เหยาเชียนเชียนจดจ้องไปยังคานไม้แกะสลัก้าแล้วถอนหายใจออกมาเป็ครั้งที่สามสิบแปด ความเป็จริงได้พิสูจน์แล้วว่าการทำงานล่วงเวลาเป็ระยะเวลานานเกินไปสามารถฆ่าคนตายแบบกะทันหันได้จริงๆ
ทว่านางเป็เพียงแรงงานผู้ขมขื่นคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดจึงถูกเลือกให้ย้อนเวลากลับมา และสถานการณ์ในยามนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็แปลกประหลาดเหลือเกิน
“หวังเฟย [1] พระองค์ได้พักบ้างหรือยังเพคะ?” เสียงคนผู้หนึ่งถามขึ้นมาเบาๆ ทิศทางมาจากหน้าประตู
“ยังเลย...” เหยาเชียนเชียนตอบอย่างอ่อนแรง
แม่นมที่อยู่ข้างนอกค้อมศีรษะเดินเข้ามา เมื่อเห็นนางยังอยู่ในชุดวิวาห์สีแดงก็อดทอดถอนใจไม่ได้
“พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่ออันใดเพคะ ท่านอ๋องเสด็จไปที่หอเพียวเซียงแล้ว พระองค์จะทรงรออยู่เช่นนี้อีกสิบปีท่านอ๋องก็ไม่เสด็จกลับมาหรอกเพคะ
เสี่ยวซื่อจื่อ [2] ทรงปลอดภัยแล้ว หากพระองค์้าชิงพระทัยของท่านอ๋องคืนกลับมา วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้เลยเพคะ”
เหยาเชียนเชียนนวดหว่างคิ้ว ั้แ่นางฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินเหล่าสาวใช้พูดกันว่าเ้าของร่างเดิมอภิเษกสมรสเข้ามาไม่ทันไรก็จะบีบคอพระโอรสของชิงผิงอ๋องให้ตายเสียแล้ว โชคดีที่ถูกพบตัวได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเด็กคงไม่รอดเป็แน่
ถึงแม้ว่านางจะยังอยู่ในชุดวิวาห์ แต่ที่จริงแล้ววันนี้เป็วันที่สองนับจากพิธีอภิเษกสมรสเสร็จสิ้น ในคืนวันอภิเษกชิงผิงอ๋องได้คุมขังเหยาเชียนเชียนไว้ในเรือนหอ ส่วนตัวเขากลับเสด็จไปพำนักอยู่ที่หอเพียวเซียงและไม่กลับมาอีกเลย
สมควรแล้ว... เหยาเชียนเชียนทอดถอนใจ วันมงคลแท้ๆ หากไม่อยากเป็แม่เลี้ยงของเขาก็บอกเสียั้แ่แรกสิ เหตุใดต้องลงมือกับเด็กบริสุทธิ์ ซ้ำยังจะฆ่าให้ตายอีกด้วย
“พระองค์รีบผลัดอาภรณ์เถิดเพคะ” แม่นมซึ่งเป็ผู้ติดตามจากจวนเดิมของนาง และดูจะเอ็นดูนางอยู่ไม่น้อยเอ่ยขึ้น “มิเช่นนั้น หากรอท่านอ๋องเสด็จกลับมาทอดพระเนตรเห็นพระองค์ในสภาพเช่นนี้จะยิ่งไม่พอพระทัยนะเพคะ”
เหยาเชียนเชียนมองไปที่แม่นมอย่างไร้เดียงสาและบอกตามความเป็จริง ไม่ใช่นางไม่อยากเปลี่ยน แต่เป็เพราะไม่มีผู้ใดมาดูแลนางต่างหากเล่า ไม่รู้ว่าชิงผิงอ๋องรับสั่งเหล่าข้าหลวงว่าอย่างไร คนเดียวที่นางเห็นั้แ่ตื่นมาจึงมีเพียงแค่แม่นมเท่านั้น
แม้แต่ข่าวเหล่านี้ นางก็ทราบมาจากการที่ตนแอบฟังตรงริมหน้าต่างเสียด้วยซ้ำ ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีอาหาร กาน้ำชาก็ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว สงสัยว่าชิงผิงอ๋อง้าปล่อยให้นางตายจริงๆ
แม่นมมาแล้วก็จากไปอีกครั้ง กล่าวทิ้งไว้เพียงว่า อีกสองวันนางจะต้องกลับจวน และจะต้องทำให้ท่านอ๋องเสด็จกลับไปพร้อมกับนางให้ได้ด้วย ทว่าก็ไม่มีอาหารมาให้นางเลยแม้แต่น้อย
เหยาเชียนเชียนพูดไม่ออก เ้าของร่างเดิมเกือบจะบีบคอบุตรชายของอีกฝ่ายตาย ยามนี้ยังจะให้เขากลับจวนกับตนอีก หากเป็นางคงไม่ยอมตามไปอย่างแน่นอน
ทว่ายามนี้นางทั้งหิวและกระหาย เื่กลับจวนค่อยว่ากัน เพราะหากยังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง นางอาจอยู่รอไม่ถึงชิงผิงอ๋องเสด็จกลับมาเป็แน่
เหยาเชียนเชียนเป็เด็กที่เติบโตมาในชนบท นางมักะโหน้าต่างออกไปคุยเล่นกับเหล่าเพื่อนๆ กิริยามารยาทของนางจึงกระโดกกระเดกไปบ้าง นางถอดเสื้อคลุมตัวนอกและปลดเครื่องประดับไข่มุกออกจากศีรษะ อาศัยจังหวะกลางดึกยามผู้คุมพลั้งเผลอแอบหนีออกมาได้อย่างไม่คาดคิด
อาจเป็เพราะหิวมานานเกินไปจึงทำให้นางตามกลิ่นหอมไปจนกระทั่งเจอห้องเครื่อง แต่แค่เพียงเล็งไปที่ไก่ในจาน ทันใดนั้นขาไก่ที่อยู่บนสุดก็หายไปในชั่วพริบตา
นี่มันอะไรกัน?!
เหยาเชียนเชียนชะงักไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันที่จะดึงสติกลับมาได้ เงาดำสายหนึ่งก็โฉบผ่านไปพร้อมดึงปีกไก่หายไปอีกครั้ง
ความ...ความเจริญรุ่งเรือง ประชาธิปไตย อารยธรรม ความสามัคคี เสรีภาพ ความซื่อสัตย์ ความทุ่มเท และความเป็มิตร...
คงไม่ถึงขนาดที่นางออกมาขโมยของกินกลางดึกแล้วจะเจอผีได้หรอกกระมัง มันก็จะน่าอนาถเกินไปนะ!
นางลอบคร่ำครวญในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปยังตรงนั้นอีกครั้ง วินาทีนั้น สายตาพลันสบเข้ากับดวงตากลมสีดำสนิทคู่หนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว
“อ๊าก!”
เสียงร้องด้วยความใของเหยาเชียนเชียนติดอยู่ในลำคอ อีกฝ่ายก็หวาดกลัวราวกับเห็นนางเป็ผีมาหลอกหลอนเสียเอง ทั้งกรีดร้องทั้งคลานไปที่ประตูอย่างร้อนรน
เมื่ออาศัยแสงจันทร์มองไป เหยาเชียนเชียนจึงเห็นได้ชัดเจน ดูเหมือนจะเป็เด็กชายอายุราวห้าหกขวบ ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตา เขาตระหนกใเสียจนตัวสั่นระริก วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากห้องเครื่องไป
เสียงกรีดร้องเล็กแหลมของเขาเมื่อครู่ไม่รู้ว่ามีผู้ใดได้ยินเข้าหรือไม่ ยามนี้ความประทับใจที่ชิงผิงอ๋องมีต่อนางแย่เหลือทน เหยาเชียนเชียนเพียงแค่อยากออกมาหาอะไรกินเท่านั้น นางยังไม่อยากยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธเคือง
เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงยื่นมือออกไปคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้อย่างรวดเร็ว พลางกล่าวเสียงเบาเจือแววข่มขู่สามส่วน ขอร้องเจ็ดส่วน
“อย่าส่งเสียง ข้ามิใช่คนร้าย”
เด็กน้อยร้องไห้หนักขึ้นจนใบหน้าเล็กแดงเรื่อ หลุดพูดตะกุกตะกักออกมาประโยคหนึ่งว่า “ท่าน...แม่ อย่าตีอาเหยียนเลย”
เชิงอรรถ
[1] หวังเฟย หมายถึง พระชายาของผู้มีฐานันดรอ๋อง
[2] ซื่อจื่อ หมายถึง ตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดฐานันดรอ๋อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้