเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เื่ของรัชทายาทกับเฉียวอวิ๋นซีหาได้เกี่ยวข้องกับนางสักนิด ดังนั้น เหตุใดนางจึงต้องมีปฏิกิริยารุนแรงเพียงนี้? ทว่า หากเฉียวอวิ๋นซียังมีชีวิตอยู่ และมาได้ยินเื่เช่นนี้เข้า หากคนจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ก็นับว่าปกติ
ชั่วขณะนั้นจู่ๆ ความเป็ไปได้อย่างหนึ่งก็วาบผ่านเข้ามาในสมองของเขา ชายหนุ่มจ้องมองอวิ๋นซี และรู้สึกไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังคิด
หรือเฉียวอวิ๋นซีจะยังมีชีวิตอยู่?
ไม่ ไม่มีทางหรอก อวิ๋นซีที่ดูอย่างไรก็มิใช่ตัวปลอมตรงหน้าจะเป็เฉียวอวิ๋นซีไปได้อย่างไร เขาคงคิดมากไปเอง เป็บ้าไปแล้ว ถึงได้คิดเื่เช่นนี้ออกมาได้
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] โหว(侯)บรรดาศักดิ์ชั้นโหว เป็ตำแหน่งที่ฮ่องเต้จะพระราชทานให้พระญาติฝ่ายนอก รวมถึงขุนนางในราชสำนักที่มีความดีความชอบทางด้านการทหาร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้